id
stringlengths 8
27
| url
stringlengths 33
421
| title
stringlengths 10
176
| source
stringlengths 205
21.2k
| target
stringlengths 5
591
|
---|---|---|---|---|
thailand-48144185
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-48144185
|
ร.10 โปรดเกล้าฯ พระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องขัง ในโอกาสพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
|
โดยมีเนื้อหาว่า สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศว่า โดยที่ทรงพระราชดำริเห็นว่าในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก นับเป็นอภิลักขิตกาลสำคัญ เพื่อเป็นการแสดงพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว สมควรพระราชทานอภัยโทษแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ เพื่อให้โอกาสแก่บุคคลเหล่านั้นกลับประพฤติตนเป็นพลเมืองดี อันจะเป็นคุณประโยชน์แก่ประเทศชาติสืบไป พ.ร.ฎ. พระราชทานอภัยโทษฉบับนี้ ให้ไว้ ณ วันที่ 21 เม.ย. 2562 แต่เพิ่งประกาศในราชกิจจานุเบกษาวันนี้ (3 พ.ค.) และให้มีผลใช้บังคับตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (4 พ.ค.) โดยมี พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็นผู้รับสนองพระราชโองการ พ.ต.อ. ณรัชต์ เศวตนันทน์ อธิบดีกรมราชทัณฑ์ กล่าวกับบีบีซีไทยว่า พ.ร.ฎ. อภัยโทษที่ออกมา เป็นการดำเนินการตามโบราณราชประเพณีเนื่องในโอกาสมหามงคล โดยถือเป็นพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวที่พระราชทานแก่ผู้ต้องราชทัณฑ์ ซึ่งมีสาระสำคัญ 2 ส่วนคือ ให้ปล่อยตัวเลย และให้ลดโทษแก่ผู้ต้องขังตามลำดับชั้น อธิบดีกรมราชทัณฑ์กล่าวต่อว่า การปล่อยผู้ต้องขังจะเกิดขึ้นภายใน 120 วันนับจาก พ.ร.ฎ. มีผลใช้บังคับ โดยมีคณะกรรมการชุดหนึ่งเป็นผู้พิจารณา ประกอบด้วยผู้แทน 3 ฝ่าย ประกอบด้วย อัยการ, ผู้พิพากษา, ผู้ว่าราชการจังหวัด เป็นผู้ตรวจสอบคุณสมบัติเบื้องต้นก่อนส่งเรื่องให้ศาลออกหมายปล่อยต่อไป นักโทษเด็ดขาดที่ได้รับพระราชทานปล่อยตัวไป 1. มีโทษจำคุกตามกำหนดโทษที่ต้องได้รับต่อไปเหลืออยู่ไม่เกิน 1 ปี 2. มีลักษณะอย่างหนึ่งอย่างใด ดังนี้ ที่มา : บีบีซีไทยสรุปจาก พ.ร.ฎ. พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2562 มาตรา 6 โดยกำหนดเวลาต่าง ๆ ให้ นับถึงวันที่ พ.ร.ฎ. ฉบับนี้มีผลใช้บังคับ ทนายพันธมิตรคาด 5 แกนนำได้รับอานิสงส์ เว้นสนธิ นายสุวัตร อภัยภักดิ์ ทนายความกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) กล่าวกับบีบีซีไทยว่า พ.ร.ฎ. พระราชทานอภัยโทษ ที่ออกมา ส่งผลให้แกนนำ พธม. 6 คน ที่ถูกศาลฎีกาตัดสินจำคุกคนละ 8 เดือน ในคดีร่วมกันบุกรุกเข้าไปในทำเนียบรัฐบาล ระหว่างวันที่ 26 ส.ค.-3 ธ.ค. 2551 ได้รับการอภัยโทษ โดยนายสุวัตรคาดว่า แกนนำทั้งหมดจะได้รับการปล่อยตัวพรุ่งนี้ (4 พ.ค.) ยกเว้นนายสนธิ ลิ้มทองกุล ที่ถูกตัดสินว่ามีความผิดตาม พ.ร.บ. หลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ในกรณีทำรายงานการประชุมของบริษัทเป็นเท็จเพื่อขออนุมัติเงินกู้จากธนาคารกรุงไทย ซึ่งไม่เข้าเกณฑ์การได้รับอภัยโทษตาม พ.ร.ฎ. ฉบับนี้ แต่คาดว่าจะได้รับการลดโทษ เนื่องจากขณะนี้นายสนธิเป็นนักโทษชั้นเยี่ยม และมีอายุเกิน 70 ปี ซึ่งจะทำให้นายสนธิเหลือโทษจำคุกอีกประมาณ 10 ปี นายสุวัตรระบุว่า แกนนำ พธม. ที่คาดว่าจะได้รับการปล่อยตัวจากเรือนจำพิเศษกรุงเทพ ได้แก่ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง, นายพิภพ ธงไชย, นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์, นายสมศักดิ์ โกศัยสุข และนายสุริยะใส กตะศิลา 5 แกนนำพันธมิตร คาดกำนันเป๊าะ-บิ๊กกรุงไทย-ชูชีพ พ้นการคุมประพฤติ ขณะที่ผู้ต้องโทษอีกกลุ่มที่ให้ได้รับพระราชทานปล่อยตัวตาม พ.ร.ฎ. นี้ในมาตรา 5 คือกลุ่มผู้ได้รับการปล่อยตัวคุมประพฤติ บีบีซีไทยเข้าใจว่า ผู้ต้องราชทัณฑ์กลุ่มนี้คือกลุ่มที่ได้รับการอนุมัติ "พักโทษ" กรณีมีเหตุพิเศษ เนื่องจากได้รับโทษจำคุกมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของโทษตามคำพิพากษา, เป็นนักโทษสูงอายุที่มีอายุเกินกว่า 70 ปี และเป็นผู้เจ็บป่วยร้ายแรงเรื้อรัง ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ สำหรับนักโทษมีชื่อเสียงที่อยู่ในกลุ่มนี้ อาทิ ก่อนหน้านี้เมื่อ 11 ธ.ค. 2559 ในหลวง ร. 10 ทรงมีพระราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้ประกาศใช้ พ.ร.ฎ. พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2559 มาแล้วครั้งหนึ่ง เนื่องในโอกาสแรกนับแต่ขึ้นทรงราชย์สืบราชสันตติวงศ์ พ.ศ. 2559
|
เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษาเผยแพร่พระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) พระราชทานอภัยโทษ พ.ศ. 2562 เนื่องในโอกาสมหามงคลพระราชพิธีบรมราชาภิเษก
|
features-52891032
|
https://www.bbc.com/thai/features-52891032
|
ดวงอาทิตย์ปลดปล่อย "โซลาร์แฟลร์" ทรงพลังสูงสุดในรอบเกือบสามปี
|
ภาพจากดาวเทียมสังเกตการณ์สุริยพลวัต (SDO) เมื่อวันที่ 29 พ.ค. 2020 มีแสงสว่างเป็นวงโค้งเหนือจุดมืดตรงขอบฟ้าด้านซ้ายของดวงอาทิตย์ นับแต่เดือน ต.ค. ของปี 2017 เป็นต้นมา นี่เป็นครั้งแรกที่ดวงอาทิตย์ปลดปล่อยพลังงานในระดับสูง ซึ่งอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าดวงอาทิตย์เริ่ม "ตื่น" และกำลังเข้าสู่วัฏจักรสุริยะรอบใหม่ซึ่งเป็นรอบที่ 25 แล้ว ทั้งจะมีความเคลื่อนไหวของพลังแม่เหล็กไฟฟ้าสูงขึ้นในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ปรากฏการณ์โซลาร์แฟลร์นั้นคือการปะทุของรังสีที่กำเนิดจากจุดมืด (Sunspot) บนดวงอาทิตย์ โดยจุดมืดนั้นจะเกิดขึ้นชั่วคราวและมีอุณหภูมิต่ำกว่าพื้นผิวโดยรอบ แต่ถือเป็นบริเวณที่มีสนามแม่เหล็กทรงพลังอย่างน่าประหลาดใจ นักวิทยาศาสตร์จัดระดับความรุนแรงของโซลาร์แฟลร์ออกเป็น 3 ขั้น เรียงจากน้อยไปหามาก ได้แก่ระดับ C M และ X ตามลำดับ โดยระดับที่อยู่เหนือกว่าจะทรงพลังมากกว่าขั้นรองลงไปถึง 10 เท่า ปรากฏการณ์โซลาร์แฟลร์ครั้งล่าสุดนี้อยู่ในระดับ M ซึ่งนับว่าทรงพลังปานกลาง ทั้งการปะทุพลังงานยังเกิดขึ้นในด้านที่รังสีจะไม่พุ่งตรงมายังโลก ทำให้ไม่เกิดปรากฏการณ์บนโลกที่สัมพันธ์กัน เช่นแสงเหนือหรือออโรรา รวมทั้งไม่ก่อความเสียหายต่อระบบโทรคมนาคมและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่าง ๆ ด้วย อย่างไรก็ตาม นี่อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าดวงอาทิตย์ได้เปลี่ยนผ่านเข้าสู่วัฏจักรสุริยะรอบใหม่ ซึ่งวนมาบรรจบครบรอบทุก 11 ปีแล้ว โดยน่าจะได้เคลื่อนออกจากวัฏจักรรอบที่ 24 และเข้าสู่ภาวะ Solar minimum ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวัฏจักรรอบที่ 25 เป็นที่เรียบร้อย ในภาวะนี้ดวงอาทิตย์จะมีจุดมืดน้อยที่สุดหรือไม่มีเลย และมีความเคลื่อนไหวทางแม่เหล็กไฟฟ้าต่ำสุด ก่อนจะค่อย ๆ มีการปะทุพลังงานเพิ่มขึ้นในเวลาต่อมา จนไปถึงจุดสูงสุดหรือ Solar maximum และค่อย ๆ กลับสู่จุดต่ำสุดอีกครั้ง จุดมืดบนดวงอาทิตย์เกิดจากสนามแม่เหล็กความเข้มสูงที่กักความร้อนเอาไว้ไม่ให้ออกสู่พื้นผิว นักวิทยาศาสตร์ยังไม่ทราบว่า พลวัตด้านพลังงานของดวงอาทิตย์หรือวัฏจักรสุริยะนี้เกิดขึ้นเพราะสาเหตุใด ทราบแต่เพียงว่าความเปลี่ยนแปลงในสนามแม่เหล็กของดวงอาทิตย์จากการสลับขั้วแม่เหล็กเหนือ-ใต้ ที่เกิดขึ้นทุก 11 ปี มีความเกี่ยวข้องกับพลวัตนี้ เมื่อปลายปีที่แล้ว องค์การบริหารกิจการด้านมหาสมุทรและชั้นบรรยากาศแห่งชาติสหรัฐฯ หรือโนอา (NOAA) ได้พยากรณ์ไว้ว่าภาวะ Solar minimum ระหว่างวัฏจักรสุริยะรอบที่ 24 - 25 จะเกิดขึ้นในเดือนเมษายน ปี 2020 หรือก่อนและหลังจากนั้นไม่เกิน 6 เดือน เจ้าหน้าที่ขององค์การนาซาบอกว่า "เราต้องใช้เวลาเฝ้าสังเกตการณ์อย่างต่ำถึงครึ่งปี จึงจะสามารถบอกได้ว่าปรากฏการณ์โซลาแฟลร์ครั้งนี้เป็นสัญญาณของวัฏจักรสุริยะรอบใหม่แน่หรือไม่ โดยต้องคอยนับจำนวนจุดมืดบนดวงอาทิตย์อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เห็นความเปลี่ยนแปลงทั้งการลดลงและเพิ่มขึ้นของจุดมืดอย่างชัดเจนเสียก่อน จึงจะสามารถยืนยันได้"
|
ดาวเทียมสังเกตการณ์สุริยพลวัต (SDO) ขององค์การนาซา สามารถจับภาพการปลดปล่อยพลังงานครั้งใหญ่จากดวงอาทิตย์ ในรูปของเปลวสุริยะหรือโซลาร์แฟลร์ (Solar flare) ได้เมื่อวันศุกร์ที่ 29 พ.ค. ตามเวลาท้องถิ่นของสหรัฐฯ โดยนับเป็นการปลดปล่อยโซลาร์แฟลร์ที่ทรงพลังสูงสุดในรอบเกือบ 3 ปี
|
international-43625363
|
https://www.bbc.com/thai/international-43625363
|
มกุฎราชกุมารซาอุฯ ชี้ชาวอิสราเอลมีสิทธิ์ในเขตแดนของตัวเอง
|
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย การให้สัมภาษณ์ของมกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบียครั้งนี้ เกิดขึ้นระหว่างที่มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด อยู่ระหว่างการเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกา เพื่อหารือทางด้านการค้าการลงทุนและขอการสนับสนุนในการยับยั้งภัยคุกคามจากอิหร่าน เมื่อถูกถามว่าพระองค์ทรงเชื่อหรือไม่ว่าชาวยิวมีสิทธิ์ในการเป็นรัฐชาติในดินแดนที่สืบทอดจากบรรพบุรุษ มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด ตรัสว่า "ข้าพเจ้าเชื่อว่าทั้งชาวปาเลสไตน์และชาวอิสราเอล ต่างมีสิทธิ์เหนือเขตแดนของตัวเอง แต่ต้องมีการทำข้อตกลงสันติภาพเสียก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าราษฎรทุกคนจะมีความมั่นคง และสามารถมีความสัมพันธ์ได้อย่างปกติ" เมื่อวันที่ 30 มี.ค. ได้เกิดเหตุการณ์ประท้วงนองเลือดที่พรมแดนอิสราเอลและฉนวนกาซา ชาวปาเลสไตน์ 16 คน เสียชีวิตในเหตุปะทะกับทหารอิสราเอลระหว่างการประท้วงประจำปีของชาวปาเลสไตน์เพื่อทวงคืนดินแดนที่ถูกชาวยิวยึดครอง และมีผู้บาดเจ็บอีกนับพันคน เหตุปะทะที่พรมแดนอิสราเอล-ฉนวนกาซา ปัจจุบันซาอุดีอาระเบีย ซึ่งเป็นดินแดนต้นกำเนิดของศาสนาอิสลามและเป็นที่ตั้งอันศักดิ์สิทธิ์ทางศาสนาหลายแห่ง ไม่ให้การรับรองอิสราเอล หลังจากเข้ายึดครองดินแดนอาหรับในสงครามตะวันออกกลางเมื่อปี 1967 ซาอุดีอาระเบียจะฟื้นฟูความสัมพันธ์ก็ต่อเมื่ออิสราเอลถอนตัวออกจากดินแดนอาหรับ และปาเลสไตน์สามารถก่อตั้งเป็นเป็นรัฐชาติได้ "เรามีความกังวลทางศาสนาเกี่ยวกับอนาคตของมัสยิดอันศักดิ์สิทธิ์ในนครเยรูซาเล็มและสิทธิของชาวปาเลสไตน์ นี่คือสิ่งที่เรามี เราไม่ได้มีจุดประสงค์คัดค้านใครอื่น" อย่างไรก็ตาม ความตึงเครียดที่เพิ่มขึ้นระหว่างอิหร่านและซาอุดีอาระเบียได้ อาจผลักดันให้ซาอุดีอาระเบียและอิสราเอลร่วมมือกันมากขึ้น เพื่อป้องกันภัยคุกคามจากอิหร่านที่พยายามขยายเขตอิทธิพลของตนเองออกไปในตะวันออกกลาง ธงซาอุดีอาระเบียกับอิสราเอล มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด ตรัสเพิ่มเติมว่า มีผลประโยชน์มากมายที่ซาอุดีอาระเบียและอิสราเอลมีร่วมกัน และหากสันติภาพเกิดขึ้น ทั้งอิสราเอลและกลุ่มประเทศความร่วมมืออ่าวอาหรับ (Gulf Cooperation Council - GCC) ก็จะยิ่งมีการแบ่งปันผลประโยชน์ร่วมกันมากขึ้น เมื่อเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา ซาอุดีอาระเบียได้เปิดให้เครื่องบินพาณิชย์บินผ่านน่านฟ้าไปยังอิสราเอลได้เป็นครั้งแรก ซึ่งทางการอิสราเอลเรียกเหตุการณ์ครั้งนั้นว่าเป็นครั้งประวัติศาสตร์หลังมีความพยายามขอบินผ่านน่าฟ้าซาอุดีอาระเบียมาเป็นเวลาสองปี ก่อนหน้านี้ในเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว หนึ่งในสมาชิกคนหนึ่งของคณะรัฐมนตรีซาอุดีอาระเบีย ถูกเปิดโปงว่ามีการติดต่ออย่างลับ ๆ กับอิสราเอล ข่าวลือเรื่องการเจรจาในทางลับดังกล่าวยังถูกปฏิเสธจากรัฐบาลซาอุดีอาระเบีย เมื่อปีที่แล้ว ซาอุดีอาระเบีย ประณามนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งแถลงรับรองนครเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวงของอิสราเอล อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์ได้รับรายงานจากเจ้าหน้าที่ทางการของชาติอาหรับว่า รัฐบาลกรุงริยาดของซาอุดีอาระเบียดูเหมือนว่าจะเปิดกว้างกับสหรัฐฯ มากขึ้นต่อยุทธศาสตร์ในการจัดการปัญหาระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์
|
เจ้าชายโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมาน มกุฎราชกุมารแห่งซาอุดีอาระเบีย ตรัสว่าชาวอิสราเอลมีสิทธิ์ในการดำเนินชีวิตอย่างสงบสุขในแผ่นดินของตนเอง ในการให้สัมภาษณ์กับนิตยสารดิ แอตแลนติก ของสหรัฐฯ
|
international-50436101
|
https://www.bbc.com/thai/international-50436101
|
สิทธิสตรี : พิพิธภัณฑ์ "โยนี" แห่งแรกของโลก
|
ถ้วยรองประจำเดือน กับผ้าอนามัยแบบสอด สิ่งของตั้งแสดงในพิพิธภัณฑ์ ฟลอเรนซ์ เชชเทอร์ ผู้อำนวยการพิพิธภัณฑ์ บอกกับสื่อในวันเปิดตัวพิพิธภัณฑ์ว่า ตัดสินใจเปิดพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ เพราะไม่เห็นว่ามีพิพิธภัณฑ์ใดที่ให้ความรู้เรื่องจุดซ่อนเร้นของผู้หญิงโดยเฉพาะ ในขณะที่มีพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์ชายก่อตั้งขึ้นแล้วที่ไอซ์แลนด์ ต่างหูไหมพรมถักเป็นรูปปากช่องคลอดของสตรีวางขายในพิพิธภัณฑ์ โครงการก่อตั้งพิพิธภัณฑ์ "โยนี" แห่งแรกของโลกนี้เริ่มต้นมาตั้งแต่สองปีก่อน โดยระยะแรกเป็นเพียงพิพิธภัณฑ์ที่ชั่วคราวที่โยกย้ายไปเปิดแสดงในหลายเมืองของอังกฤษ ส่วนพิพิธภัณฑ์ที่เปิดล่าสุดนี้ตั้งอยู่ในห้องแสดงไม่ใหญ่มาก ผู้ก่อตั้งวางแผนว่า จะสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ถาวรในอีกสองสามปีข้างหน้า นสพ.เดอะการ์เดี้ยนของอังกฤษรายงานว่า พิพิธภัณฑ์ตั้งขึ้นโดยได้รับเงินบริจาคจากคนราว 1,000 คน ที่บริจาคเงินราว 50,000 ปอนด์ หรือเกือบ 2 ล้านบาท ร่วมก่อตั้ง ต่างหูของที่ระลึกที่วางขายในพิพิธภัณฑ์ พิพิธภัณฑ์โยนีมีแนวคิดว่า ผู้คนไม่ควรต้องละอายในเรื่องรูปร่างของตัวเอง แต่ควรจะมองกายวิภาคของกันและกันอย่างเสรีและเท่าเทียม พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ยังมุ่งหวังจะเป็นพื้นที่สำหรับการแลกเปลี่ยนในเรื่องสิทธิสตรี และความเท่าเทียมกันทางเพศ และชุมชนคนข้ามเพศ โดยไม่ต้องการให้มองการมีสัมพันธ์ในรูปแบบอื่นนอกเหนือจากชาย-หญิงว่าเป็นสิ่งผิดปกติ โปสเตอร์ที่จัดแสดงในพิพิธภัณฑ์ให้ข้อมูลว่า "ประชากรเกือบ 50% ในโลกเป็นคนที่มีอวัยวะเพศหญิง และคนส่วนใหญ่ก็ลืมตาดูโลกผ่านทางอวัยวะเพศหญิง แต่ว่ากายวิภาคในเรื่องอวัยวะสืบพันธุ์ของสตรีกลับยังเป็นเรื่องต้องห้าม" เนื้อหาส่วนหนึ่งของการจัดแสดงยังให้ข้อมูลผลการสำรวจของ YouGov เมื่อเดือนมีนาคมที่ผ่านมาด้วยว่า ผู้หญิงอังกฤษกว่าครึ่งไม่สามารถบอกได้ว่า อวัยวะเพศหญิง (52%) แคมเล็ก/แคมใหญ่ (47%) และท่อปัสสาวะ (58%) นั้นทำงานหรือมีรูปร่างหน้าตาอย่างไร
|
ในสัปดาห์นี้มีพิพิธภัณฑ์เปิดใหม่ใกล้ตลาดแคมเดน (Camden Market) ทางเหนือของกรุงลอนดอน เป็นพิพิธภัณฑ์ที่อุทิศให้กับเรื่องราวเกี่ยวกับอวัยวะสืบพันธุ์ของสตรี
|
international-40843037
|
https://www.bbc.com/thai/international-40843037
|
“แก้วชีวภาพ” ทางเลือกใหม่แก้ไขปัญหากระดูก
|
วัสดุดีที่สุดที่ใช้ประสานกระดูกหักหรือแก้ไขปัญหากระดูกอื่น ๆ ในอนาคต อาจเป็นแก้วชนิดพิเศษ ภาควิชาวัสดุศาสตร์ของอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน กำลังทดสอบใช้งานชิ้นแก้วชีวภาพรุ่นใหม่ ซึ่งมีลักษณะคล้ายลูกบาศก์ขนาดเล็กที่มีโครงสร้างเป็นตาข่ายโปร่งและมีความยืดหยุ่นสูง โดยทดลองใช้สอดเข้าไปในกระดูกขาส่วนที่เสียหายเพราะแตกหักหรือเกิดโรคที่ทำให้สูญเสียมวลกระดูก เพื่อให้แก้วชีวภาพช่วยยึดไม่ให้กระดูกเคลื่อน รวมทั้งรองรับน้ำหนักแทนกระดูกส่วนที่เสียไป โดยไม่ต้องใช้วัสดุโลหะยึดตรึงจากภายนอก นายจูเลียน โจนส์ หนึ่งในคณะผู้พัฒนาแก้วชีวภาพรุ่นล่าสุดบอกว่า วัสดุดังกล่าวจะค่อย ๆ สลายตัวในร่างกายโดยเชื่อมประสานรอยแตกร้าวในกระดูก ซึ่งพบว่าสามารถใช้งานได้แม้แต่ในกรณีที่รักษายากเช่นอาการบาดเจ็บในส่วนกระดูกอ่อน นอกจากนี้ แก้วชีวภาพยังปลดปล่อยโซเดียมไอออนซึ่งมีคุณสมบัติฆ่าเชื้อออกมาด้วย ทำให้อาการบาดเจ็บหายเร็วขึ้น การรักษาด้วยแก้วชีวภาพยังทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาเคลื่อนไหวส่วนที่บาดเจ็บได้เร็ว โดยจะกระจายน้ำหนักจากกระดูกส่วนที่เสียหายไปยังกระดูกส่วนอื่น ๆ อย่างทั่วถึง ซึ่งจะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายสร้างมวลกระดูกใหม่มาซ่อมแซมส่วนที่เสียหายได้เป็นอย่างดี แก้วชีวภาพ (Bioglass) มีความยืดหยุ่น ต่างจากแก้วที่เปราะแตกง่ายโดยทั่วไป ก่อนหน้านี้มีการคิดค้นแก้วชีวภาพขึ้นเป็นครั้งแรกเมื่อปี 1969 โดยนายแลร์รี เฮนช์ นักวิทยาศาสตร์ชาวอเมริกัน เพื่อช่วยเหลือทหารผ่านศึกเวียดนามที่บาดเจ็บจนต้องสูญเสียแขนขา แต่นายเฮนช์ได้นำงานวิจัยดังกล่าวมาพัฒนาต่อที่กรุงลอนดอน ซึ่งทำให้ต่อมามีการพัฒนานวัตกรรมแก้วชีวภาพขึ้นเพื่อใช้ในวงการแพทย์และทันตกรรมของสหราชอาณาจักร คณะผู้พัฒนาแก้วชีวภาพที่มีความยืดหยุ่นสูงของอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ระบุว่า ในอนาคตอันใกล้จะสามารถใช้เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติ ออกแบบและพิมพ์ชิ้นส่วนแก้วชีวภาพที่สอดรับกับความต้องการของคนไข้แต่ละคน โดยเป็นวัสดุพร้อมใช้ที่สามารถสอดเข้าไปในกระดูกส่วนที่เสียหายได้ทันที ซึ่งคาดว่าจะผ่านการทดสอบในระดับคลินิกและพร้อมนำออกใช้กับคนทั่วได้ภายใน 10 ปีนี้
|
วงการแพทย์ในสหราชอาณาจักรกำลังเร่งพัฒนาแก้วชีวภาพ (Bioglass) วัสดุแห่งอนาคตซึ่งมีทั้งความแข็งแกร่งและอ่อนนิ่มยืดหยุ่น สามารถสลายตัวเข้าประสานรอยแตกร้าวและความเสียหายของกระดูกส่วนต่าง ๆ โดยไม่ทำให้ร่างกายเกิดการต่อต้าน ทั้งยังช่วยฆ่าเชื้อในบาดแผลได้อีกด้วย
|
international-47116824
|
https://www.bbc.com/thai/international-47116824
|
ตรุษจีน : ชาวมุสลิมในมาเลเซียและอินโดนีเซียคิดอย่างไรกับสัญลักษณ์สัตว์ประจำปีกุน
|
ครูชาวมุสลิมร่วมงานเขียนอักษรจีนในกรุงกัวลาลัมเปอร์ ในช่วงที่กำลังจะเข้าสู่ปีกุน ในการเฉลิมฉลองตรุษจีนนั้น คนเชื้อสายจีนส่วนใหญ่มักใช้สัญลักษณ์ของสัตว์ประจำปีนักษัตรนั้น ๆ มาตกแต่งบ้านเรือน ทำเป็นของเล่น ของขวัญ และใช้ในการโฆษณาสินค้าต่าง ๆ เพื่อสื่อถึงการก้าวเข้าสู่ปีใหม่ อย่างไรก็ตาม หมู เป็นสัตว์ที่คนมุสลิมมองว่า สกปรกและเป็นอาหารต้องห้ามตามหลักศาสนาอิสลาม จึงทำให้เกิดคำถามตามมาว่า ความเชื่อนี้จะก่อให้เกิดปัญหาสำหรับผู้ที่เฉลิมฉลองเทศกาลตรุษจีนในประเทศที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้หรือไม่ เช่นเดียวกับครอบครัวชาวมาเลเซียเชื้อสายจีนส่วนใหญ่ ตรุษจีนถือเป็นเทศกาลที่ครอบครัวโชว ซึ่งอาศัยอยู่ในเมืองบาตู ปาฮัท อันเงียบสงบในรัฐยะโฮร์ ของมาเลเซีย ยึดถือปฏิบัติอย่างเคร่งครัด และปีนี้ยังมีความพิเศษมากเพราะ นายโชว ยุน คี, สเตลลา ภรรยาของเขา รวมทั้งลูกสาวต่างก็เกิดในปีกุนเหมือนกัน "เราจะตกแต่งบ้านให้เต็มไปด้วยของประดับรูปหมูนำโชค และแน่นอนว่าเราจะเชิญญาติพี่น้อง เพื่อนฝูง เพื่อนร่วมงาน และเพื่อนบ้านมาที่บ้านเราไม่ว่าพวกเขาจะมีเชื้อสายหรือศาสนาใด การเฉลิมฉลองมีขึ้นสำหรับทุกคน" นายโชว ซึ่งทำงานเป็นผู้จัดการโรงงานบิสกิตแห่งหนึ่งกล่าว นายโชว เล่าว่าไม่รู้สึกกังวลว่าการเฉลิมฉลองของเขาจะสร้างความไม่พอใจให้คนในชุมชน เพราะเขาเชื่อว่าไม่มีสัญญาณความขัดแย้งเรื่องการฉลองตรุษจีนปีนี้ "เมื่อปีก่อนมีกระแสต่อต้านมากทีเดียว" นายโชวเล่าถึงการฉลองตรุษจีนปีจอ ซึ่งชาวมุสลิมบางคนมองว่าสุนัขเป็นสัตว์ที่ไม่สะอาด ทางการมาเลเซียย้ำให้ใช้ความระมัดระวัง ไม่ประดับตกแต่งสถานที่ด้วยรูปสุนัขมากเกินไปในช่วงตรุษจีนปีที่แล้ว มาเลเซียมีความหลากหลายทางวัฒนธรรม แต่มีอิสลามเป็นศาสนาหลัก และที่ผ่านมาก็มีรายงานเพิ่มขึ้นเกี่ยวกับความไม่อดทนอดกลั้น ต่อกิจกรรมหรือการกระทำที่มองว่าหมิ่นศาสนาอิสลาม ด้วยเหตุนี้ บรรดาร้านค้าและผู้ประกอบการจึงหลีกเลี่ยงการใช้ภาพของสุนัข เพราะเกรงว่าจะสร้างความไม่พอใจให้แก่กลุ่มชาวมุสลิม ในทางกลับกัน นายโชว รู้สึกว่าทางการท้องถิ่นได้มองข้ามความรู้สึกของชาวมาเลเซียเชื้อสายจีน ซึ่งเฉลิมฉลองเทศกาลนี้ "มาเลเซียเป็นประเทศที่ประกอบไปด้วยคนหลายเชื้อชาติ ไม่ใช่แค่ชาวมุสลิมเชื้อสายมาเลย์ เรายังมีชุมชนชาวจีนและอินเดียด้วย รวมทั้งศาสนาอื่น เช่น คริสต์ ฮินดู ลัทธิเต๋า และพุทธศาสนา ดังนั้นเราจึงควรเคารพศาสนาและการเฉลิมฉลองของกันและกัน" เขากล่าว อย่างไรก็ตาม นายโชว กล่าวเสริมว่า "กระแสการเซ็นเซอร์" ไม่ได้ดำเนินต่อมาในปีกุนนี้ ย่านไชน่าทาวน์ในสิงค์โปร์ประดับประดาไปด้วยรูปหมูเป็นการต้อนรับเข้าสู่ปีกุน ชาวจีนเชื่อว่าสัตว์ประจำปีนักษัตรจีนแต่ละชนิดมีลักษณะและคุณสมบัติพิเศษที่แตกต่างกันไป โดยคนที่เกิดในปีกุนนั้นเชื่อว่าเป็นคนฉลาด มีความเห็นอกเห็นใจผู้อื่น และมีความซื่อสัตย์จงรักภักดี แล้วมันน่ากังวลไหม หากสัตว์ประจำปีนักษัตรบางชนิดไม่เป็นที่ต้อนรับจากคนในมาเลเซีย "ไม่มีเหตุผลอะไรที่น่าเป็นห่วงเลย" นายโจอี ยับ ที่ปรึกษาด้านฮวงจุ้ยชื่อดังที่มีสำนักงานในกรุงกัวลาลัมเปอร์ กล่าว เขาให้สัมภาษณ์กับบีบีซีว่าดูเหมือนจะไม่มีกระแสต่อต้านการฉลองตรุษจีนปีนี้ในมาเลเซีย เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ย่านไชน่าทาวน์ในกรุงจาการ์ตาประดับประดาไปด้วยสีแดงก่อนถึงวันตรุษจีน "หมูไม่น่ามีปัญหาอะไร" เขากล่าว พร้อมชี้ว่า ไม่ว่าคุณจะประดับสิ่งของหรือไม่ "จะไม่ส่งผลต่อโชคชะตาของคุณ" "สี สัญลักษณ์ต่าง ๆ ล้วนไม่สำคัญ อันที่จริงโชคชะตาของคุณขึ้นอยู่กับการกระทำ ดังนั้นจงยึดถือสิ่งที่ดีงาม" นายยับ กล่าว "หมูชนิดแรกที่คนมุสลิมกินได้" แม้อินโดนีเซียเป็นประเทศที่มีประชากรมุสลิมมากที่สุดในโลก แต่ตรุษจีนถูกกำหนดให้เป็นวันหยุดประจำชาติ มีการเฉลิมฉลองอย่างแพร่หลาย ตามเมืองต่าง ๆ มีการประดับโคมไฟ การจัดขบวนพาเหรด และการแสดงที่เต็มไปด้วยสีสัน น.ส.เมอร์รี โอลิเวีย ที่อาศัยอยู่ในกรุงจาการ์ตาเล่าว่า เพื่อนชาวมุสลิมของเธอต่างยอมรับกับภาพหมู ขนมคุกกี้รูปหมูสอดใส้แยมสับปะรดต้อนรับเทศกาลตรุษจีน ได้รับความสนใจทั้งจากลูกค้าเชื้อสายจีนและชาวมุสลิม "ฉันโตมากับเพื่อนชาวมุสลิมหลายคน ฉันจึงรู้ดีว่าภาพหมูจะไม่ทำให้พวกเขาไม่สบายใจ" น.ส.โอลิเวีย กล่าว พร้อมชี้ว่า หมูสื่อถึง "งานฉลองรื่นเริง" มากกว่าสัตว์ประจำปีนักษัตรอื่น ๆ "ถ้าคุณเปรียบหมูกับงู หมูจะดูน่ารักกว่า ดังนั้นผู้คนจึงนิยมซื้อของที่มีรูปหมูมากกว่า มีคนในจาการ์ตาไม่มากนักที่ชอบงู" น.ส.วาเลเรีย ริตา เชฟทำขนม ก็ออกสินค้าใหม่รับเทศกาลตรุษจีนนี้เป็นคุกกี้รูปหมูสอดใส้แยมสับปะรด เธอบอกว่าสินค้าตัวนี้ได้รับการตอบรับดีมาก "ส้มเป็นสัญลักษณ์ที่ได้รับความนิยมในเทศกาลตรุษจีน ปีนี้เราจึงตัดสินใจทำขนมรูปหมู และมียอดซื้อเต็มภายใน 2 สัปดาห์ที่เปิดให้สั่งจอง" ลูกค้าหลายคนเป็นชาวมุสลิม "พวกเขาซื้อคุกกี้ให้เพื่อนฝูงและเพื่อนร่วมงานเชื้อสายจีนที่ฉลองเทศกาลนี้ บางคนก็ซื้อให้ตัวเองเพราะชอบหมู" น.ส.ริตา กล่าว พร้อมเล่าเรื่องตลกของเพื่อนสนิทที่เป็นคนมุสลิมว่า "ขนมของฉันคือหมูชนิดแรกที่คนมุสลิมทานได้" "ผมไม่อยากสร้างความขุ่นเคืองใจ" แต่สถานการณ์กลับต่างออกไปสำหรับนายรังกา สัสตราจายา วัย 24 ปีจากเมืองโบกอร์ ในจังหวัดชวาตะวันตก เขาซื้อของเล่นและของประดับรูปหมู แต่ใช้ความระมัดระวังในการจัดแสดงมันอย่างเปิดเผย เพราะเขารู้สึกว่าชาวอินโดนีเซียหลายคนยังไม่ยอมรับความหลากหลายทางวัฒนธรรม "ผมอาจใส่เสื้อรูปหมูหรือแต่งบ้านด้วยของตกแต่งรูปหมู แต่จะค่อนข้างระวังในการแสดงสิ่งเหล่านี้ในที่สาธารณะ เพราะผมไม่อยากสร้างความขุ่นเคืองใจให้ใคร" เขายอมรับ ขณะเดียวกันก็มีคนบางกลุ่มที่ต่อต้านเทศกาลตรุษจีน โดย Forum Muslim Bogor (FMB) ซึ่งเป็นองค์กรอิสลามที่มีแนวคิดอนุรักษ์นิยมในจังหวัดชวาตะวันตก ได้ออกจดหมายเรียกร้องให้มีการยกเลิกเทศกาลต่าง ๆ โดยระบุว่าเป็น "สิ่งที่ไม่เหมาะสม" สำหรับชาวมุสลิม เพราะอาจ "ทำลายความเชื่อทางศาสนาอิสลาม" ความเคลื่อนไหวของ FMB มีขึ้นหลังจากองค์กรเยาวชนปัญจศีล (PP) ซึ่งเป็นกลุ่มนิยมขวาจัดของอินโดนีเซีย และสมาคมเยาวชนมาเลย์ (Malayan Persatuan Forum Komunikasi Pemuda Melayu - PFKPM) ออกมาประณามการฉลองตรุษจีนของชุมชนชาวจีนในประเทศ น.ส.ตุง จู-หลัน นักวิเคราะห์จากสถาบันวิทยาศาสตร์อินโดนีเซีย มองว่าความรู้สึกดังกล่าวเป็น "ผลมาจากความไม่ยอมรับความต่างและวาทกรรมทางการเมือง" ซึ่งเป็นลักษณะเดียวกับที่เกิดขึ้นในกรุงจาการ์ตาเมื่อ 2 ปีก่อน ตอนนั้นมีการประท้วงใหญ่ต่อต้านนายบาสุกี จาฮาจา ปูร์นามา หรือ "อาฮก" อดีตผู้ว่าการกรุงจาการ์ตาเชื้อสายจีนที่นับถือศาสนาคริสต์ ซึ่งต่อมาถูกตัดสินให้มีความผิดฐานดูหมิ่นศาสนาอิสลาม หลายฝ่ายมองว่าคดีนี้เป็นบททดสอบความเปิดกว้างทางด้านศาสนาของอินโดนีเซีย เมื่อปี 2017 "อาฮก" อดีตผู้ว่าการกรุงจาการ์ตาเชื้อสายจีนที่นับถือศาสนาคริสต์ ถูกตัดสินให้มีความผิดฐานดูหมิ่นศาสนาอิสลาม น.ส.ตุง จู-หลัน บอกว่า "ปัญหาความไม่อดทนอดกลั้นยังมีอยู่เพราะเรามีความรู้ความเข้าใจที่คับแคบเกี่ยวกับสิ่งที่เกิดขึ้น ยิ่งเราไม่เข้าใจมากเท่าไหร่ เราก็ยิ่งไม่อดทนอดกลั้นมากขึ้นเท่านั้น" ในกรณีของการฉลองตรุษจีน ชาวอินโดนีเซียจำนวนไม่น้อยรู้สึกว่ามันเป็นเทศกาล "เกี่ยวกับศาสนามากกว่าวัฒนธรรม" แต่ยังมีนักการเมืองคนหนึ่งที่ออกมากล่าวปกป้องชุมชนชาวจีน นั่นคือนายลุกมัน ฮาคิม ไซฟุดดิน รัฐมนตรีกิจการศาสนาของอินโดนีเซียที่ส่งเสริมให้คนในชาติเคารพความเชื่อของผู้คนจากต่างวัฒนธรรม ศาสนา และประเพณี "ไม่ว่าผู้คนจะมีความเข้าใจอย่างไรเกี่ยวกับการเฉลิมฉลองเช่นนี้ ผมขอให้ทุกคนเคารพขนบธรรมเนียมประเพณีนี้" รัฐมนตรีกิจการศาสนาของอินโดนีเซียกล่าว
|
ผู้มีเชื้อสายจีนทั่วโลกกำลังเตรียมเฉลิมฉลองเทศกาลสำคัญของปีอย่าง ตรุษจีน ซึ่งในปีนี้ตรงกับปีกุน ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของรอบปีนักษัตรจีน ที่มีสัญลักษณ์เป็นหมู
|
thailand-48572080
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-48572080
|
ตั้งรัฐบาล : ส่อง 7 กระทรวง ที่มีงบประมาณเกินแสนล้านบาท
|
11 วัน หลังแกนนำพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางไปสู่ขอภูมิใจไทย (ภท.) ร่วมรัฐบาลและหลังการโหวตนายกฯ นายอนุทิน หัวหน้าพรรค ภท. ก็ออกมาโพสต์ประเด็นการแลกกระทรวง "กระทรวงมีไว้ให้คนเข้าไปทำงาน ไม่ใช่มีไว้ให้มาเที่ยวแลกไปมา จบข่าว !!!" ข้อความบนเฟซบุ๊ก Anutin Charnvirakul ของนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) โพสต์เมื่อค่ำวันเสาร์ (8 มิ.ย.) ที่ผ่านมา เป็นปฏิกิริยาล่าสุดจากพรรคร่วมที่นำพา ส.ส. 50 คน หนุน พล.อ. ประยุทธ์ เป็นนายกฯ นายอนุทิน ยังได้แสดงความคิดเห็นในโพสต์ดังกล่าวอีกว่า "คมนาคม สาสุข (สาธารณสุข) ท่องเที่ยวครับ เปลี่ยนไม่ได้" ภายหลังการโพสต์ข้อความของนายอนุทิน ได้มีความเคลื่อนไหวจากซีกของพรรคพลังประชารัฐ นายธนกร วังบุญคงชนะ รองโฆษกพรรค พปชร. โพสต์บนเฟซบุ๊กในวันนี้ (9 มิ.ย.) ว่า "กระทรวงมีไว้ให้ทำงานเพื่อประชาชน ไม่ใช่มีไว้ให้เข้าไปหางานเพื่อบริษัท" ก่อนลบในเวลาต่อมา ท่าทีบนโลกโซเชียลของหัวหน้าพรรค ภท. และรองโฆษก พปชร. เกิดขึ้นหลังจาก นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ส่งสัญญาณบนเฟซบุ๊ก ระบุว่า "เมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้ว ต้องช่วยกันเดินหน้าประเทศไทยให้มีประสิทธิภาพที่สุด" นอกจากพรรคภูมิใจไทยและพลังประชารัฐ แล้ว วิวาทะการกล่าวถึง การจัดเก้าอี้รัฐมนตรีที่อยู่ในพื้นที่สื่อขณะนี้ยังรวมถึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส. นครศรีธรรมราช ประชาธิปัตย์ โพสต์บนเฟซบุ๊กวันนี้ (9 มิ.ย.) ว่า โควต้ารัฐมนตรีของพรรคประชาธิปัตย์ใน 2 กระทรวงหลัก ได้แก่ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ เป็นหนึ่งในเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลกับพรรค พปชร. ของ ปชป. ตามนโยบายของพรรคที่หวังแก้ปัญหาราคาพืชผลทางการเกษตร เปิดงบประมาณปี 62 กระทรวงไหนงบเท่าไหร่ ปัจจัยที่แต่ละพรรคจัดสรรไม่ลงตัว เป็นเพราะ "อำนาจและงบประมาณ" ที่แต่ละกระทรวงมีไม่เท่ากัน หรือที่เรียกว่าการแบ่งกระทรวงออกเป็นเกรดเอ บี ซี ดร. บุญเกียรติ การะเวกพันธุ์ อาจารย์ประจำหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยรามคำแหง ชี้ว่า ด้วยจำนวนเสียงที่รวมกันเป็นขั้วรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำขณะนี้ ส่งผลให้แต่ละพรรค และกลุ่มการเมืองภายในมีอำนาจต่อรอง พรรคการเมืองทุกพรรคต่างต้องการอำนาจในการจัดสรรประโยชน์ในนโยบายสาธารณะ ภายหลังจากประกาศนโยบายและได้เข้าไปเป็นรัฐบาล "ไม่มีใครแย่งกระทรวงวัฒนธรรม กระทรวงการต่างประเทศ กระทั่งกระทรวงศึกษาฯ แม้ว่าจะมีงบเยอะที่สุด เอาไปให้ไม่มีใครรับ เหตุเพราะว่างบฯ ของกระทรวงศึกษาฯ เป็นงบรายจ่ายประจำ งบเงินเดือน งบใช้สอย แต่งบโครงการมีน้อย" นักวิชาการรัฐศาสตร์ กล่าวกับบีบีซีไทย หากพิจารณางบรายกระทรวง กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งเป็นอีกหนึ่งกระทรวงเกรดเอ แม้งบประมาณประจำปีจะไม่ถึงหนึ่งหมื่นล้านบาท แต่ทว่าก็เป็นกระทรวงที่มีอำนาจในการควบคุมระบบเศรษฐกิจของประเทศ "นอกจากเป็นเรื่องของงบฯ แล้วยังเป็นเรื่องของอำนาจ เช่น กรมการค้าภายใน ควบคุมสินค้าภายในประเทศทั้งหมด การขึ้นและลงของราคาสินค้า เหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยที่มีผลต่ออำนาจของระบบราชการไทย" ที่มา : บีบีซีไทยรวบรวมจาก งบประมาณโดยสังเขป ฉบับปรับปรุงตาม พ.ร.บ. งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2562 - ซึ่งให้ตั้งเป็นจำนวนรวมทั้งสิ้น 3 ล้านล้านบาท
|
ภายหลังผ่านพ้นการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเสร็จสิ้น การจัดสรรและต่อรองเก้าอี้รัฐมนตรีของขั้วจากพรรคพลังประชารัฐ ที่รวบรวมเสียงเพื่อสนับสนุนให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี ดูเหมือนจะยังไม่ลงตัวตามที่มีการตกลงและต่อรอง ก่อนวันเลือกนายกฯ
|
international-54017913
|
https://www.bbc.com/thai/international-54017913
|
นายพลฟรังโก : ครอบครัวอดีตผู้นำเผด็จการฟรังโก ถูกทางการสเปนเรียกคืนพระราชวังฤดูร้อน
|
เรื่องนี้กลายเป็นคดีความขึ้นมาหลังมีข่าวทายาทของนายพลฟรังโกประกาศขายพระราชวัง ผู้พิพากษาชี้ว่าพระราชวังฤดูร้อน Pazo de Meirás ซึ่งถูกยกให้นายพลฟรังโกเมื่อปี 1938 นั้น เป็นการมอบให้ในฐานะประมุขแห่งรัฐ มิใช่เพื่อการครอบครองส่วนตัว นายพลฟรังโก สถาปนาระบอบเผด็จการขึ้น และตั้งตัวเองเป็นประมุขแห่งรัฐ เขาครองอำนาจไว้อย่างเหนียวแน่นจนกระทั่งเสียชีวิตในปี 1975 หลังจากนั้นสเปนจึงได้เปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตย แม้สเปนจะมีประชาธิปไตยที่ตั้งมั่นแล้วในตอนนี้ แต่ยุคสมัยของฟรังโกยังคงตามหลอกหลอน โดยในช่วงเปลี่ยนผ่านสู่การเป็นประชาธิปไตย ได้มี "ข้อตกลงลืมเลือน" ที่ไม่ได้เป็นลายลักษณ์อักษรเกิดขึ้น มีการรื้อถอนอนุสาวรีย์ฟรังโก และเปลี่ยนชื่อถนนสายต่าง ๆ ทายาทของเขาพยายามสู้คดีในศาลอยู่หลายครั้งเพื่อพิทักษ์อดีตที่เป็นตำนานของเขา แต่เมื่อปีที่แล้วทายาทเพิ่งแพ้คดีความที่มีการฟ้องร้องกันกับรัฐบาลสังคมนิยมของสเปนที่ตัดสินใจย้ายศพนายพลฟรังโกออกจากสุสานหุบเขาของผู้วายชนม์ รัฐบาลต้องการให้หุบเขาของผู้วายชนม์เป็น "สถานที่แห่งการระลึกถึงและเคารพผู้เสียชีวิตจากสงครามกลางเมือง" การที่ศพของนายพลฟรังโกถูกฝังไว้ที่นี่ ถือเป็นการสร้างความเสื่อมเสียต่อการมีประชาธิปไตยอย่างสมบูรณ์ คดีพระราชวังฤดูร้อนมีที่มาอย่างไร พระราชวังแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นช่วงปี 1893 ถึง 1907 เดิมทีเป็นของครอบครัว เอมิเลีย ปาร์โด บาซัน นักเขียนชาวสเปน เมื่อปี 2018 บรรดาหลานของนายพลฟรังโกประกาศขายพระราชวังนี้ในราคา 8 ล้านยูโร (ราว 294 ล้านบาท) ซึ่งสร้างความไม่พอใจให้สาธารณชนอย่างมาก ทางการเมืองอาโกรุญญา ในแคว้นกาลิเซียซึ่งเป็นที่ตั้งของพระราชวัง จึงดำเนินคดีตามกฎหมาย ต่อมาในปี 2019 ยิ่งเกิดความตึงเครียดมากขึ้นเมื่อรัฐบาลสเปนอ้างกรรมสิทธิ์ตามกฎหมาย โดยแย้งว่าการซื้อขายอย่างเป็นทางการซึ่งมีการโอนกรรมสิทธิ์เป็นชื่อของนายพลฟรังโกและภรรยาเมื่อปี 1941 นั้นเป็นการฉ้อโกง แม้ข้ออ้างของรัฐบาลจะได้รับการสนับสนุนจากทางการระดับท้องถิ่นและระดับภูมิภาค แต่หลานของนายพลฟรังโกทั้ง 6 คนแย้งว่าการขายพระราชวังครั้งนั้นถูกต้องตามกฎหมาย ผู้เสียชีวิตหลายพันคนจากสงครามกลางเมือง ถูกฝังที่สุสานหุบเขาของผู้วายชนม์ (Valley of the Fallen) นายฟรานซิส ฟรังโก หลานชายคนหนึ่งกล่าวหารัฐบาลว่าพยายาม "เอาคืน" กับครอบครัวฟรังโก จากการที่ครอบครัวไม่ยอมถอยในข้อพิพาทเรื่องสถานที่ฝังศพนายพลฟรังโก ทางครอบครัวยังได้แสดงหลักฐานเพื่อพิสูจน์ว่าพวกเขาได้จ่ายเงินในการบูรณะซ่อมแซมพระราชวัง ศาลตัดสินว่าอย่างไร ผู้พิพากษา มาร์ทา คานาเลส เห็นด้วยกับรายงานที่ผู้เชี่ยวชาญด้านประวัติศาสตร์และกฎหมายจัดทำขึ้นในปี 2018 ตามการว่าจ้างของทางการท้องถิ่น รายงานระบุว่าการขายพระราชวังให้นายพลฟรังโกในปี 1941 นั้นไม่ใช่สัญญาที่แท้จริง ดังนั้นจึงไม่ชอบด้วยกฎหมาย ผู้พิพากษามีคำตัดสินว่า คฤหาสน์หลังนี้ถูกมอบเป็นของขวัญให้แก่ "นายพลแห่งกองทัพและประมุขของรัฐ" มิใช่เป็นการยกให้ในนามของ ฟรานซิสโก ฟรังโก บาฮามอนเด ซึ่งเป็นชื่อที่เขาเป็นที่รู้จัก คำตัดสินนี้หมายถึงอะไร คำสั่งของศาลตีความได้ง่าย ๆ ว่า "ฟรังโกไม่เคยซื้อมันไว้" ถือเป็นการพลิกข้ออ้างกรรมสิทธิ์ส่วนบุคคลที่ครอบครัวยึดถือไว้มากว่า 8 ทศวรรษ นายพลฟรังโกได้รับมอบพระราชวังแห่งนี้ในปี 1938 จากกลุ่มผู้นำชุมชน ซึ่งบางคนบีบบังคับให้ลูกสมุนออกเงินลงขันด้วย ขณะนั้นฟรังโกเป็นผู้นำแนวร่วมชาตินิยมสเปน และต่อมาไม่นานกลายเป็นผู้นำเผด็จการ แต่หนังสือสัญญาที่ทำขึ้นในปี 1941 ซึ่งอาคารหลังนี้ถูกจดทะเบียนสินทรัพย์ว่าเป็นสมบัติส่วนตัวนั้นเป็นสัญญาที่ถูกแต่งขึ้น ทำให้ผลทางกฎหมายที่เกิดขึ้นนับจากนั้น รวมทั้งการถือกรรมสิทธิ์ของลูกหลานของเขามีผลเป็นโมฆะและถูกยกเลิกไป นอกจากจะเป็นประเด็นเรื่องทางกฎหมายแล้ว คำสั่งของศาลยังเสมือนเป็นการรื้อประเด็นการเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยหลังนายพลฟรังโกเสียชีวิตในปี 1975 ซึ่งมีหลายแง่มุมของยุคเผด็จการที่ไม่มีใครพูดถึง เห็นได้จากการที่รัฐบาลสเปนสู้คดีเพื่อถือกรรมสิทธิ์พระราชวัง หลังจากที่ศพของนายพลฟรังโกถูกย้ายออกจากสุสานหุบเขาของผู้วายชมม์ ซึ่งเป็นสุสานขนาดใหญ่ที่ฝังศพของผู้เสียชีวิตในสงครามกลางเมืองของทั้งสองฝ่ายหลายหมื่นคนได้ไม่ถึงหนึ่งปี ทายาทของนายพลฟรังโกมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คดีนี้ หากเห็นว่าเป็นการตัดสินที่ไม่เป็นธรรม นายพลฟรังโกเกิดที่เมืองกาลิเซีย แม้จะเสียชีวิตไปกว่า 45 ปีแล้ว แต่อิทธิพลของเขาก็ยังเป็นสิ่งที่สัมผัสได้ในสเปน กษัตริย์ฮวน คาร์ลอส ซึ่งมีส่วนช่วยให้สเปนเปลี่ยนผ่านสู่ระบอบประชาธิปไตยในปี 1975 ทรงสละราชสมบัติในปี 2014 และเมื่อเดือนที่แล้ว สื่อสเปนรายงานว่าทรงปรากฏพระองค์ที่สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ หลังจากเสด็จออกนอกประเทศ สืบเนื่องจากทรงตกเป็นข่าวอื้อฉาวว่าพัวพันการทุจริต
|
ศาลสเปนมีคำสั่งให้พระราชวังฤดูร้อนที่นายพลฟรานซิสโก ฟรังโก เผด็จการฟาสซิสต์ของสเปนเคยครอบครอง ตกเป็นสมบัติของรัฐ และให้ครอบครัวของเขาส่งมอบคืน
|
international-46108063
|
https://www.bbc.com/thai/international-46108063
|
เจ้าหญิงอโยธยาผู้มาเป็นราชินีแดนโสม ตำนานสองพันปีเชื่อมสัมพันธ์อินเดีย-เกาหลีใต้
|
นอกจากตำนานโบราณแล้ว ยังไม่พบหลักฐานอื่นที่ยืนยันว่าเจ้าหญิงสุรีรัตนามีตัวตนจริงในประวัติศาสตร์ เรื่องราวของเจ้าหญิงสุรีรัตนา หรือ "ราชินีสกุลฮอ" เป็นเพียงข้อความสั้น ๆ ที่บันทึกไว้ในหนังสือโบราณเล่มหนึ่ง ซึ่งผู้เชี่ยวชาญไม่ถือว่าเป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อถือได้ด้วยซ้ำ ทั้งยังไม่พบหลักฐานอื่น ๆ ที่ยืนยันว่าพระนางมีตัวตนอยู่จริงหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตาม ตำนานนี้กลับมีความสำคัญต่อชาวเกาหลีใต้หลายล้านคนในปัจจุบัน ทั้งยังช่วยเชื่อมสัมพันธ์ทางการทูตและการค้าระหว่างเกาหลีใต้และอินเดียให้แน่นแฟ้นขึ้นอีกมาก นางคิม จอง ซุก สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเกาหลีใต้ เพิ่งเข้าร่วมในพิธีวางศิลาฤกษ์เพื่อสร้างสวนสาธารณะและอนุสรณ์สถานรำลึกถึงราชินีสกุลฮอ ในเมืองอโยธยาของรัฐอุตตรประเทศในวันนี้ (6 พ.ย.) หลังจากที่เธอและสามีคือประธานาธิบดีมุน แจ อิน ของเกาหลีใต้ ได้เยือนอินเดียอย่างเป็นทางการมาแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา นางคิม จอง ซุก สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเกาหลีใต้ เดินทางไปยังเมืองอโยธยาระหว่างการเยือนอินเดีย ตำนานแห่งเจ้าหญิงหยกสีเหลือง หนังสือโบราณ "ซัมกุก ยูซา" (บันทึกแห่งสามราชอาณาจักร) ซึ่งรวบรวมตำนานและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ของเกาหลีเอาไว้ ชี้ว่าเจ้าหญิงสุรีรัตนาซึ่งมีชื่อเกาหลีว่า "ฮอ ฮวาง อ๊ก" เสด็จจากอาณาจักร "อายุทา" มายังคาบสมุทรเกาหลีเมื่อราวค.ศ. 48 และได้เป็นผู้ร่วมก่อตั้งราชวงศ์คารัก ตระกูลของเจ้าผู้ครองนครรัฐกึมกวันกายา ซึ่งปัจจุบันคือเมืองคิมแฮในเกาหลีใต้ หลักฐานจากเอกสารภาษาจีนบางฉบับระบุว่า เทพเจ้าได้มาเข้าฝันกษัตริย์แห่งอโยธยา ให้ส่งราชธิดาวัย 16 ชันษาไปอภิเษกสมรสกับกษัตริย์คิม ซูโร โดยพระนางมีโอรสให้กับกษัตริย์ต่างแดนผู้นี้ถึง 10 พระองค์ด้วยกัน และทั้งสองต่างครองคู่อยู่กันจนสิ้นอายุขัยที่ยืนยาวถึง 150 พรรษา ภาพในจินตนาการของเจ้าหญิงสุรีรัตนา หรือราชินีฮอ ฮวาง อ๊ก ทั้งนี้ สันนิษฐานว่าชื่อสกุล "ฮอ" ของพระนางในภาษาเกาหลี น่าจะมาจากตัวอักษร "ซู" ในภาษาจีน ซึ่งพ้องเสียงกับคำว่า "สุ" ในชื่อสุรีรัตนา ส่วนชื่อตัว "ฮวาง อ๊ก" มีความหมายว่าหยกสีเหลืองหรืออัญมณีโทพาซ (Topaz) ซึ่งตรงกับความหมายของพระนามในภาษาบาลี-สันสกฤต เดวิด แคนน์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีแผนกภาษาเกาหลีรายงานว่า เรื่องราวของเจ้าหญิงสุรีรัตนานั้นถือว่าเป็นเพียงตำนานปรัมปรา ซึ่งนักวิชาการไม่นับว่าเป็นเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่เชื่อถือได้ มีการนำตำนานนี้ไปสร้างเป็นละครและแต่งเป็นนิยายหลายเรื่องหลายรูปแบบ เนื่องจากตำนานที่คลุมเครือไม่ชัดเจนเปิดช่องให้มีการตีความและเสริมแต่งเรื่องราวได้อย่างไม่จำกัด นักวิชาการชาวเกาหลีใต้บางคนสันนิษฐานว่า อาณาจักร "อายุทา" ที่เจ้าหญิงสุรีรัตนาจากมา อาจหมายความถึงอาณาจักรอยุธยาของไทยก็เป็นได้ แต่ก็มีข้อเท็จจริงที่แย้งว่า ในยุคนั้นอาณาจักรอยุธยายังไม่มีอยู่ ทั้งยังก่อตั้งขึ้นภายหลังยุคของพระนางกว่าพันปี ส่วนเมืองอโยธยาในชมพูทวีป ซึ่งถือว่าเป็นเมืองศักดิ์สิทธิ์เพราะเป็นที่ประสูติของพระรามในเรื่องรามเกียรติ์นั้น ในยุคของเจ้าหญิงสุรีรัตนาผู้คนจะเรียกชื่อเมืองนี้ว่า "สาเกต" ไม่ใช่เมืองอโยธยาซึ่งเป็นชื่อเรียกขานในยุคหลัง ราชวงศ์คารักคือต้นตระกูลของชาวเกาหลีหลายล้านคน สกุลคิมสายเมืองคิมแฮ ซึ่งเป็นสายเลือดของราชวงศ์คารักที่สืบทอดมาจากกษัตริย์คิม ซูโร และราชินีฮอ ฮวาง อ๊ก จากแดนภารตะโดยตรง ปัจจุบันเป็นหนึ่งในสายสกุลคิมที่ใหญ่ที่สุดในเกาหลีและมีสมาชิกจำนวนหลายล้านคน ตำนานโบราณยังระบุว่า ราชินีสกุลฮอทรงเสียพระทัยที่ไม่มีราชบุตรผู้สืบชื่อสกุลของตนเอง กษัตริย์คิม ซูโร จึงโปรดให้โอรสสองพระองค์ใช้ชื่อสกุลฮอ ทำให้ยังมีชาวเกาหลีใต้ผู้ใช้นามสกุลนี้อยู่เป็นจำนวนมากในปัจจุบัน นายคิม จอง พิล (ซ้าย) และนายคิม ฮุน ชุล (ขวา) บุตรชายของอดีตประธานาธิบดีคิม ยัง ซัม ผู้ล่วงลับ ต่างก็สืบเชื้อสายจากราชวงศ์คารัก นักประวัติศาสตร์ของเกาหลีใต้ชี้ว่า ทุกวันนี้สกุลคิมและสกุลฮอแห่งเมืองคิมแฮมีสมาชิกรวมกันกว่า 6 ล้านคน คิดเป็น 10% ของประชากรเกาหลีใต้ทั้งหมด ซึ่งรวมถึงอดีตประธานาธิบดีคิม แด จุง และอดีตนายกรัฐมนตรีคิม จอง พิล ของเกาหลีใต้อีกด้วย ปัจจุบันลูกหลานของทั้งสองตระกูลยังได้เก็บรักษาอับเฉา หรือหินถ่วงน้ำหนักในท้องเรือลำที่เจ้าหญิงสุรีรัตนาใช้ล่องมายังคาบสมุทรเกาหลีเอาไว้เป็นอย่างดี ทางการอินเดียยังรายงานว่า ในแต่ละปีมีชาวเกาหลีใต้เดินทางไปเยือนเมืองอโยธยาเป็นจำนวนมาก และตัวเลขผู้มาเยือนจากแดนโสมขาวกำลังเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ซึ่งน่าจะเป็นเพราะสำนึกความผูกพันที่มีต่อบรรพสตรีจากชมพูทวีป อย่างไรก็ตาม ชาวเกาหลีใต้หลายคนบอกว่า ตำนานราชินีสกุลฮอจากแดนภารตะเพิ่งจะมาเป็นที่เล่าขานกันหนาหูและผู้คนเริ่มให้ความสนใจกันมากเมื่อไม่นานมานี้เอง บางคนเคยได้ยินตำนานนี้ไม่กี่ครั้งในวัยเด็ก บ้างก็ว่าตำนานนี้เป็นเหมือนเรื่องตลกประจำครอบครัวที่เอาไว้ล้อเลียนลูกหลานที่มีผิวคล้ำว่าสืบเชื้อสายมาจากคนอินเดีย "แม้หลายคนจะเชื่อว่าราชินีสกุลฮอมาจากดินแดนโพ้นทะเลทางใต้จริง ๆ แต่ก็มีหลักฐานบ่งชี้ว่า ตำนานนี้ถูกแต่งเติมให้พิสดารและน่าสนใจมากขึ้น ก็ต่อเมื่อถึงยุคที่พุทธศาสนาหยั่งรากมั่นคงในดินแดนเกาหลีแล้วเท่านั้น" เดวิด แคนน์ ผู้สื่อข่าวบีบีซีแผนกภาษาเกาหลีกล่าว ตำนานช่วยกระชับสัมพันธ์อินเดีย - เกาหลีใต้ในยุคใหม่อย่างไร ? ตำนานของเจ้าหญิงสุรีรัตนาผู้กลายมาเป็นราชินีสกุลฮอของเกาหลีนั้น ทำให้เกิดการลงนามในข้อตกลงปี 2000 ซึ่งทั้งสองประเทศให้คำมั่นว่าจะพัฒนาคิมแฮและอโยธยาให้เป็นเมืองพี่เมืองน้องกัน ประธานาธิบดีมุน แจ อิน ของเกาหลีใต้และภริยา ถ่ายภาพร่วมกับบรรดาผู้นำของอินเดีย ระหว่างเยือนกรุงนิวเดลี ในปีต่อมา นักประวัติศาสตร์ของอินเดียและเกาหลีใต้กว่า 100 คน รวมทั้งผู้แทนรัฐบาลเกาหลีใต้ และเอกอัครราชทูตเกาหลีเหนือประจำอินเดีย ต่างเข้าร่วมพิธีเปิดอนุสาวรีย์ของราชินีสกุลฮอบนฝั่งตะวันตกของแม่น้ำสรายุ (Saryu) ในเมืองอโยธยา ทำให้หลังจากนั้นมีชาวเกาหลีใต้ผู้สืบเชื้อสายราชวงศ์คารัก เดินทางมาเยือน "แผ่นดินแม่" และเข้าสักการะอนุสรณ์สถานแห่งนี้กันจำนวนมาก ในปี 2016 คณะผู้แทนของทางการเกาหลีใต้ ได้ยื่นเสนอแผนการต่อรัฐบาลของรัฐอุตตรประเทศ เพื่อร่วมกันพัฒนาและขยายพื้นที่อนุสรณ์สถานของราชินีสกุลฮอออกไปอีก ซึ่งเป็นที่มาของการเยือนอินเดียโดยสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งของเกาหลีใต้ ระหว่างวันที่ 4-7 พ.ย. นี้ และถือเป็นการเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการแต่เพียงผู้เดียว โดยภริยาของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ครั้งแรกในรอบ 16 ปี ระหว่างการเยือนอินเดียของผู้นำเกาหลีใต้เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา ประธานาธิบดีมุน แจ อิน และนายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ได้ลงนามในข้อตกลงทางการค้าทวิภาคี ซึ่งมุ่งเป้าจะเพิ่มมูลค่าของการค้าระหว่างกันให้เป็น 2 เท่า หรือ 5 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ภายในปี 2030 โดยข้อตกลงนี้เป็นส่วนหนึ่งของการยกระดับความเป็นหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระหว่างกัน ซึ่งเกาหลีใต้เชื่อว่า อินเดียสามารถเป็นตลาดใหญ่อีกแห่งหนึ่ง ที่จะช่วยถ่วงดุลและลดการพึ่งพาตลาดจีนของตนลงได้ ศ. คิม โด ยัง ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีศึกษาซึ่งประจำที่กรุงนิวเดลีของอินเดีย แสดงความเห็นว่า "ตำนานราชินีสกุลฮอเพิ่งเป็นที่รู้จักและยอมรับในหมู่ชาวอินเดียเมื่อไม่นานมานี้เอง หลังจากความสัมพันธ์ทางการทูตและเศรษฐกิจระหว่างสองประเทศเฟื่องฟูขึ้น" "ไม่ว่าตำนานนี้จะเป็นเรื่องจริงในประวัติศาสตร์ หรือเป็นเพียงตำนานปรัมปราที่แต่งขึ้นก็ตาม แต่มันได้ช่วยปิดช่องว่างทางใจและจิตวิญญาณระหว่างผู้คนของสองประเทศ ทำให้ทั้งคู่ได้มีพื้นฐานทางวัฒนธรรมร่วมกัน" ศ. คิม กล่าว
|
ตำนานในบันทึกโบราณเรื่องหนึ่งของเกาหลีใต้ ซึ่งไม่สู้จะเป็นที่รู้จักกันแพร่หลายนัก กำลังได้รับการเล่าขานใหม่อีกครั้งหลังกาลเวลาผ่านไปนานเกือบสองพันปี โดยตำนานนี้เอ่ยถึงบรรพสตรีของสองตระกูลใหญ่ในเกาหลีใต้ ซึ่งเชื่อว่าเป็นราชธิดาจากเมืองอโยธยาของอินเดีย ผู้ข้ามน้ำข้ามทะเลมาอภิเษกสมรสกับกษัตริย์แห่งแคว้นโบราณของเกาหลี
|
international-50253407
|
https://www.bbc.com/thai/international-50253407
|
โดนัลด์ ทรัมป์ : สภาผู้แทนราษฎร สหรัฐฯ เห็นชอบยื่นถอดถอนทรัมป์จากตำแหน่งประธานาธิบดี
|
สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ลงมติเมื่อเวลาประมาณ 8.00 น.ตามเวลาประเทศไทย สนับสนุนการยื่นถอดถอนนายทรัมป์ออกจากตำแหน่งประธานาธิบดี โดยข้อหาแรก คือ ใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบ มี ส.ส.ยกมือเห็นด้วย 230 เสียง ไม่เห็นด้วย 197 เสียง ส่วนข้อหาที่สอง คือ ขัดขวางการทำงานของสภาคองเกรส มี ส.ส.เห็นด้วย 229 เสียง ไม่เห็นด้วย 198 เสียง หลังจากนี้ ทรัมป์จะเข้าสู่กระบวนการไต่สวน โดยประธานผู้พิพากษาศาลสูงสุดของสหรัฐฯ จะเป็นประธานในกระบวนการไต่สวน และวุฒิสมาชิกจะทำหน้าที่เป็นคณะลูกขุน ขณะที่ประธานาธิบดีสามารถแต่งตั้งทนายความฝ่ายจำเลยได้ เมื่อการไต่สวนสิ้นสุด วุฒิสภาสหรัฐฯ จะลงมติ ถ้าวุฒิสมาชิกอย่างน้อย 2 ใน 3 (67%) เห็นว่า ประธานาธิบดีมีความผิด ประธานาธิบดีคนนั้นจะถูกปลดจากตำแหน่ง แล้วรองประธานาธิบดีจะก้าวขึ้นมาทำหน้าที่แทนในช่วงวาระการดำรงตำแหน่งที่เหลืออยู่ ปฏิกิริยาแรกจากทรัมป์ นายทรัมป์ซึ่งอยู่ระหว่างการพบปะผู้สนับสนุนที่รัฐมิชิแกนเปลี่ยนประเด็นปราศรัยกลางคันหลังจากรู้ผลการโหวตของสภาล่าง แล้วพูดว่า "โอ้ ผมคิดว่าผลการโหวตออกมาแล้วนะ ปรากฏว่า ส.ส.รีพับลิกันทุกคนโหวตให้เรา" "ว้าว ว้าว เกือบ 200 เสียง (ที่คัดค้านการยื่นถอดถอน) เราได้มา 198 ต่อ 229 เสียง สรุปว่าไม่มี ส.ส.รีพับลิกันแตกแถวสักคนเดียวและมี ส.ส.เดโมแครต 3 คนโหวตให้เรา" "พรรครีพับลิกันไม่เคยโดนหยามขนาดนี้มาก่อน แต่รีพับลิกันก็ไม่เคยเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันมากเท่าครั้งนี้มาก่อนเช่นกัน" นายทรัมป์ ยังกล่าวกับผู้สนับสนุนอีกว่า "ระหว่างที่เรากำลังสร้างตำแหน่งงานและต่อสู้เพื่อมิชิแกน ฝ่ายซ้ายในสภาคองเกรสก็ถูกความอิจฉาริษยา ความเกลียดชัง และความโกรธเคืองกลืนกินเข้าไปแล้ว" ขณะที่ทำเนียบขาวออกแถลงการณ์ ระบุว่าประธานาธิบดีทรัมป์มั่นใจว่าเขาจะพ้นจากข้อครหาในขั้นกระบวนการไต่สวนของวุฒิสภา กระบวนการถอดถอนทรัมป์มีที่มาอย่างไร คุณอาจเคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน เรื่องที่ว่ากันว่า อำนาจจากต่างชาติ อาจจะเป็นภัยต่อการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ของนายโดนัลด์ ทรัมป์ นายทรัมป์กำลังเผชิญกับกระบวนการไต่สวนเพื่อถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ จากข้อกล่าวหาที่ว่า เขาพยายามขอความช่วยเหลือจากยูเครนอย่างไม่เหมาะสม เพื่อเพิ่มโอกาสให้ตัวเองได้รับเลือกตั้งกลับเข้ามาเป็นประธานาธิบดีอีกครั้ง เรื่องนี้มีความซับซ้อนและดำเนินไปอย่างรวดเร็ว ลองมาดูที่มาที่ไปของเรื่องนี้ นายทรัมป์ถูกกล่าวหาว่าละเมิดกฎหมายด้วยการกดดันให้ผู้นำยูเครนขุดคุ้ยข้อมูลที่สร้างความเสียหายต่อคู่แข่งทางการเมืองของเขา เมื่อเดือน ก.ค. ที่ผ่านมา เขาได้ขอให้ประธานาธิบดียูเครน สอบสวนนายโจ ไบเดน หนึ่งในตัวเต็งที่จะชิงตำแหน่งประธานาธิบดีไปจากเขาในการเลือกตั้งประธานาธิบดีในปีหน้า เรื่องนี้มีความสำคัญ เพราะว่าการขอให้ต่างชาติช่วยให้ชนะเลือกตั้งสหรัฐฯ ถือเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมาย กระบวนการถอดถอนที่ในท้ายที่สุด อาจทำให้นายทรัมป์ต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ กำลังดำเนินต่อไป แต่มีการถกเถียงกันอย่างดุเดือดว่า นายทรัมป์ได้ละเมิดกฎหมาย หรือกระทำความผิดที่อาจถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งหรือไม่ ส่วนตัวเขากล่าวว่า เขาไม่ได้ทำอะไรผิด เรื่องนี้เริ่มมาจากคำร้องเรียนจากเจ้าหน้าที่ข่าวกรองที่ไม่ระบุนาม เมื่อเดือน ส.ค. เขาได้เขียนจดหมายแสดงความกังวลเกี่ยวกับการสนทนาทางโทรศัพท์ของนายทรัมป์กับประธานาธิบดียูเครนในวันที่ 25 ก.ค. เขาระบุว่ามี "ความกังวลอย่างยิ่ง" ว่านายทรัมป์ได้ใช้ตำแหน่งประธานาธิบดีในการ "เชื้อเชิญให้ต่างชาติเข้ามาแทรกแซง" การเลือกตั้งประธานาธิบดีในปี 2020 ในเวลาต่อมา ได้มีการเปิดเผยบทสนทนาทางโทรศัพท์คร่าว ๆ โดยระบุว่า นายทรัมป์ได้ร้องขอให้ประธานาธิบดีโวโลดีมีร์ เซเลนสกี ของยูเครน สอบสวนนายโจ ไบเดน อดีตรองประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งเป็นตัวเต็งที่จะชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการเลือกตั้งปีหน้า รวมถึงสอบสวนลูกชายของนายไบเดนด้วย การสนทนาทางโทรศัพท์ครั้งนี้เกิดขึ้นไม่นานหลังจากที่นายทรัมป์ได้สั่งยุติการส่งเงินช่วยเหลือด้านการทหารแก่ยูเครนหลายล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อมาเจ้าหน้าที่อาวุโสคนหนึ่ง ได้ให้ปากคำว่า ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้ระบุชัดเจนว่า ยูเครนต้องสอบสวนนายไบเดน สหรัฐฯ จึงจะส่งเงินช่วยเหลือก้อนนี้ให้ แต่ทำเนียบขาวปฏิเสธเรื่องนี้ ฮันเทอร์ ไบเดน โจ ไบเดน และโดนัลด์ ทรัมป์ นายทรัมป์และผู้สนับสนุนได้กล่าวหานายไบเดนว่า ได้ใช้อำนาจโดยมิชอบในการกดดันให้ยูเครนยุติการสอบสวนทางอาญาที่อาจจะส่งผลกระทบต่อนายฮันเทอร์ ไบเดน ลูกชายของนายโจ ไบเดน ซึ่งทำงานในบริษัทพลังงานของยูเครน แต่ข้อกล่าวหาเหล่านี้ถูกมองว่าไม่มีความน่าเชื่อถือ ไม่มีหลักฐานว่านายโจ ไบเดนได้ดำเนินการใด ๆ ในการจงใจเอื้อประโยชน์ให้ลูกชายของเขา และยังไม่มีหลักฐานว่านายฮันเทอร์ ไบเดน ได้กระทำความผิดด้วย สมาชิกรัฐสภาจากพรรคเดโมแครตระบุว่า การสนทนาทางโทรศัพท์เป็นข้อพิสูจน์ว่านายทรัมป์ละเมิดกฎหมาย ด้วยการขอให้ต่างชาติพยายามสร้างมลทินต่อตัวนายไบเดนก่อนการเลือกตั้ง แต่ก็มีการถกเถียงกันว่า การเชื้อเชิญให้รัฐบาลต่างชาติสอบสวนคู่แข่งทางการเมืองนั้น เป็นการกระทำความผิดที่ทำให้ต้องถูกถอดถอนออกจากตำแหน่งหรือไม่ ประธานาธิบดีทรัมป์ เพิกเฉยต่อการวิพากษ์วิจารณ์ที่ขยายวงกว้างขึ้น โดยระบุว่าเป็น "การล่าแม่มด" อย่างไรก็ตาม การสนทนาทางโทรศัพท์เมื่อเดือน ก.ค. ก็คือเหตุผลสำคัญที่ทางฝ่ายเดโมแครตพยายามใช้ในการขับนายทรัมป์ออกจากตำแหน่ง แต่การจะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จ สมาชิกพรรครีพับลิกันของนายทรัมป์ส่วนหนึ่งจะต้องลงมติร่วมกับฝ่ายเดโมแครตด้วย นายทรัมป์บอกว่า เขาได้โทรศัพท์หาประธานาธิบดีเซเลนสกี ของยูเครน เมื่อวันที่ 25 ก.ค. เพื่อแสดงความยินดีที่คว้าชัยในการเลือกตั้งเมื่อไม่นานนี้ โดยนายเซเลนสกี อดีตดาราโทรทัศน์และไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมือง ชนะเลือกตั้งประธานาธิบดียูเครนอย่างถล่มทลายในเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา
|
สภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ มีมติสนับสนุนการยื่นถอดถอนประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ออกจากตำแหน่งในฐานความผิด 2 ข้อหา คือ การใช้อำนาจหน้าที่โดยมิชอบและขัดขวางการทำงานของสภาคองเกรส
|
thailand-54325415
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-54325415
|
ครูทำร้ายเด็ก: จิตแพทย์แนะวิธีผู้ปกครองรับมือเมื่อทราบว่าลูกถูกทำร้ายในโรงเรียน
|
บีบีซีไทยพูดคุยกับจิตแพทย์ที่ทำงานเกี่ยวกับเด็กเกี่ยวกับข้อเสนอแนะผู้ปกครอง ว่าควรทำอย่างไรเพื่อลดผลกระทบทางจิตใจที่เด็กได้รับและกลับเข้าสู่ภาวะปกติอย่างปลอดภัย "ที่จริงข่าวในลักษณะนี้ เราก็เห็นมาโดยตลอดที่เห็นเด็กถูกครูทำโทษแรง ๆ แต่การทำร้ายร่างกายจะเห็นเป็นเรื่องปกติไม่ได้ เพราะเป็นสิ่งที่ผิดไม่ว่าจะเกิดขึ้นกับใครก็ตาม เพียงแต่ว่าเมื่อเราเห็นแล้วเราจะจัดการเรื่องนี้อย่างไรตั้งแต่เข้าไปคุยเข้าไปห้ามอย่างละมุนละม่อม ยิ่งถ้าเป็นกรณีของเด็กก็จำเป็นจะต้องรีบจัดการ" พญ. วิมลรัตน์ วันเพ็ญ จิตแพทย์จากสถาบันสุขภาพจิตเด็กและวัยรุ่นราชนครินทร์ บอกกับบีบีซีไทย พญ. วิมลรัตน์ อธิบายเพิ่มเติมว่า ผลกระทบต่อเด็กมีหลายระดับ ตั้งแต่ไม่กระทบเลยจนถึงกระทบอย่างมาก ขึ้นอยู่กับว่าเราจะช่วยเหลือเด็กอย่างไร สิ่งแรกที่จะต้องทำคือ จะต้องทำให้เขาจะต้องรู้สึกว่าเขาปลอดภัยและได้รับการจัดการเรื่องความกลัว หากว่าเด็กมีพื้นฐานในการปรับตัวดีอยู่แล้ว ครอบครัวก็ต้องคอยสนับสนุนให้เขาอยู่ในที่ปลอดภัย จิตแพทย์หญิงรายนี้ยังแนะนำผู้ปกครองอีกด้วยว่า อย่าทำให้เด็กอยู่ในภาวะระแวดระวังความปลอดภัยมากเกินไปจนทำให้เด็กรู้สึกว่าโลกนี้น่ากลัวเกินเหตุ หลีกเลี่ยงภาวะถูกรังแกซ้ำซาก "ส่วนกลุ่มที่รู้สึกว่าดูแลตัวเองไม่ได้ อ่อนแอ คนอื่นรังแกได้ พยายามหลีกเลี่ยงจากสภาวะเช่นนี้ซ้ำ ๆ เป็นระยะเวลานาน เพราะนี่จะทำให้เขามีแนวโน้มที่จะรังแกคนอื่นต่อ เพราะว่าเขาเรียนรู้ว่าการใช้ความรุนแรงเป็นการแสดงออกอย่างหนึ่งที่ทำได้ เพราะเขาก็ถูกกระทำ และเขาก็สามารถทำคนอื่น ๆ ได้เช่นกัน" เธออธิบายต่อ "ช่วงนี้เด็กอาจจะกลัว เป็นเรื่องปกติ ผู้ปกครองต้องให้ความมั่นใจกับเด็กจากการให้ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นจากวาจา หรือ การกระทำต้องลดลงหรือไม่มี" ในกลุ่มเด็กที่ปรับตัวยังไม่ได้ ผู้ปกครองก็ควรที่จะหลีกเลี่ยงการให้เด็กกลับไปอยู่ในสถานที่นั้นเป็นการชั่วคราว เช่น อาจจะย้ายห้องเรียน พร้อมกับให้เขาอยู่ในกลุ่มคนที่ปลอดภัยและรับฟังอย่างเข้าใจว่าในภาวะเช่นนี้เด็กอาจจะแสดงพฤติกรรมบางอย่างออกมา เช่น พฤติกรรมถดถอย เช่นปัสสาวะรดที่นอนทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้าที่ไม่เคยมี หรือว่า งอแงมากขึ้นคล้ายกับเด็กเล็ก คุณพ่อคุณแม่ก็จะต้องอดทนมากขึ้นและต้องให้เวลาเขาปรับตัวกับเหตุการณ์เหล่านี้สักพัก จำเป็นหรือไม่ที่จะต้องให้เด็กพักการเรียนไปก่อน แพทย์หญิงรายนี้บอกว่า ขึ้นอยู่กับสภาพของเด็กแต่ละคน "ช่วงนี้เด็กอาจจะกลัว เป็นเรื่องปกติ ผู้ปกครองต้องให้ความมั่นใจกับเด็กจากการให้ความรุนแรงไม่ว่าจะเป็นจากวาจา หรือ การกระทำต้องลดลงหรือไม่มี" พญ.วิมลรัตน์บอก "หมอเชื่อว่าเด็กทุกคนได้รับผลกระทบแตกต่างกัน ถ้าบางคนไม่พร้อมจริง ๆ หยุดเรียนก่อนก็ไม่ใช่ปัญหา แต่หากใครไม่ได้เป็นเช่นนั้น เราก็ต้องถามเขาเช่นกันว่าเขาต้องการอย่างไร เด็กบางคนอาจจะบอกว่าไม่เป็นไรเพราะอยากอยู่กับเพื่อนก็ได้" ความวิตกกังวลของพ่อแม่ก็เป็นปัจจัยสำคัญ เมื่อเจอกรณีเหมือนกับที่เป็นข่าว พญ. วิมลรัตน์ บอกว่าพ่อแม่บางคนอาจจะวิตกกังวลเกินไปแล้วก็รู้สึกผิด ยิ่งทำให้บรรยากาศภายในบ้านไม่ดีขึ้น "แทนที่ภายในบ้านจะมีการพูดกันอย่างสนุกสนานผ่อนคลายความเครียด แต่กลับเป็นว่า พ่อก็เครียด แม่ก็เครียด ลูกก็พลอยเครียดไปด้วย" หากว่าพ่อแม่คิดว่าที่ผ่านมาได้ทำดีที่สุดให้ลูกแล้วไม่ได้ผิดอะไร ก็ต้องเดินหน้าด้วยการเลี้ยงลูกอย่างมีความสุข อย่างปลอดภัย ส่วนกระบวนการอื่น ๆ เช่น การสอบสวนก็ปล่อยให้ดำเนินไปตามระบบ ไม่ใช่เลี้ยงลูกอย่างระมัดระวัง แต่กลับมาหงุดหงิดเองและเครียดเอง เด็กที่ถูกกระทำควรได้รับ "ความยุติธรรม" และ "การเยียวยา" พญ. จิราภรณ์ อรุณากูร กุมารแพทย์เวชศาสตร์วัยรุ่น คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เจ้าของเฟซบุ๊กเพจ "เลี้ยงลูกนอกบ้าน" ได้โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กเมื่อวันที่ 26 ก.ย. ที่ผ่านมา แนะนำผู้ปกครองรับมือต่อเรื่องดังกล่าวหากว่า สุดท้ายเรื่่องมักจะจบลงด้วยการยอม ๆ กันไป เพราะไม่อยากมีปัญหา และครูบอกว่า "เค้าก็หวังดี" หลังจากมีคำถามจากผู้ปกครองสอบถามมา ข้อความดังกล่าวยังแนะนำว่า ไม่มีใครมีสิทธิทำร้ายใคร แม้ในนามของความรักและหวังดี ไม่มีใครควรตกเป็นเครื่องระบายอารมณ์ของใคร นั่นไม่ใช่ความรับผิดชอบของเด็ก ๆ และเด็กที่ถูกกระทำ ควรได้รับ "ความยุติธรรม" และ "การเยียวยา" เป็นต้น เธอยังเน้นย้ำอีกว่า "ครูที่เห็นความรุนแรงแต่ไม่ทำอะไร เป็นส่วนหนึ่งของครูผู้กระทำความผิด และควรได้รับการตรวจประเมินด้านแนวคิดหรือปัญหาทางสุขภาพจิตด้วย" พร้อมกับฝากไว้ว่า "อย่าเกรงใจใคร จนลืมเกรงใจลูก" และการยินยอมให้ความรุนแรงเกิดขึ้นแบบไม่ทำอะไร หมายความว่าเรากำลังเป็นส่วนหนึ่งของการก่อร่างสร้างความรุนแรง ความคืบหน้ากรณีครูทำร้ายเด็ก ความคืบหน้าล่าสุดกรณีดังกล่าว (28 ก.ย.) ภายหลังการหารือระหว่างกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ผู้ปกครอง และทางโรงเรียน ได้ข้อสรุปร่วมกันว่า ศธ. ร่วมกับกรมสุขภาพจิตจะดูแลเยียวยาจิตใจและร่างกายของนักเรียนและผู้ปกครองที่ได้รับผลกระทบโดยมีโรงเรียนเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้น นอกจากนี้ จะมีการลงพื้นที่ตรวจสอบโรงเรียนอื่น ๆ ทั่วประเทศ เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาเช่นนี้ขึ้นอีก
|
คลิปวิดีโอครูทำร้ายนักเรียนชั้นอนุบาลโรงเรียนสารสาสน์วิเทศราชพฤกษ์ ที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์กลายเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ในสังคม และมีข้อสังเกตว่าเรื่องนี้สามารถเกิดขึ้นกับบุตรหลานของใครก็ได้ แล้วผู้ปกครองจะมีวิธีการปฏิบัติตัวอย่างไร หากต้องเผชิญกับปัญหาดังกล่าว
|
international-47826286
|
https://www.bbc.com/thai/international-47826286
|
เบร็กซิท : สหราชอาณาจักรขอขยายเวลาถอนตัวออกจากอียูเป็นปลายเดือน มิ.ย.
|
ความเคลื่อนไหวของนางเมย์มีขึ้นในขณะที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฏร (ส.ส.) สหราชอาณาจักร ยังไม่ได้ให้ความเห็นชอบข้อตกลงถอนตัวจากอียูที่นางเมย์เสนอก่อนหน้านี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ส.ส.สหราชอาณาจักร เพิ่งลงมติไม่รับร่างข้อตกลงถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป ของนางเมย์ เป็นครั้งที่ 3 ด้วยมติ 344 ต่อ 286 เสียง ทำให้กระบวนการถอนตัว จากอียูเข้าสู่ความยุ่งยากมากขึ้น การส่งหนังสือของนางเมย์ถึงนายโดนัลด์ ทุสก์ ประธานสภายุโรป เพื่อขอเลื่อนกำหนดถอนตัว ในครั้งนี้ มีขึ้นก่อนการประชุมสุดยอดผู้นำสหภาพยุโรปในวันพุธหน้า โดยนางเมย์เสนอว่าหาก ส.ส.สหราชอาณาจักร เห็นพ้องกันในเรื่องข้อตกลงถอนตัวได้ตามกำหนด สหราชอาณาจักรก็ควรออกจากอียูได้ก่อนที่จะมีการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรปในวันที่ 23 พฤษภาคมนี้ แต่ในเวลาเดียวกัน สหราชอาณาจักรก็จะส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรป ด้วย เผื่อว่า ส.ส.สหราชอาณาจักร ตกลงกันไมได้ ก่อนหน้านี้นางเมย์ได้ยื่นขอขยายเวลาออกจากอียูไปเป็นเดือนมิถุนายนมาครั้งหนึ่งแล้วในการประชุมสุดยอดครั้งก่อน ซึ่งจัดขึ้นก่อนกำหนดถอนตัวเดิมในวันที่ 29 มีนาคม เพียงไม่นาน แต่ที่ประชุมยอมขยายเวลาให้เพียงถึงวันที่ 12 เมษายนนี้ ซึ่งเป็นวันที่สหราชอาณาจักรต้องระบุให้ชัดเจนว่าจะเข้าร่วมในการเลือกตั้งสมาชิกสภายุโรปด้วยหรือไม่
|
นางเทรีซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ ส่งหนังสือถึงสหภาพยุโรป (อียู) ขอเลื่อนกำหนดการถอนตัวออกจากอียู (เบร็กซิท) ไปเป็นวันที่ 30 มิถุนายน จากเดิมที่จะต้องออกจากอียูในวันที่ 12 เมษายนที่จะถึงนี้
|
thailand-54117623
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-54117623
|
โควิด-19 : เลื่อนแข่งไทยลีก 4 คู่ เตือนผู้สัมผัสนักฟุตบอลบุรีรัมย์ฯ ชาวอุซเบกิสถานสังเกตอาการตัวเอง
|
การลงฟาดแข้งไทยลีกของทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ต ในวันที่ 13 และ 19 ก.ย. ต้องเลื่อนออกไปหลังพบเพื่อนร่วมทีมติดโควิด-19 รายงานของ ศบค. เป็นการยืนยันถ้อยแถลงของ นพ.สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย อธิบดีกรมควบคุมโรค, นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์, นพ.โสภณ เอี่ยมศิริถาวร ผู้อำนวยการกองโรคติดต่อทั่วไป และ ศ.นพ.ยง ภู่วรวรรณ หัวหน้าศูนย์เชี่ยวชาญเฉพาะทางด้านไวรัสวิทยาคลินิก ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เมื่อเย็นวันที่ 12 ก.ย. ผลจากการพบผู้ป่วยหน้าใหม่เป็นนักฟุตบอลสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ต ทำให้การแข่งขันฟุตบอลไทยลีกต้องเลื่อนออกไป 4 คู่ ขณะเดียวกัน ศบค. ยังระบุว่า มีผู้ป่วยหน้าใหม่กรณีอื่น ๆ อีก 4 คน เป็นนักเรียนชายวัย 9 ขวบ บุตรของชายที่เป็นผู้ป่วยยืนยันก่อนหน้านี้ซึ่งเดินทางถึงไทยเมื่อ 4 ก.ย. และนักเรียนชายอายุ 24 และ 34 ปีเดินทางกลับจากประเทศอินเดียถึงไทย 6 ก.ย. ทั้งสามคนนี้ไม่แสดงอาการ ส่วนคนสุดท้ายเป็นลูกเรือหญิงวัย 31 ปี มีอาการเจ็บคอหลังกลับจากสหรัฐอาหรับเอมิเรตเมื่อ 9 ก.ย. ก่อนตรวจพบเชื้อ ถึงขณะนี้ไทยมีผู้ยอดป่วยยืนยันสะสม 3,466 ราย หายป่วยแล้ว 3,312 ราย ส่วนผู้เสียชีวิตสะสมคงที่ 58 ราย สำหรับนักฟุตบอลชาวอุซเบกิสถาน วัย 29 ปี เดินทางมาถึงประเทศไทยเมื่อ 13 ส.ค. และเข้าพักในสถานกักตัวทางเลือก ที่โรงแรมอนันตราริเวอร์ไซด์ ในกรุงเทพฯ ตั้งแต่ 13-27 ส.ค. ได้ทำการตรวจหาเชื้อโควิด 19 โดยวิธี RT PCR จากโพรงจมูก (NPS) 2 ครั้ง ผลไม่พบเชื้อ เมื่อครบกำหนดได้เดินทางไป จ.บุรีรัมย์ เพื่อฝึกซ้อมตามกำหนดการ ระหว่างนั้นได้เดินทางไปตามสถานที่ต่าง ๆ ดังนี้ ขณะนี้ผู้ป่วยได้ถูกแยกตัวเพื่อรักษาในโรงพยาบาลแล้ว ขณะเดียวกันได้เก็บตัวอย่างจากผู้สัมผัสใกล้ชิด 43 ราย แบ่งเป็น นักฟุตบอล 22 ราย และทีมงาน 21 ราย โดยส่งผู้มีความเสี่ยงสูงไปกักตัว ขณะที่สถานที่ต่าง ๆ ได้รับการทำความสะอาดฆ่าเชื้อแล้ว ขอให้ประชาชนที่อาจอยู่ในสถานที่ตามไทม์ไลน์เฝ้าสังเกตอาการ หรือสามารถติดต่อขอคำแนะนำและตรวจหาเชื้อได้ "หากมีใครอยู่ใกล้หรือสงสัย สามารถขอรับการตรวจหาเชื้อในสถานพยาบาลของรัฐใกล้บ้าน แต่ก็ขอให้สังเกตอาการดูว่ามีอาการผิดปกติ เช่น มีไข้ มีอาการทางเดินหายใจ ไอ น้ำมูก เจ็บคอหรือไม่" นพ.โสภณกล่าว ด้านนายกรวีร์ ปริศนานันทกุล รองประธานบริหาร บริษัท ไทยลีก จำกัด บอกว่า พร้อมให้ความร่วมมือตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุขทุกอย่าง ไม่ว่าจะต้องตรวจซ้ำ เลื่อนการแข่งขัน พร้อมทั้งประกาศเลื่อนการแข่งขันบางรายการเพื่อให้กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการตรวจหาเชื้อบุคลากรที่เกี่ยวข้องได้ ศึกฟุตบอลไทยลีก 1 และ 2 ต้องพักแข้งไปนานกว่า 6 เดือน หลังการแข่งขันนัดสุดท้ายเมื่อ 1 มี.ค. เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ก่อนกลับมาแข่งขันสุดสัปดาห์นี้ ผลจากการพบนักเตะทีมบุรีรัมย์ฯ ติดเชื้อโควิด-19 ทำให้ไทยลีกตัดสินใจเลื่อนการแข่งขัน 4 คู่ ในวันที่ 12, 13 และ 19 ก.ย. ซึ่งเป็นการแข่งขันของทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ต 2 นัด และการแข่งขันของทีมราชบุรี มิตรผล เอฟซี และทีมขอนแก่น ยูไนเต็ต ซึ่งเคยอุ่นเครื่องกับทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ต ก่อนหน้านี้ ทีมราชบุรีฯ ได้แจ้งผ่านแฟนเพจเฟซบุ๊กว่ามีคำสั่งกักตัวนักเตะของทีมเป็นเวลา 14 วันแล้ว
|
ศูนย์บริหารสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. เปิดเผยรายงานสถานการณ์ประจำวันที่ 12 ก.ย. พบว่ามีผู้ติดเชื้อโควิด-19 รายใหม่เพิ่มขึ้น 5 ราย ในสถานที่กักตัวของรัฐ ในจำนวนนี้คือนักฟุตบอลชาวอุซเบกิสถาน สังกัดทีมบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด
|
international-40094213
|
https://www.bbc.com/thai/international-40094213
|
นักวิจัยสหรัฐฯ ปรับปรุงยาปฏิชีวนะให้ "สุดแกร่ง" เพิ่มประสิทธิภาพฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้พันเท่า
|
แวนโคมัยซิน เป็นยาปฏิชีวนะที่แพทย์สั่งจ่ายเพื่อรักษาคนไข้มานาน 60 ปี และสามารถต่อต้านการติดเชื้อได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่างไรก็ตาม เมื่อเร็ว ๆ นี้เพิ่งจะพบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเชื้อแบคทีเรียเริ่มดื้อยาชนิดนี้ ผลงานวิจัยชิ้นล่าสุดนี้ตีพิมพ์ในวารสาร Proceedings of the National Academy of Sciences โดยทีมนักวิทยาศาสตร์จากสถาบันวิจัยสคริปส์ (The Scripps Research Institute) ได้ปรับปรุงยาแวนโคมัยซินให้มีกลไกการทำงานที่เป็นอิสระ 3 แบบในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ช่วยให้เชื้อเกิดการดื้อยาได้ยากขึ้น นักวิจัยหวังว่าแพทย์จะใช้ยาแวนโคมัยซินที่ได้รับการปรับปรุงสูตรแล้วไปใช้รักษาคนไข้ได้โดยใช้ปริมาณยาน้อยลง และไม่ต้องกลัวว่าจะเกิดภาวะเชื้อดื้อยาขึ้น นักวิจัยบอกว่า ยาแวนโคมัยซินสูตรที่ได้รับการปรับปรุงใหม่จะมีกลไกทำงาน 3 แบบที่เข้าไปรบกวนกระบวนการก่อตัวของผนังเซลล์ของแบคทีเรียในลักษณะที่แตกต่างกันออกไป ทำให้แม้เชื้อจะพัฒนาตัวเองให้สามารถต้านทานกลไกการทำงานแบบหนึ่งของยาได้ ก็จะถูกกลไกที่เหลืออยู่อีก 2 แบบฆ่าอยู่นั่นเอง เดล โบเกอร์ หัวหน้าทีมวิจัย บอกว่า การค้นพบครั้งนี้ทำให้แวนโคมัยซิน เป็นยาปฏิชีวนะชนิดแรกที่มี "กลไกการทำงานอิสระ" 3 แบบในการฆ่าเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งงานวิจัยพบว่ายาสามารถฆ่าเชื้อ Enterococci ทั้งชนิดธรรมดาและชนิดดื้อยาได้อย่างมีประสิทธิภาพ องค์การอนามัยโลกเตือนว่า ปัญหาเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะคือหนึ่งในภัยคุกคามร้ายแรงต่อการสาธารณสุข ความมั่นคงด้านอาหาร และการพัฒนาของโลก เพราะหากเกิดโรคระบาดใหญ่ขึ้นก็จะทำให้แพทย์รักษาผู้ป่วยได้ยากลำบากเพราะยามีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อน้อยลง
|
ทีมนักวิจัยในสหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการปรับปรุงยาแวนโคมัยซิน (Vancomycin) ให้สามารถต่อต้านเชื้อแบคทีเรียได้มากขึ้น 1,000 เท่า นับเป็นความก้าวหน้าครั้งสำคัญที่นักวิจัยหวังว่าจะช่วยโลกต่อสู้กับภัยคุกคามจากการติดเชื้อดื้อยาปฏิชีวนะ
|
thailand-39958433
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-39958433
|
ครอบครัวไผ่ ดาวดิน รับรางวัลสิทธิมนุษยชนแทนบุตรชายที่เกาหลีใต้
|
นายวิบูลย์ และนางพริ้ม บุญภัทรรักษา ในงานรับรางวัลสิทธิมนุษยชนกวางจู ที่ประเทศเกาหลีใต้ วันนี้ (18 พ.ค.) นายวิบูลย์ และนางพริ้ม บุญภัทรรักษา บิดาและมารดาของนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน นักศึกษานักกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย เข้ารับรางวัลสิทธิมนุษยชนกวางจูประจำปี 2017 ที่ประเทศเกาหลีใต้ แทนบุตรชายที่ไม่ได้รับสิทธิประกันตัว ระหว่างถูกฝากขังในเรือนจำ จ.ขอนแก่น เป็นเวลา 147 วัน ตั้งแต่วันที่ 22 ธ.ค.2559 รางวัลสิทธิมนุษยชนกวางจู เป็นรางวัลที่มูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก องค์กรด้านสิทธิมนุษยชนเกาหลีใต้ มอบให้กับนักต่อสู้เรียกร้องประชาธิปไตยทั่วโลก เพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ลุกฮือทางการเมืองของชาวเกาหลีใต้ที่ออกมาต่อต้านการปกครองของเผด็จการทหารเมื่อเดือน พ.ค.ปี 2523 ในถ้อยแถลงก่อนมอบรางวัล คณะกรรมการกล่าวถึงนายจตุภัทร์ และนักร้องเพลงแร๊พชาวบูร์กินาฟาโซ ที่ได้รับรางวัลนี้เช่นกันว่า จิตวิญญาณของกวางจูได้รับการสืบทอดจากบุคคลทั้งสอง พวกเขาเป็นพลเมืองโลกที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับผู้อื่น ผ่านการรณรงค์ปกป้องประชาธิปไตย นางพริ้ม ขึ้นกล่าวบนเวทีหลังรับรางวัลว่า นายจตุภัทร์ ฝากข้อความมาจากหลังลูกกรง ว่ารางวัลนี้สะท้อนสิทธิเสรีภาพของประเทศไทยที่อยู่ภายใต้รัฐประหารที่ขณะนี้ไม่มีจริง การเคลื่อนไหวเรียกร้องทางการเมืองของเขา ตั้งแต่ก่อนการรัฐประหาร 22 พ.ค.2557 ก็เพื่อให้ประชาชนมีสิทธิเสรีภาพอย่างแท้จริง และเขาเชื่อว่าการมีรัฐบาลที่มาจากการเลือกตั้งจะทำให้ประชาชนสามารถตรวจสอบการทำงานของรัฐบาลได้กว่ารัฐบาลที่มาจากการรัฐประหาร "เป็นรางวัลที่ตอกย้ำความเชื่อ ความคิด ความฝัน ในการต่อสู้เพื่อเสรีภาพ จึงอยากให้รางวัลนี้เป็นรางวัลของทุกคน ขอขอบคุณที่เห็นคุณค่าการต่อสู้เพื่อสิทธิ์ และขอให้เสรีภาพจงมีแก่ทุกคน" นางพริ้ม กล่าวบนเวที ที่เมืองกวางจู ประเทศเกาหลีใต้ นางพริ้มได้บรรยายความเป็นนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนของบุตรชาย ตั้งแต่ลงไปทำกิจกรรมส่งเสริมความรู้ทางกฎหมายให้ชาวบ้านเพื่อปกป้องทรัพยากรและสิทธิชุมชน กระทั่งเมื่อมีรัฐประหารเมื่อปี 2557 การเคลื่อนไหวเรียกร้องของชาวบ้านได้ถูกจำกัดสิทธิ์ลง ด้วยคำสั่งห้ามชุมนุมทางการเมืองของ คสช. นอกจากนี้เขายังเคลื่อนไหวทางการเมืองเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตย เธอชี้ว่านายจตุภัทร์ควรได้รับสิทธิในการประกันตัวชั่วคราว ในคดีแชร์บทความพระราชประวัติ ร.10 จากเว็บไซต์บีบีซีไทย เพื่อออกมาต่อสู้คดีตามกติกาด้านสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ไทยเป็นภาคีอยู่ ก่อนหน้านี้เมื่อวันที่ 16 พ.ค. ดร.เอกพันธุ์ ปิณฑวณิช ผอ.สถาบันสิทธิมนุษยชนและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยมหิดล ซึ่งเป็นองค์กรที่เสนอชื่อนายจตุภัทร์ให้ได้รับรางวัลนี้ เป็นตัวแทนพ่อและแม่ของนายจตุภัทร์ เข้ายื่นจดหมายถึงนายดอน ปรมัตถ์วินัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้มีคำขอโทษอย่างเป็นทางการ และชี้แจงกรณีนายศรัณย์ เจริญสุวรรณ เอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโซล ประเทศเกาหลีใต้ มีหนังสือตอบกลับไปยังมูลนิธิ 18 พฤษภารำลึก ว่านายจตุภัทร์ เป็นผู้กระทำผิดตามกฎหมายไทย และได้กระทำผิดซ้ำอันเป็นเงื่อนไขให้ไม่ได้รับประกันตัว นายวิบูลย์ และนางพริ้มระบุว่า จดหมายดังกล่าวมีการบิดเบือนข้อเท็จจริง พร้อมชี้แจงว่าศาลยังไม่มีคำตัดสินคดีอันเป็นที่สุด ตามรัฐธรรมนูญไทยและกติกาสากลสิทธิมนุษยชน จึงถือว่านายจตุภัทร์ยังเป็นผู้บริสุทธิ์ และข้อกล่าวหาว่ากระทำผิดซ้ำซากจากการโพสต์ข้อความเย้ยหยันอำนาจรัฐ ไม่เคยมีอยู่ในเงื่อนไขประกันตัว อีกทั้งเนื้อหาของจดหมายสถานทูตไทยที่บอกว่า สนับสนุนเสรีภาพในการแสดงออกตามระบอบประชาธิปไตย ก็คลาดเคลื่อนไปจากข้อเท็จจริงที่มีการปิดกั้นสิทธิในการปล่อยตัวชั่วคราวนายจตุภัทร์ สำหรับรางวัลนี้ นางอังคณา นีละไพจิตร กรรมการสิทธิมนุษยชน ภรรยาของนายสมชาย นีละไพจิตร ทนายด้านสิทธิมนุษยชนของไทยซึ่งหายตัวไปตั้งแต่ปี 2547เคยได้รับรางวัลมาเมื่อปี 2549
|
ไผ่ ดาวดิน ฝากข้อความผ่านกรงขัง ระหว่างให้พ่อ-แม่รับรางวัลแทนที่เกาหลีใต้ "สิทธิเสรีภาพของประเทศไทยภายใต้รัฐประหาร ไม่มีจริง"
|
international-45297195
|
https://www.bbc.com/thai/international-45297195
|
ผลวิจัยล่าสุดชี้ "ระดับปลอดภัย" ในการดื่มแอลกอฮอล์ไม่มีจริง
|
ดื่มแอลกอฮอล์แค่วันละแก้วก็มีความเสี่ยงต่อโรคภัยหลายชนิดแล้ว มีการสำรวจพฤติกรรมการบริโภคแอลกอฮอล์และผลกระทบต่อสุขภาพที่เกิดขึ้นกับประชากรอายุ 15-95 ปี จำนวนกว่า 28 ล้านคนทั่วโลก ตลอดช่วงระยะเวลาระหว่างปี 1990-2016 ซึ่งจัดว่าเป็นการศึกษาครั้งสำคัญในวงกว้างที่สุดและยาวนานที่สุดเท่าที่เคยมีมา ผลปรากฏว่าอัตราความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่าง ๆ เช่นมะเร็ง หรือได้รับบาดเจ็บจากอุบัติเหตุ มีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ตามปริมาณการบริโภคแอลกอฮอล์ในแต่ละวัน โดยผู้ที่ดื่มแอลกอฮอล์วันละ 1 หน่วย (เครื่องดื่มที่มีปริมาณแอลกอฮอล์อยู่ 10 กรัม) มีความเสี่ยงต่อโรคภัยและการบาดเจ็บสูงกว่าคนที่ไม่ดื่มเลย 0.5% ส่วนคนที่ดื่มวันละ 2 หน่วยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 7% และคนที่ดื่มวันละ 5 หน่วยมีความเสี่ยงเพิ่มขึ้น 37% ดร.แม็กซ์ กริสวอลด์ จากสถาบันเพื่อการประเมินและตรวจวัดมาตรฐานสุขภาพ (IHME) ซึ่งเป็นผู้นำทีมนักวิจัยระบุว่า "แม้งานวิจัยก่อนหน้านี้จะบอกว่า การดื่มแอลกอฮอล์วันละเล็กน้อยช่วยป้องกันโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง แต่ผลการศึกษาล่าสุดชี้ว่า ความเสี่ยงต่อโรคภัยโดยรวมที่มีอยู่สูงนั้น ไม่คุ้มกับการดื่มเพื่อประโยชน์ทางสุขภาพในบางเรื่อง" ความเชื่อที่ว่าดื่มไวน์แดงวันละแก้วดีต่อสุขภาพนั้นไม่เป็นความจริงอีกต่อไป ทีมผู้วิจัยยังชี้ว่าหน่วยงานสาธารณสุขของรัฐบาลควรออกคำเตือนให้ประชาชนงดเว้นการบริโภคแอลกอฮอล์อย่างสิ้นเชิง และพิจารณายกเลิกคำแนะนำเรื่องปริมาณการดื่มที่ปลอดภัยที่มีอยู่ไปเสีย เช่นในปัจจุบันทางการสหราชอาณาจักรแนะนำให้ประชาชนบริโภคแอลกอฮอล์ไม่เกิน 14 หน่วยต่อสัปดาห์ งานวิจัยนี้อยู่ภายใต้โครงการศึกษาภาระปัญหาของโลกว่าด้วยเรื่องโรคภัยไข้เจ็บ (Global Burden of Disease) ซึ่งจัดทำโดยทีมนักวิจัยนานาชาติภายใต้การนำของมหาวิทยาลัยวอชิงตันในสหรัฐฯ โดยรายงานผลการศึกษานี้ตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์แลนเซ็ต (Lancet) ฉบับล่าสุด ผลการสำรวจดังกล่าวยังพบว่า ในปี 2016 กลุ่มประเทศที่มีการดื่มแอลกอฮอล์กันหนักที่สุดของโลกส่วนใหญ่อยู่ในภูมิภาคยุโรปตะวันออก โดยชายชาวโรมาเนียถือว่าดื่มหนักที่สุดในโลกถึง 8 หน่วยต่อวัน ส่วนหญิงชาวยูเครนครองแชมป์คอทองแดงสตรีด้วยปริมาณการบริโภคกว่า 4 หน่วยต่อวัน สำหรับประเทศไทยนั้น โดยเฉลี่ยประชากรชายดื่มแอลกอฮอล์ราววันละ 2-3 หน่วย ซึ่งถือว่าดื่มในระดับปานกลาง ส่วนประชากรหญิงไทยโดยเฉลี่ยดื่มวันละไม่ถึง 1 หน่วยเท่านั้น
|
หลายคนที่เชื่อเรื่องการดื่มแอลกอฮอล์วันละเล็กน้อยเพื่อสุขภาพ อาจต้องทบทวนพฤติกรรมการดื่มแบบนี้ใหม่ เพราะผลวิจัยล่าสุดซึ่งทำการศึกษาใน 195 ประเทศทั่วโลก ยืนยันว่าปริมาณการดื่มแอลกอฮอล์ในระดับที่ปลอดภัยและดีต่อสุขภาพนั้นไม่มีอยู่จริง แม้ดื่มเพียงนิดหน่อยก็ส่งผลเสียต่อร่างกายชนิดที่ไม่คุ้มกันแล้ว
|
international-53598016
|
https://www.bbc.com/thai/international-53598016
|
ทำไมฮ่องกงห้ามผู้สมัครฝ่ายค้าน 12 คนลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติ
|
โจชัว หว่อง กล่าวว่าการตัดสิทธิ์นักเคลื่อนไหวในการลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแสดงให้เห็นถึง "การไม่เคารพเจตจำนงของชาวฮ่องกง" ในกลุ่มผู้ที่ถูกห้ามลงสมัครรวมถึงนายโจชัว หว่อง และนายเลสเตอร์ ชุม นักเคลื่อนไหวชื่อดัง สมาชิกฝ่ายค้านหวังว่ากระแสความไม่พอใจของชาวฮ่องกงหลังจากที่มีการบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของจีน จะแปรเปลี่ยนเป็นคะแนนเสียงให้ได้ครองเสียงข้างมากในสภานิติบัญญัติในการเลือกตั้งเดือนก.ย.นี้ รัฐบาลฮ่องกงระบุว่า ผู้สมัครเหล่านี้ขาดคุณสมบัติ ไม่อาจปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภานิติบัญญัติตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ได้ เนื่องจาก: ในแถลงการณ์ประกาศตัดสิทธินี้ รัฐบาลระบุว่า การตัดสินใจนี้เป็นไปตามกฎหมายพื้นฐาน หรือ อนุรัฐธรรมนูญของฮ่องกง แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า "ไม่ได้เป็นเรื่องของการควบคุมทางการเมือง การจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น หรือการลิดรอนสิทธิ์ในการลงสมัครรับเลือกตั้งตามที่สมาชิกในสังคมบางส่วนกล่าวหา" นอกจากนี้ยังระบุด้วยว่า อาจจะมีการตัดสิทธิ์เพิ่มเติมอีก สภานิติบัญญัติสำคัญอย่างไร สภานิติบัญญัติ มาจากภาษาอังกฤษว่า Legislative Council ซึ่งคนฮ่องกงเรียกสั้น ๆ ว่า LegCo ทำหน้าที่บัญญัติและแก้ไขกฎหมายของฮ่องกง ประกอบด้วยสมาชิก 70 คน แต่ในจำนวนนี้มีเพียง 35 คนเท่านั้น ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน ส่วนอีก 30 คน เป็นผู้แทนของ "กลุ่มสาขาอาชีพต่าง ๆ" โดยกลุ่มที่เป็นตัวแทนของผลประโยชน์เฉพาะกลุ่ม ภาคธุรกิจ ธนาคาร และการค้า จะลงคะแนนเลือกสมาชิกสภานิติบัญญัติในส่วนนี้เข้ามา โดยในอดีตสมาชิกสภานิติบัญญัติกลุ่มนี้ส่วนใหญ่มักสนับสนุนรัฐบาลจีน ห้องประชุมสภานิติบัญญัติของฮ่องกง (แฟ้มภาพ) ส่วนอีก 5 คน มาจากสมาชิกสภาเขตที่ได้รับเลือกตั้งจากประชาชน ผู้ไม่เห็นด้วยเรียกระบบเช่นนี้ ซึ่งมีสมาชิกเพียงบางส่วนที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนว่าไม่เป็นประชาธิปไตย แต่ผู้ที่สนับสนุนระบบนี้บอกว่า มันช่วยไม่ให้เกิดลัทธิประชานิยมและปกป้องผลประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจในฮ่องกง ใครถูกตัดสิทธิ์บ้าง โจชัว หว่อง ซึ่งก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงในฐานะนักเคลื่อนไหวเยาวชน ในช่วงการประท้วงปี 2014 กล่าวว่า การตัดสินใจดังกล่าว แสดงให้เห็นถึง "การไม่เคารพเจตจำนงของชาวฮ่องกง" และ "เหยียบย่ำเสาหลักสุดท้ายของการปกครองตนเองที่กำลังเลือนหายไปของฮ่องกง" กฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างมากในฮ่องกง ซึ่งเป็นอดีตอาณานิคมของอังกฤษ และขณะนี้เป็นส่วนหนึ่งของจีน แต่ฮ่องกงได้รับเสรีภาพบางส่วนตามข้อตกลงก่อนการส่งมอบอธิปไตยของฮ่องกงคืนให้แก่จีน รัฐบาลชาติตะวันตกหลายแห่งต่างประณามกฎหมายนี้ แต่จีนระบุว่า จำเป็นต้องใช้กฎหมายนี้เพื่อฟื้นฟูเสถียรภาพในฮ่องกง ซึ่งถูกสั่นคลอนจากการประท้วงสนับสนุนประชาธิปไตยมานานหลายเดือนเมื่อปีที่แล้ว และบ่อยครั้งที่การประท้วงกลายเป็นความรุนแรง ผู้สมัครฝ่ายค้านที่ถูกตัดสิทธิเมื่อวันที่ 30 ก.ค. รวมถึงสมาชิกสภานิติบัญญัติ 4 คนที่ดำรงตำแหน่งอยู่ สมาชิกสภาเขต 4 คน รวมถึงนายชุม และนักเคลื่อนไหวคนอื่น ๆ นอกเหนือจากนายหว่อง คือ เวนตัส เลา วิง-ฮง, กวินเน็ท โฮ ไคว-แลม และอัลวิน เชง แคม-มุน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า พรรคซีวิก (Civic Party) หนึ่งในพรรคการเมืองที่สนับสนุนประชาธิปไตย ที่มีสมาชิกถูกตัดสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้ง ระบุว่าการตัดสิทธิ์นี้ "เป็นการหาประโยชน์จากสิทธิ๋ในการออกเสียงของประชาชนชาวฮ่องกง" สมาชิก 4 คนที่ถูกตัดสิทธิ์ของพรรคคือ อัลวิน ยอง, เดนนิส กวอก, กวอก คา-คี และ เชง แทต-ฮุง เป็นไปตามคาด เกรซ ชอย บีบีซี เวิลด์ เซอร์วิส ฮ่องกง ก่อนหน้านี้ คาดกันว่าจะมีการตัดสิทธิ์ผู้สมัครที่สนับสนุประชาธิปไตยจำนวนมาก หลังจากที่ผู้สมัครรุ่นใหม่หลายคน ถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติในปี 2016 การตัดสิทธิ์นี้เกิดขึ้นหลังฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยจัดการหยั่งเสียงเมื่อกว่า 2 สัปดาห์ก่อน และมีผู้ลงคะแนนมากกว่า 6 แสนคน ผู้สมัครที่ถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งหลายคน เป็นคนรุ่นใหม่และสนับสนุนการใช้กลยุทธ์การเผชิญหน้ามากขึ้นในการต่อสู้ตามความเชื่อของตัวเอง แต่ที่น่าแปลกใจก็คือ ผู้สมัคร 4 คนจากพรรคซีวิก ซึ่งก่อตั้งขึ้นโดยกลุ่มทนายความในปี 2006 ก็ถูกห้ามลงสมัครรับเลือกตั้งด้วย พรรคนี้ถูกมองว่าเป็นพรรคสายกลางมากกว่าในฝ่ายเคลื่อนไหวเรียกร้องประชาธิปไตย มีการคาดกันว่า รัฐบาลกำลังวางแผนจะเลื่อนการเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติออกไป 1 ปี ในช่วงที่มีการระบาดของโควิด-19 รอบใหม่ ผู้ไม่เห็นด้วยกล่าวว่า รัฐบาลต้องการเลื่อนการเลือกตั้งเพราะฝ่ายที่สนับสนุนรัฐบาลจีนจะพ่ายแพ้อย่างย่อยยับ เหมือนกับการเลือกตั้งสมาชิกสภาเขตเมื่อปีที่แล้ว อีกเหตุผลหนึ่ง รัฐบาลระบุว่า ผู้สมัครไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่สมาชิกสภานิติบัญญัติได้ ถ้าพวกเขาลงมติคัดค้านข้อเสนอใด ๆ และบังคับให้รัฐบาลต้องทำตามข้อเรียกร้องทางการเมืองหลังจากครองเสียงข้างมากในสภา คำถามต่อไปก็คือ ผู้สมัครจากฝ่ายค้านจะได้รับอนุญาตให้ลงสมัครรับเลือกตั้งในอนาคตหรือไม่ ประวัติย่อ สัมพันธ์สหราชอาณาจักร-จีน—ฮ่องกง ที่การแถลงข่าวในฮ่องกง นายกวอก สมาชิกที่ร่วมก่อตั้งพรรคซีวิกกล่าวว่า เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลจีนกำลังพยายามจะปิดปากฝ่ายค้าน "วันนี้ เรากำลังเห็นผลของการกดขี่อย่างไร้ความปราณี ที่รัฐบาลจีนกำลังเริ่มทำ ไม่เพียงแต่กำจัดสิทธิขั้นพื้นฐานและเสรีภาพที่ประชาชนชาวฮ่องกงเคยมีภายใต้กฎหมายพื้นฐานเท่านั้น...แต่พวกเขายังพยายามที่จะทำให้เกิดความหลาดกลัว และการกดขี่ให้เกิดขึ้นในหัวใจของเราด้วย และเราต้องไม่ยอมให้พวกเขาทำสำเร็จ" นายคริส แพตเทน ผู้ว่าการฮ่องกงในสมัยที่เป็นอาณานิคมของสหราชอาณาจักรคนสุดท้าย กล่าวว่า รัฐบาลจีนกำลัง "กวาดล้างทางการเมืองอย่างรุนแรง" "กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติกำลังถูกใช้ในการลิดรอนสิทธิของเสียงส่วนใหญ่ของพลเมืองของฮ่องกง ตอนนี้การเชื่อในประชาธิปไตยเป็นเรื่องผิดกฎหมายอย่างชัดเจน...นี่คือพฤติกรรมที่คุณจะเห็นได้ในรัฐตำรวจ" เขาระบุในแถลงการณ์ รอยเตอร์รายงานว่า สำนักงานผู้แทนระดับสูงของรัฐบาลจีนในฮ่องกง ระบุว่าทางสำนักงานสนับสนุนการตัดสิทธิ์นี้อย่างเต็มที่ และผู้ที่ถูกตัดสิทธิ์ต้องการจะทำให้รัฐบาลทำงานไม่ได้ และโค่นล้มอำนาจรัฐ ท่ามกลางการคาดเดาว่า รัฐบาลอาจเลื่อนการเลือกตั้งเนื่องจากโควิด-19 นางแคร์รี แลม หัวหน้าผู้บริหารฮ่องกง กล่าวเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ว่าฮ่องกงกำลังจะเข้าสู่ "การระบาดขนาดใหญ่" ที่อาจทำให้โรงพยาบาลหลายแห่ง "ไม่สามารถรองรับได้"
|
ความหวังของฝ่ายค้านในฮ่องกงที่จะชนะได้เสียงข้างมากในการเลือกตั้งสภานิติบัญญัติต้องริบหรี่ลง เมื่อทางการฮ่องกงตัดสิทธิผู้สมัครรับเลือกตั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติ 12 คน ที่เป็นนักเคลื่อนไหวเพื่อประชาธิปไตย
|
thailand-52000138
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-52000138
|
นักดับเพลิงหญิง ชีวิตที่มากกว่าการดับไฟ
|
เรื่องและวิดีโอโดย วสวัตติ์ ลุขะรัง ผู้สื่อข่าววิดีโอ บีบีซีไทย อาชีพพนักงานดับเพลิงเป็นอาชีพที่เสี่ยงอันตรายและดูจะไม่ง่ายเลย คุณต้องพร้อมที่จะเข้าไปลุยกับไฟเป็นกลุ่มแรก และยังต้องมีอีกหลายหน้าที่ในการป้องกันสาธารณภัยให้กับประชาชน ทั้งหมดดูจะยิ่งยากขึ้นไปอีกสำหรับ "ด๊ะ" ดาราณี เดวาหมัด พนักงานดับเพลิงหญิงแห่งสถานีหัวหมาก เด็กผู้หญิงห้าว "ตอนเด็กเป็นผู้หญิงห้าว ๆ อยากเป็นทหาร เพราะเราเห็นว่ามันเท่"ดาราณีเล่าให้บีบีซีไทยฟังถึงความฝันในวัยเด็กของเธอ ตอนเด็กเธอมีน้องชายทำให้ได้คลุกคลีกและเล่นอยู่แต่กับเด็กผู้ชาย ทำให้เธอมีนิสัยค่อนไปทางเด็กผู้ชายและไม่ค่อยกลัวอะไร เมื่อเข้าสู่วัยทำงาน เธอเริ่มจากการเป็นลูกจ้างที่สำนักงานเขตแห่งหนึ่ง และที่นี่เองที่ดารณีได้เห็นการทำงานและคลุกคลีอยู่กับพี่ ๆ พนักงานดับเพลิง พวกเขาเป็นแรงบันดาลใจให้เธออยากทำอาชีพนี้บ้าง "เพราะได้ช่วยเหลือประชาชนและเหมือนได้ผจญภัย" หลังจากนั้นเธอจึงมุ่งมั่นฝึกฝนและสมัครสอบเข้าเป็นพนักงานดับเพลิง ไม่ง่ายอย่างที่คิด ปัจจุบันดาราณี ในวัย 35 ปี มีตำแหน่งเป็นพนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยปฏิบัติงาน สังกัดสถานีดับเพลิงและกู้ภัยประจำสถานีหัวหมาก เธอปฏิบัติหน้าที่นี้มาเกือบ 3 ปี แล้วและยอมรับว่า "อาชีพนี้ไม่ง่าย" ดาราณีเล่าถึงตอนสอบคัดเลือกเป็นพนักงานดับเพลิงว่า เธอต้องผ่านการสอบมากมาย ทั้งการสอบภาค ก และ ภาค ข การทดสอบจิตวิทยา การสอบสัมภาษณ์ และที่หนักที่สุดคือการทดสอบร่างกาย การทดสอบร่างกายมีทั้งหมด 6 ฐาน แบ่งเป็น วิ่ง 1,000 เมตร ภายใน 5 นาที ว่ายน้ำ 50 เมตร ภายใน 1.30 นาที ดันพื้น 20 ครั้ง ดึงข้อ 5 ครั้ง แบกตุ๊กตา 50 กิโลกรัม ปีนขึ้นลงบันไดสูง 2 เมตร ภายใน 40 วินาที และสุดท้ายการผลักบันไดดับเพลิง ผู้สมัครสอบทั้งผู้ชายและผู้หญิงจะต้องผ่านการทดสอบเกณฑ์นี้เหมือนกันหมด เธอบอกว่ารู้สึกท้อเพราะตัวเองไม่เคยทำอะไรแบบนี้ "มันท้อ เราไม่เคยทำ ดึงข้อเราก็ไม่เคยดึง ดันพื้นก็ไม่เคยทำ" "ตอนนั้นน้ำหนักตัวเราแค่ 48 กิโลกรัม แต่เราต้องแบกน้ำหนักหุ่น 50 กิโลกรัม" อย่างไรก็ตามสุดท้ายแล้วเธอก็ผ่านมาได้ทั้งหมด เพราะได้น้องชายและรุ่นพี่ช่วยสอน วันที่รู้ผลว่าสอบได้เธอกอดคอกันร้องไห้กับแม่ด้วยความดีใจ ในปีที่เธอสมัครสอบมีผู้ผ่านการคัดเลือกทั้งหมด 300 กว่าคน โดยมีผู้หญิงสอบผ่านเพียงแค่ 3 คนเท่านั้น "ดีใจที่สุดในชีวิตเลยที่สอบผ่าน มันก็ภูมิใจ เพราะมันเกณฑ์เดียวกับผู้ชาย" ข้อมูล ณ วันที่ 1 มี.ค. 2563 พนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยปฏิบัติงานในสังกัดกรุงเทพมหานคร มีทั้งหมด 1,704 คน โดยมีพนักงานดับเพลิงที่เป็นผู้หญิงไม่ถึง 10 คน สู่การเป็นนักดับเพลิง ด่านการสอบเป็นแค่จุดเริ่มต้นของความยากเท่านั้น หลังจากสอบผ่าน เธอยังต้องเข้ารับการฝึกเพื่อเป็นพนักงานดับเพลิงอีก 6 เดือน ก่อนที่จะได้มาปฏิบัติหน้าที่จริง เดือนแรกเป็นการฝึกเพื่อปรับร่างกายและสภาพจิตใจที่ค่ายนเรศวร ซึ่งเป็นค่ายที่ใช้ฝึกกำลังพลหน่วยรบพิเศษ ส่วนอีก 5 เดือนเป็นการฝึกที่โรงเรียนดับเพลิงและกู้ภัยราชประชาที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา เธอบอกว่าหลังกลับจากฝึกที่ค่ายนเรศวรมาที่บ้าน พ่อแม่ถึงกับร้องไห้ เพราะสงสารที่เธอต้องฝึกหนัก "คือทั้งดำ ทั้งผอม ไม่มีเค้าโครงตัวเราเลย กลับมาเสร็จพ่อแม่ก็ร้องไห้" ดาราณีบอกว่าแม่อยากให้เธอเลิกเป็นพนักงานดับเพลิงหลังจากนั้นวัน แต่เธอยืนกรานว่านี่คืออาชีพในฝันของเธอ ไม่ใช่แค่ดับเพลิง หลังกลับจากการฝึก 6 เดือน ดาราณีได้กลับมาประจำที่สถานีดับเพลิงหัวหมาก ซึ่งมีกฎว่าพนักงานดับเพลิงใหม่จะต้องประจำการที่สถานีก่อน ยังไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปปฏิบัติงานนอกสถานที่ เธอยังจำความรู้สึกเมื่อต้องออกไประงับเหตุครั้งแรกได้ดี "เจอเคสแรก ตื่นเต้น แต่งตัวไม่ค่อยทัน" เธอบอกพร้อมกับให้ข้อมูลว่า หลังได้รับแจ้งเหตุและต้องออกไปปฏิบัติงาน นักดับเพลิงจะต้องแต่งตัวให้เสร็จภายใน 1 นาที เครื่องแต่งกายของนักดับเพลิงจะประกอบไปด้วยชุดป้องกันส่วนบุคคล (Personal Protective Equipment หรือ PPE) ซึ่งจะสั่งตัดให้พนักงานแต่ละคน เป็นชุดกันความร้อนหนา 3 ชั้น พร้อมด้วยหมวก ถุงมือ หน้ากาก ถังออกซิเจน ไฟฉายและวิทยุสื่อสาร สิ่งที่เธอต้องทำเมื่อถึงที่เกิดเหตุมีทั้งถือหัวฉีดดับเพลิง บุกตะลุยเข้าไปในที่เกิดเหตุเพื่อหาจุดต้นเพลิงซึ่งเป็นจุดสำคัญที่สุดในการดับไฟ รวมถึงฉีดน้ำสกัดการลุกลามของไฟ ดาราณีเล่าถึงเหตุไฟไหม้ครั้งหนึ่งซึ่งเธอเข้าในอาคารขณะที่ยังไม่มีการตัดไฟ เนื่องจากยังไม่มีเจ้าหน้าที่จากหน่วยอื่นมาถึงสถานที่เกิดเหตุ "ตอนนั้นกระแสไฟยังไม่ได้ตัด เราก็เข้าไปมันก็ระเบิด ตู้ม ตู้ม ตู้ม...เราก็กลัว ใจเราก็เสีย" โชคดีทีเพื่อนร่วมทีมรีบประสานเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้เร่งตัดไฟได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ทีมนักเพลิงปลอดภัย นอกจากการเสี่ยงชีวิตในกองเพลิงแล้ว ปัจจุบันนักดับเพลิงยังมีอีกหลายหน้าที่ในการบรรเทาสาธารณภัย อาทิ การจับงู จับตัวเงินตัวทอง จับตุ๊กแก หรือช่วยชีวิตสัตว์ที่มีประชาชนโทรเข้ามาแจ้ง เหนื่อยแต่สุขใจ นักดับเพลิงเป็นอีกอาชีพหนึ่งที่ต้องอาศัยความเสียสละ เวลาเข้างานก็ยาวนานและไม่เหมือนเวลาออฟฟิศทั่วไป ดาราณีคำนวณดูแล้วพบว่าเธอทำงาน 300 ชั่วโมงใน 1 เดือน ขณะที่ลาหยุดได้ 10 วันต่อปี การทำงานของแต่ละสถานีจะมีการแบ่งทีม ๆ ละ 8-9 คน เพื่อสลับกันเข้าเวร เวรเช้าปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 8.00-20.00 น. ขณะที่เวรกลางคืนปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่ 20.00-8.00 น. ของอีกวัน นักดับเพลิงสาวยอมรับว่าเธอรู้สึกเหนื่อยบ้างเป็นบางครั้ง แต่มันก็เทียบไม่ได้เลยกับความสุขที่ได้ช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อน "การเป็นนักดับเพลิงให้อะไรกับเรา หลาย ๆ สิ่ง หลาย ๆ อย่าง...มันคือความสุขของเราที่ได้ช่วยเหลือประชาชน ถึงเราจะเหนื่อย แต่มันคือความสุข"
|
จากเด็กผู้หญิงห้าว ๆ ผู้มีความฝันอยากสวมชุดทหาร สู่การเป็นหนึ่งในนักดับเพลิงหญิงไม่กี่คนในกรุงเทพมหานคร ชีวิตของเธอมีความสุขที่ได้ช่วยเหลือประชาชน
|
international-42814202
|
https://www.bbc.com/thai/international-42814202
|
จีนเปิดตัวลิงที่เกิดจากการโคลนคู่แรกของโลก
|
จงจงกับหัวหัว ลิงจากการโคลนคู่แรกของโลก นายเฉียง ซุน จากสถาบันประสาทวิทยา แห่งสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน กล่าวว่าลิงที่เกิดจากการโคลน จะเป็นต้นแบบสำหรับการศึกษาโรคที่มีพื้นฐานเกี่ยวกับพันธุกรรม รวมถึงมะเร็งบางชนิด และความผิดปกติของภูมิคุ้มกัน "มีคำถามมากมายเกี่ยวกับชีววิทยามนุษย์ที่สามารถศึกษาได้จากต้นแบบนี้" จงจง ถือกำเนิดขึ้นจากวิธีการย้ายฝากนิวเคลียสจากเซลล์ร่างกาย (somatic cell nuclear transfer) จงจงเกิดเมื่อแปดสัปดาห์ที่ผ่านมา และหัวหัวเกิดเมื่อหกสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยชื่อของทั้งคู่ ตั้งขึ้นตามคำในภาษาจีนกลางที่แปลว่า ชาติจีน หรือชาวจีน นักวิจัยระบุว่า สิงทั้งสองตัวได้รับการป้อนนมจากขวด กำลังเติบโตได้เป็นปกติ และคาดว่าในอีกไม่กี่เดือนจากนี้ จะมีลิงแสมที่เกิดจากการโคลนเพิ่มขึ้นด้วย 'ไม่ใช่ก้าวสำคัญ' ศ.โรบิน โลเวลล์-แบดจ์ จากสถาบันฟราสซิส คริค ในกรุงลอนดอนกล่าวว่า เทคนิคที่ใช้โคลนจงจงและหัวหัว ยังคงเป็น "วิธีการที่ไม่มีประสิทธิภาพและเป็นอันตราย" และ "ผลงานวิจัยนี้ ไม่ได้เป็นก้าวสำคัญที่จะทำให้เกิดการค้นพบวิธีโคลนมนุษย์" ศ.ดาร์เรน กริฟฟิน จากมหาวิทยาลัยเคนท์ กล่าวว่า วิธีนี้อาจเป็นประโยชน์ต่อการศึกษาโรคในมนุษย์ แต่ทำให้เกิดคำถามด้านจริยธรรมด้วย "ต้องพิจารณาขอบเขตด้านจริยธรรมอย่างระมัดระวังว่า การทดลองควรและจะสามารถเป็นไปในทิศทางใดได้บ้าง" เมื่อ 20 ปีก่อน สถาบันโรสลินที่เมืองเอดินบะระ ประสบความสำเร็จในการโคลนแกะชื่อดอลลี่ โดยเป็นครั้งแรกที่นักวิทยาศาสตร์สามารถโคลนสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมได้สำเร็จจากเซลล์เต้านม แกะดอลลี่ เป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมตัวแรกที่เกิดการการโคลนเมื่อ 20 ปีก่อน นับจากนั้นเป็นต้นมา มีสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอีกหลายชนิดที่เกิดจากการโคลน ด้วยวิธีย้ายฝากนิวเคลียสย้ายฝากนิวเคลียสของเซลล์โซมาติก (SCNT) รวมถึงวัว สุกร สุนัข แมว และหนู SCNT คือการนำดีเอ็นเอจากนิวเคลียสของเซลล์ในร่างกายซึ่งไม่ใช่เซลล์สืบพันธุ์ ไปใส่ไว้ในเซลล์สืบพันธุ์เพศเมียของผู้บริจาคซึ่งถูกตัดต่อนำดีเอ็นเอออก จากนั้นจึงนำตัวอ่อนที่ได้ไปฝังไว้ในสัตว์ที่เป็นแม่อุ้มบุญ เมื่อปี 1999 มีการทดลองนำเอ็มบริโอของลิงวอกมาแบ่งเป็นสองส่วน เพื่อสร้างแฝดเหมือนขึ้น โดยลิงตัวหนึ่งที่เกิดจากวิธีการนี้ ชื่อว่าเทตรา ได้ชื่อว่าเป็นลิงตัวแรกของโลกที่เกิดจากการโคลน แต่การทดลองดังกล่าวไม่ต้องใช้กระบวนการถ่ายโอนดีเอ็นเอที่ซับซ้อน หัวหัวเกิดเมื่อหกสัปดาห์ที่แล้ว ในห้องปฏิบัติการที่นครเซี่ยงไฮ้ 'ความผิดพลาดหลายครั้ง' ผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารวิชาการเซลล์ ระบุว่านักวิทยาศาสตร์ทีมนี้ทดลองกับเซลล์ที่ได้จากตัวอ่อนในครรภ์ ซึ่งหลังจากดีเอ็นเอถูกถ่ายโอนไปยังไข่ที่ได้จากสัตว์อีกตัวแล้ว จะต้องมีการปรับแต่งพันธุกรรม เพื่อให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตต่อได้ด้วย จงจงและหัวหัว เป็นผลที่เกิดจากความพยายาม 79 ครั้ง โดยก่อนหน้านี้ มีลิงอีกสองตัวที่ถูกโคลนขึ้นมาจากเซลล์ชนิดอื่น แต่ไม่สามารถมีชีวิตรอดได้ ดร.ซุน กล่าวว่า "เราทดลองหลายวิธี แต่มีวิธีเดียวที่ใช้ได้ผล ก่อนหน้านี้ล้มเหลวหลายครั้ง กว่าจะพบวิธีการโคลนลิงได้สำเร็จ" ทีมนักวิทยาศาสตร์ระบุด้วยว่า ได้ปฏิบัติตามหลักการของสถาบันสุขภาพของสหรัฐฯ เกี่ยวกับการทดลองในสัตว์ อย่างเคร่งครัด และดร.มู่หมิง ปู ที่เป็นนักวิจัยร่วม จากสถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีน กล่าวว่า "เราตระหนักดีกว่า การวิจัยในอนาคตที่ใช้ไพรเมทซึ่งนอกเหนือจากมนุษย์ ไม่ว่าจะที่ไหนในโลกก็ตาม จะต้องยึดตามมาตราฐานด้านจริยธรรมที่เคร่งครัด"
|
สถาบันบัณฑิตวิทยาศาสตร์จีนเปิดตัวจงจงและหัวหัว ลิงแสมสองตัว ที่เกิดจากการโคลนด้วยเทคนิคเดียวกันกับแกะดอลลี่ โดยระบุว่า ประชากรลิงที่มีลักษณะทางพันธุกรรมเหมือนกัน จะเป็นประโยชน์ต่อการวิจัยโรคในมนุษย์ได้ แต่ผู้ที่ไม่เห็นด้วยตั้งคำถามด้านจริยธรรมว่าจะนำไปสู่การโคลนมนุษย์หรือไม่
|
international-55539025
|
https://www.bbc.com/thai/international-55539025
|
โควิด 19 : บอริส จอห์นสัน ประกาศล็อกดาวน์อังกฤษ
|
โรงเรียนชั้นประถมและและวิทยาลัยทุกแห่งปิดทำการ โดยนักเรียนจะเรียนทางออนไลน์ไปจนถึงกลางเดือนกุมภาพันธ์ นายจอห์นสันขอให้ประชาชนปฏิบัติตามมาตรการล็อกดาวน์ที่กำหนดเพิ่มเติมในวันนี้ เพื่อลดการระบาดของโรคโควิด-19 โดยเฉพาะจากเชื้อไวรัสโคโรนาที่มีการกลายพันธุ์และแพร่ระบาดอย่างรวดเร็ว โดยเมื่อวันจันทร์ที่ 4 ม.ค.สหราชอาณาจักรพบผู้ติดเชื้อรายใหม่ที่ได้รับการยืนยันเพิ่มมากกว่า 50,000 คน และเพิ่มต่อเนื่องในอัตราดังกล่าวเป็นวันที่เจ็ด ก่อนหน้านี้สกอตแลนด์ได้ออกคำสั่งให้ประชาชนอยู่แต่ในบ้านและสั่งปิดโรงเรียน ส่วนเวลส์สั่งปิดการเรียนการสอนในโรงเรียนเช่นเดียวกัน นายกรัฐมนตรีอังกฤษออกแถลงการณ์หลังจากหัวหน้าที่ปรึกษาด้านการแพทย์ของรัฐบาลแนะนำให้ยกระดับความรุนแรงของการระบาดของโรคโควิด-19 ขึ้นเป็นระดับ 5 ซึ่งถือเป็นระดับสูงสุด และเตือนว่าหน่วยงานบริการทางการแพทย์ในหลายพื้นที่อยู่ในสภาพเกินกำลังและจะไม่สามารถรับมือได้เกิน 21 วัน มาตรการล็อกดาวน์อังกฤษมีอะไรบ้าง ในวันเดียวกันนี้สหราชอาณาจักรได้ฉีดวัคซีนของอ็อกซ์ฟอร์ด-แอสตราเซเนกาเข็มแรกให้แก่ชายวัย 82 ปี และนายจอห์นสันระบุว่า ผู้ที่อยู่ในกลุ่มบุคคล 4 กลุ่ม ได้แก่ผู้สูงอายุในสถานดูแลผู้สูงอายุและผู้ดูแล ผู้ที่มีอายุเกิน 70 ปี เจ้าหน้าที่ที่ทำงานด่านหน้า และผู้ที่มีความเปราะบางทางสุขภาพอย่างยิ่ง จะได้รับวัคซีนเข็มแรกในกลางเดือนกุมภาพันธ์นี้ จนถึงวันที่ 4 ม.ค. มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ในสหราชอาณาจักรแล้ว 75,431 คน มีผู้ติดเชื้อกว่า 2.7 ล้านคน อยู่ในโรงพยาบาลกว่า 28,000 และตัวเลขยังเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
|
นายบอริส จอห์นสัน นายกรัฐมนตรีสหราชอาณาจักร แถลงทางโทรทัศน์ ประกาศล็อกดาวน์อังกฤษ โดยขอให้ประชาชนทุกคนอยู่แต่ในบ้านตั้งแต่เที่ยงคืนวันจันทร์ที่ 4 ม.ค. และให้ออกไปนอกบ้านเฉพาะกรณีจำเป็นเท่านั้น
|
international-51645253
|
https://www.bbc.com/thai/international-51645253
|
กฎหมายสัญชาติฉบับใหม่ของอินเดียจุดชนวนจลาจลที่เลวร้ายที่สุดในกรุงนิวเดลีในรอบหลายสิบปี
|
รถยนต์ถูกจุดไฟเผาระหว่างเกิดการปะทะกันในกรุงนิวเดลี การปะทะกันเกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวันอาทิตย์ ระหว่างกลุ่มผู้ประท้วงที่สนับสนุนและต่อต้านกฎหมายสัญชาติที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์ รัฐบัญญัติแก้ไขกฎหมายสัญชาติ (Citizenship Amendment Act--CAA) จะให้สัญชาติอินเดียแก่ผู้ที่ไม่ใช่ชาวมุสลิมจากบังกลาเทศ ปากีสถาน และอัฟกานิสถาน ซึ่งเข้ามาอยู่ในอินเดียอย่างผิดกฎหมาย รัฐบาลอินเดีย ซึ่งนำโดยพรรคภารติยะ ชนะตะ (Bharatiya Janata Party--BJP) หรือ บีเจพี ระบุว่า กฎหมายนี้จะให้ที่ลี้ภัยแก่ผู้ที่หลบหนีจากการถูกข่มเหงรังแกทางศาสนา ผู้ไม่เห็นด้วย ระบุว่า ร่างกฎหมายนี้เป็นส่วนหนึ่งของวาระของพรรคบีเจพีที่ต้องการลดทอนความสำคัญของชาวมุสลิม และเป็นชนวนให้เกิดการประท้วงขนาดใหญ่ขึ้นหลายครั้ง นับตั้งแต่มีการผ่านร่างกฎหมายนี้เมื่อปีที่แล้ว และการประท้วงบางแห่งได้กลายเป็นความรุนแรง แต่การชุมนุมในกรุงนิวเดลีก็สงบมาโดยตลอด จนกระทั่งเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (23 ก.พ.) เริ่มขึ้นเมื่อไหร่ ความรุนแรงเริ่มขึ้นเมื่อวันอาทิตย์ในพื้นที่ที่มีชาวมุสลิมอาศัยอยู่เป็นส่วนใหญ่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของกรุงนิวเดลี หรือประมาณ 18 กม. จากใจกลางเมืองหลวง กลุ่มที่สนับสนุนกฎหมายใหม่ประท้วงต่อต้านการปิดกั้นพื้นที่ของกลุ่มที่ชุมนุมต่อต้านกฎหมายนี้ซึ่งอยู่ห่างออกไปประมาณ 1 กม. และมีการปาก้อนหินใส่กัน ตำรวจและผู้ประท้วงปะทะกันบนท้องถนนในกรุงนิวเดลี เรื่องนี้ได้ถูกโยงกับ เรื่องที่ กาพิล มิชรา ผู้นำบีเจพี ข่มขู่ทางกลุ่มผู้นั่งประท้วงต่อต้าน กฎหมายใหม่ในช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาว่า พวกเขาจะถูกขับไล่ออกไปจากพื้นที่ ทันทีที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ เดินทางออกจากอินเดีย ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้เดินทางเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการครั้งแรกระหว่างวันที่ 24-26 ก.พ. เกิดอะไรขึ้นตอนนี้ ล่าสุดวานนี้ (26 ก.พ.) ยังไม่มีรายงานการปะทะกันรอบใหม่ แต่กรุงนิวเดลียังคงเผชิญกับความเสี่ยง หลังจากที่มีเหตุจลาจลเกิดขึ้น 3 คืนติดต่อกัน ความรุนแรงที่เกิดขึ้นไม่ใช่แค่เรื่องของกฎหมายสัญชาติฉบับใหม่อีกต่อไป มีรายงานว่า มีคนถูกทำร้ายเพียงเพราะเรื่องของศาสนา และความรุนแรงได้แผ่ขยายออกไปในพื้นที่โดยรอบ มีรายงานว่า มีการวางเพลิง พบกลุ่มชายที่มีไม้และท่อนเหล็กและหิน เดินเตร็ดเตร่ไปตามท้องถนนและ มีการเผชิญหน้ากันระหว่างผู้นับถือศาสนามฮินดูและผู้นับถือศาสนาอิสลาม ผู้สื่อข่าวบีบีซีหลายคนที่อยู่ในจุดเกิดเหตุรายงานว่า เกิดความโกลาหลขึ้นบนถนนสายหลักในย่านเหล่านั้น ไฟซาล โมฮัมเหม็ด ผู้สื่อข่าวบีบีซีภาคภาษาฮินดี ระบุว่า ท้องถนนเต็มไปด้วยหินและเศษแก้ว รถที่ถูกไฟเผาและพังเสียหายกระจายอยู่ทั่วไป และมีกลุ่มควันลอยขึ้นมาจากอาคารถูกไฟไหม้ 'คัมภีร์อัลกุรอ่านถูกฉีก' มีรายงานว่า บ้านเรือนและร้านค้าของชาวมุสลิมหลายแห่งตกเป็นเป้าโจมตีของผู้ประท้วง ไฟซาล โมฮัมเห็ด รายงานว่า เขาเห็นมัสยิดถูกไฟไหม้บางส่วน และมีหน้ากระดาษของพระคัมภีร์อัลกุรอ่านกระจัดกระจายอยู่บนพื้น มัสยิดอย่างน้อย 2 แห่ง ได้รับความเสียหายระหว่างการปะทะกัน มัสยิดอีกแห่งหนึ่งได้รับความเสียหายเช่นกันในช่วงบ่ายวันอังคาร (25 ก.พ.) โดยภาพที่มีการส่งต่อกันมาก เผยให้เห็นผู้ชายหลายคนพยายามจะตัดเสี้ยวพระจันทร์จากยอดของหอคอยสูงของมัสยิด เมื่อพิจารณาจากรายชื่อของเหยื่อที่ถูกเปิดเผยจนถึงขณะนี้ เหยื่อมีทั้งชาวฮินดูและชาวมุสลิม มีผู้ได้รับบาดเจ็บเกือบ 200 คน ผู้สื่อข่าวบีบีซีรายงานที่โรงพยาบาลว่า พวกเขาเห็นคนได้รับบาดเจ็บทุกรูปแบบ รวมถึง แผลกระสุน แย่งกันเข้ารับการรักษา ขณะที่ทางโรงพยาบาลดูเหมือนจะ "มีผู้ป่วยมากเกินไป" และผู้ได้รับบาดเจ็บหลายคน "หวาดกลัวที่จะกลับบ้าน" ผู้เห็นเหตุการณ์ ระบุว่า ผู้ก่อเหตุจลาจลหลายคนถือปืนและมีรายงานว่า ได้ยิงปืนจากบริเวณดาดฟ้าของอาคาร เจ้าหน้าที่ทางการของโรงพยาบาล ยืนยันว่า ผู้ได้รับบาดเจ็บจำนวนมากเกิดจากการถูกยิง ทางการกำลังทำอะไรอยู่ เอ็มเอส รันดาวา โฆษกของตำรวจอินเดีย กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันอังคารว่า สถานการณ์ยังอยู่ภายใต้การควบคุม และ ได้ส่ง "กำลังตำรวจที่เพียงพอออกไปแล้ว" และได้ส่งกำลังกึ่งทหารออกไปแล้วเช่นกัน แต่ตำรวจถูกกล่าวหามาตลอดว่าไม่มีความพร้อม และมีตำรวจมากกว่า 50 นาย ได้รับบาดเจ็บ อย่างน้อย 1 นาย เสียชีวิต กองกำลังตำรวจของกรุงนิวเดลี รายงานโดยตรงต่อรัฐบาลที่นำโดยพรรคบีเจพีซึ่งเป็นของนายโมดี แทนที่จะเป็นรัฐบาลประจำรัฐ คณะรัฐมนตรีจะหารือกันในวันนี้ (27 ก.พ.) เกี่ยวกับความรุนแรงในกรุงนิวเดลี การปะทะกันทำให้เกิดการแตกแยกทางศาสนาขึ้น พื้นที่ใกล้กับบริเวณรอยต่อของกรุนิวเดลีและรัฐอุตตรประเทศหลายแห่งถูกปิดกั้น โรงเรียนในพื้นที่เหล่านั้นต้องปิดการเรียนการสอน และมีการจำกัดการรวมตัวในที่สาธารณะในหลายพื้นที่ ทางการเรียกร้องให้ประชาชนอยู่ในความสงบ นายกรัฐมนตรีนเรนทรา โมดี ทวีตข้อความเมื่อวานนี้ หรือ 3 วัน หลังจากเกิดความรุนแรงขึ้นว่า "เป็นเรื่องสำคัญที่ต้องมีความสงบ และนำความปกติกลับคืนมาให้เร็วที่สุด" นับตั้งแต่นายนเรนทรา โมดี ขึ้นมาครองอำนาจในปี 2014 แนวคิดชาตินิยมฮินดูฝ่ายขวาก็กลับฟื้นคืนมาอีกครั้งในอินเดีย นายกรัฐมนตรีอินเดีย ถึงกับนำไปใช้ในการหาเสียงเพื่อให้เขาชนะเลือกตั้งกลับเข้ามาอีกครั้งในปี 2019 ความไม่สงบที่เกิดขึ้นในช่วงนี้ ถูกมองว่าทำให้นายโมดีเสียหน้า เพราะตรงกับช่วงที่เขาเป็นเจ้าภาพต้อนรับการมาเยือนอินเดียอย่างเป็นทางการครั้งแรกของนายทรัมป์ในช่วง 2 วันที่ผ่านมา ขณะที่ความรุนแรงที่เพิ่มมากขึ้น ได้กลายเป็นข่าวใหญ่ไปทั่วโลก บดบังความสำคัญของการเยือนของนายทรัมป์
|
ในช่วงหลายวันที่ผ่านมา กรุงนิวเดลีเผชิญกับความรุนแรงที่ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดในรอบหลายสิบปี จนถึงตอนนี้ มีผู้เสียชีวิตแล้วอย่างน้อย 23 คนในเมืองหลวงของอินเดีย
|
international-41253457
|
https://www.bbc.com/thai/international-41253457
|
วิกฤตโรฮิงญา: ออง ซาน ซู จี มีอำนาจจริงมากแค่ไหน?
|
เป็นเวลา 20 ปีแล้วที่กองทัพและนางออง ซาน ซู จี เป็นปฏิปักษ์ต่อกัน แต่ทั้งสองฝ่ายต้องทำงานร่วมกัน ตำแหน่งอย่างเป็นทางการของ ออง ซาน ซู จี คือ "มนตรีแห่งรัฐ" ซึ่งเป็นตำแหน่งที่เธอตั้งขึ้นเพื่อเลี่ยงบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญที่ไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีคู่สมรสเป็นชาวต่างชาติหรือมีบุตรเป็นชาวต่างชาติดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ซึ่งเป็นการกีดกันเธอโดยเฉพาะ นางซู จี ถือเป็นบุคคลสำคัญทางการเมืองที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเมียนมา และเธอได้นำพาพรรคสันนิบาตแห่งชาติเพื่อประชาธิปไตย หรือ เอ็นแอลดี ชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายในปี 2015 เธอเป็นผู้ตัดสินใจเรื่องส่วนใหญ่ภายในพรรคและในคณะรัฐมนตรี เธอยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีต่างประเทศเมียนมาด้วย ในทางปฏิบัติ นายถิ่น จอว์ ประธานาธิบดีเมียนมา ต้องรายงานเธอ รัฐธรรมนูญร่างขึ้นโดยรัฐบาลทหารก่อนหน้านี้ ซึ่งครองอำนาจมาตั้งแต่ปี 1962 ร่างรัฐธรรมนูญได้รับการรับรองในการลงประชามติที่น่ากังขาปี 2008 ในช่วงนั้น พรรคเอ็นแอลดีและนางซู จี ไม่ยอมรับ รัฐธรรมนูญนี้ถือเป็นกุญแจสำคัญที่จะทำให้กองทัพเมียนมายังคงมีบทบาทในสิ่งที่พวกเขาเรียกว่า "ประชาธิปไตยที่เฟื่องฟูอย่างมีวินัย" รัฐธรรมนูญนี้ ได้จัดสรรที่นั่งในรัฐสภาถึง 1 ใน 4 ไว้ให้ตัวแทนกองทัพ แม้ว่านายถิ่น จอว์ เป็นประธานาธิบดีเมียนมา แต่ในทางปฏิบัติเขาต้องรายงานต่อนางออง ซาน ซู จี กองทัพยังคงควบคุม 3 กระทรวงสำคัญ คือ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงกลาโหม และกระทรวงกิจการชายแดน นั่นหมายความว่ากองทัพควบคุมตำรวจด้วย 6 จาก 11 ที่นั่งในสภาความมั่นคงและกลาโหมแห่งชาติ ซึ่งมีอำนาจในการพักการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐบาลในระบอบประชาธิปไตยได้ เป็นผู้ที่ได้รับการแต่งตั้งจากกองทัพ อดีตนายทหารจำนวนมากได้ดำรงตำแหน่งระดับสูงของพลเรือน กองทัพยังคงได้รับการจัดสรรงบประมาณจำนวนมาก โดยงบประมาณของกระทรวงกลาโหมยังคงคิดเป็น 14% ของงบประมาณทั้งหมด มากกว่ากระทรวงศึกษาธิการและกระทรวงสาธารณสุขรวมกัน กองทัพและออง ซาน ซู จี เป็นปฏิปักษ์ต่อกันมานานกว่า 20 ปีแล้ว เธอถูกควบคุมตัวในบ้านพักนาน 15 ปี นางซู จี กล่าวต่อผู้สนับสนุน หลังจากเธอได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวจากการควบคุมตัวในบ้านพักเมื่อปี 1995 หลังเลือกตั้ง เธอต้องหาหนทางในการทำงานร่วมกับกองทัพ เธอออกคำสั่ง แต่บรรดานายพลคือผู้ที่มีอำนาจจริง ๆ เธอและกองทัพยังคงเห็นต่างกันในหลายเรื่อง อย่างเช่น การแก้รัฐธรรมนูญ ซึ่งเธอต้องการแก้ และการเจรจาสันติภาพกับชนกองกำลังชนกลุ่มน้อยต่าง ๆ ที่สู้รบกับรัฐบาลตามแนวชายแดนมาตลอด 70 ปีที่ผ่านมา แต่ทั้งสองฝ่ายเห็นด้วยว่าจำเป็นต้องปฏิรูปและพัฒนาเศรษฐกิจ และจำเป็นต้องมีเสถียรภาพในช่วงที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจนทำให้เกิดความตึงเครียดทางสังคมมากขึ้น การเป็นปฏิปักษ์ต่อกันมากขึ้น แต่ในประเด็นโรฮิงญา นางซู จี ต้องใช้ความระมัดระวังอย่างมาก แทบไม่มีความเห็นอกเห็นใจชาวโรฮิงญาจากสาธารณชนเลย ประชากรเมียนมาส่วนใหญ่เห็นด้วยกับเจ้าหน้าที่ทางการว่า พวกเขาไม่ใช่พลเมืองของเมียนมา แต่เป็นผู้อพยพผิดกฎหมายจากบังกลาเทศ แม้ว่าครอบครัวของชาวโรฮิงญาจำนวนมากได้อาศัยอยู่ในเมียนมามาหลายชั่วอายุคนแล้ว มุสลิมโรฮิงญาคือใคร? การเป็นปฏิปักษ์ต่อกันได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก หลังจากกลุ่มติดอาวุธจากกองทัพปลดปล่อยโรฮิงญาแห่งอาระกันโจมตีด่านตำรวจเมื่อเดือนตุลาคมปีที่แล้ว และเดือนสิงหาคมปีนี้ ในรัฐยะไข่เอง ประชากรพุทธในพื้นที่ก็ยิ่งไม่พอใจชาวโรฮิงญา ความขัดแย้งระหว่างทั้งพวกเขาและชาวโรฮิงญา ซึ่งพวกเขาเรียกว่า เบงกาลี มีมานานหลายสิบปีแล้ว ชาวพุทธในยะไข่เชื่อว่า สุดท้ายแล้วพวกเขาจะกลายเป็นชนกลุ่มน้อย และกลัวว่าจะสูญเสียอัตลักษณ์ พรรคเอเอ็นพี ซึ่งเป็นพรรคชาตินิยมในรัฐยะไข่ ได้ครองที่นั่งข้างมากในรัฐสภาท้องถิ่น ซึ่งเป็นหนึ่งในไม่กี่แห่งที่ไม่อยู่ภายใต้การควบคุมของพรรคเอ็นแอลดีของนางซู จี พลเอกมิน อ่อง หล่าย แสดงออกอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นอกเห็นใจต่อชาวโรฮิงญา ตำรวจซึ่งเกือบครึ่งหนึ่งเป็นชาวพุทธในยะไข่เอง และทหาร ต่างเห็นใจชาวพุทธ ขณะที่พลเอกมิน อ่อง หล่าย ผู้บัญชาการสูงสุดของเมียนมา แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาแทบไม่มีความเห็นใจต่อชาวโรฮิงญาเลย สื่ออิสระ เขาได้กล่าวถึงปฏิบัติการ "กวาดล้าง" ที่นั่นว่าเป็นเรื่องจำเป็นในการทำให้ปัญหาที่ย้อนกลับไปตั้งแต่ปี 1942 ยุติลง โดยปีนั้นเป็นการเปลี่ยนแนวรบระหว่างกองทัพญี่ปุ่นกับอังกฤษมาเป็นชาวพุทธยะไข่กับชาวโรฮิงญา กองทัพเห็นว่า สิ่งที่ทำอยู่คือการสู้รบกับขบวนการก่อการร้ายที่ได้รับเงินทุนสนับสนุนจากภายนอก ซึ่งประชาชนจำนวนมากก็เห็นเช่นนั้น ใครเผาหมู่บ้านโรฮิงญา ดูเหมือนว่าสื่อก็เป็นปัจจัยหนึ่ง หนึ่งในการเปลี่ยนแปลงที่ใหญ่ที่สุดในเมียนมาในช่วง 5 ปีที่ผ่านมาคือการเกิดขึ้นจำนวนมากของสื่ออิสระ และการเพิ่มขึ้นอย่างมากของผู้ใช้อินเทอร์เนตและโทรศัพท์มือถือ ในเมียนมา ซึ่งเมื่อสิบปีก่อนสายโทรศัพท์ยังเป็นเรื่องหายาก อำนาจที่มีคุณธรรม? มีสื่อไม่กี่แห่งที่รายงานสิ่งที่เกิดขึ้นในบังกลาเทศ หรือความทุกย์ยากของชาวโรฮิงญา ส่วนใหญ่เน้นไปที่ชาวพุทธและชาวฮินดูพลัดถิ่นในรัฐยะไข่ ซึ่งมีจำนวนน้อยกว่ามาก ความนิยมในสื่อสังคมออนไลน์ก็ทำให้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่ไม่ถูกต้องและข้อความที่สร้างความเกลียดชังอย่างรวดเร็ว ดังนั้นออง ซาน ซู จี จึงแทบไม่มีอำนาจในเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในรัฐยะไข่เลย การพูดสนับสนุนชาวโรฮิงญาจะทำให้ชาวพุทธชาตินิยมไม่พอใจและตอบโต้ อำนาจที่มีคุณธรรมของเธอจะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงอคติที่มีต่อชาวโรฮิงญาหรือไม่ ยังคงเป็นคำถามที่ยังไม่มีคำตอบ เธอคิดคำนวณแล้วว่า มันไม่คุ้มที่จะเสี่ยง เป็นที่รู้กันดีว่านางซู จี เป็นคนดื้อรั้น เมื่อเธอตัดสินใจไปแล้วก็ไม่ยอมเปลี่ยนใจ นางซู จี ถูกประณามอย่างกว้างขวางจากนานาประเทศเกี่ยวกับวิกฤตโรฮิงญา มีความเสี่ยงว่า กองทัพอาจจะก้าวเข้ามาบริหารประเทศแทนเธอ ถ้าเธอยังคงท้าทายสิ่งที่พวกเขากำลังทำในรัฐยะไข่หรือไม่? พวกเขามีอำนาจที่จะทำเช่นนั้นได้ ในสภาพปัจจุบัน ทหารอาจจะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนด้วยซ้ำ แต่การจัดสรรอำนาจกันในปัจจุบันระหว่างกองทัพกับพรรคเอ็นแอลดี เป็นสิ่งที่กองทัพต้องการจะให้เกิดขึ้นไม่มากก็น้อย เมื่อกองทัพเมียนมาประกาศเส้นทางสู่ประชาธิปไตย 7 ขั้นในปี 2003 ในขณะนั้น ผู้คนคิดว่าเป็นเรื่องเสแสร้ง แต่กลับกลายเป็นว่าการพัฒนาการเมืองของเมียนมาในช่วง 14 ปีถัดมาได้เดินตามเส้นทางที่วางไว้อย่างใกล้ชิด แม้แต่ในช่วงหลังจากพรรคการเมืองของกองทัพเองจะแพ้การเลือกตั้งอย่างราบคาบ กองทัพก็ยังคงเป็นสถาบันที่ทรงอำนาจที่สุดในเมียนมา ส่วน ออง ซาน ซู จี ในขณะนี้ ถูกใช้เป็นโล่รับมือกับความไม่พอใจจากประชาคมโลกที่มีต่อกองทัพเมียนมา
|
การอพยพครั้งใหญ่ของชาวโรฮิงญาออกจากรัฐยะไข่ของเมียนมา และการใช้กลยุทธ์ที่โหดร้ายของกองกำลังความมั่นคง ทำให้นางออง ซาน ซู จี เจ้าของรางวัลโนเบลสันติภาพซึ่งปกป้องการกระทำของรัฐบาลว่าเป็นการตอบโต้อย่างชอบธรรมต่อกลุ่มก่อการร้าย ถูกประณามอย่างรุนแรง โดยเธอจะไม่เข้าร่วมการประชุมสมัชชาใหญ่สหประชาชาติในสัปดาห์หน้า ปัจจุบัน จริง ๆ แล้วเธอมีอำนาจมากแค่ไหนในประเทศ?
|
thailand-45297719
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-45297719
|
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ: จากเรื่องกระพี้ถึงข้อหาโจมตีกระบวนการยุติธรรม
|
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ว่าที่หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ และอดีตผู้บริหารธุรกิจแสนล้าน เพิ่งได้รับ "สถานะใหม่" เป็น "ผู้ต้องหาคดีอาญา" หลังพนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ออกหมายเรียกให้นายธนาธรกับพวกรวม 3 คน เข้ารับทราบข้อหากระทำความผิดพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) คอมพิวเตอร์ มาตรา 14 (2) วันนี้ (24 ส.ค.) แต่พวกเขาได้ส่งทนายความเข้าพบพนักงานสอบสวนเพื่อแจ้งขอเลื่อนการรับทราบข้อกล่าวหาเป็นวันที่ 17 ก.ย. หมายเรียกใบแรกในชีวิตซึ่งนายธนาธรได้รับในเดือนที่ 5 หลังกระโจนเข้าสู่แวดวงการเมือง เป็นผลจากการจัดเฟซบุ๊กไลฟ์เมื่อ 29 มิ.ย. ร่วมกับนายไกรก้อง ไวทยการ และ น.ส.จารุวรรณ ศรัณย์เกตุ ว่าที่กรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่ วิพากษ์วิจารณ์ปรากฏการณ์ "ดูด ส.ส." เข้าพรรคใหม่ที่มีชื่อคล้ายคลึงกับนโยบายรัฐ ต่อมาฝ่ายกฎหมายคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เห็นว่าเป็นการ "พาดพิงและกล่าวหา คสช." และ "โจมตีกระบวนการยุติธรรม" จึงเข้าแจ้งความดำเนินคดี โดยมีโทษสูงสุดคือจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ศ.พิเศษ ดร.ชาญวิทย์ เกษตรศิริ อดีตอธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งตกเป็นผู้ต้องหาคดี พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์เช่นกัน ระบุในเฟซบุ๊ก "ชาญวิทย์ เกษตรศิริ Charnvit Kasetsiri" ซึ่งมีผู้ติดตามกว่า 3.2 หมื่นคนว่านี่คือ "SLAPP Case คดีปิดปาก กัมพูชาโมเดล" เช่นเดียวกับ รศ.ดร.ปิยบุตร แสงกนกกุล ว่าที่เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ และอดีตอาจารย์ด้านกฎหมายมหาชนจากสถาบันเดียวกัน ได้โพสต์เฟซบุ๊ก "Piyabutr Saengkanokkul" ซึ่งมีผู้ติดตาม 2.4 หมื่นคน วิจารณ์การใช้ พ.ร.บ. คอมพิวเตอร์ "ปิดปาก" ไม่ให้แสดงความเห็น และถูกรัฐใช้เป็นเครื่องมือในการปราบปรามศัตรูของตน พร้อมเรียกร้องให้ยกเลิกความผิดในมาตรา 14 ทั้งหมด ข้อมูล "ดูด ส.ส." กว่าแสนรายการกระจายในเว็บ ความเคลื่อนไหวในการดูด-ดึง ส.ส. รอบใหม่เกิดขึ้นอย่างคึกคักและคึกโครม หลังอดีตนักการเมืองที่เรียกตัวเองว่า "กลุ่มสามมิตร" เปิดตัวลงสู่สนามเลือกตั้ง พร้อมเปิดหน้าเป็นผู้สนับสนุน คสช. จากการตรวจสอบของบีบีซีไทยพบว่ามีเนื้อหาที่เกี่ยวกับ "ดูด ส.ส." ปรากฏทางเว็บไซต์กูเกิ้ลกว่า 109,000 รายการ เฉพาะปี 2561 มีกว่า 13,300 รายการ นายกรัฐมนตรีพบปะประชาชน ระหว่างประชุม ครม. สัญจร จ.อำนาจเจริญ-อุบลราชธานี วันที่ 23-24 ก.ค. คำอธิบายจากปาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้า คสช. เกี่ยวกับปรากฏการณ์ "ดูด ส.ส." คือ "เป็นครรลองของประชาธิปไตยของไทยตลอดมา" ขณะที่เสียงบ่น-ก่นด่าของนักการเมืองต่างขั้วว่าผู้มีอำนาจ "ชิงเปรียบ" ทางการเมือง ยังเกิดขึ้นต่อเนื่อง บีบีซีไทยรวบรวมคำอธิบาย-ความเห็นบางส่วนของแกนนำพรรคการเมืองเกี่ยวกับปรากฏการณ์ "ดูด ส.ส." ซึ่งสามารถจำแนกได้เป็น 2 กระแสหลักคือ ฝ่ายที่มองว่าเป็นปรากฏการณ์ปกติ กับฝ่ายที่เห็นเป็นเรื่องผิดปกติ ซึ่งหลายความเห็นมีเนื้อหาไม่ต่างจากสิ่งที่นายธนาธรสื่อสารในการจัดเฟซบุ๊กไลฟ์ "ทักษิณ-อภิสิทธิ์" ประสานเสียงปม "ดูดผ่านคดี" เสียงวิจารณ์ที่สร้างแรงสั่นสะเทือนทางการเมืองที่สุดในปรากฏการณ์ "ดูด 2561" หนีไม่พ้น ข้อวิเคราะห์ของนายทักษิณ ชินวัตร ที่ว่ามีนักการเมือง 3 ประเภทไหลออกจากพรรคเพื่อไทย ด้วยเพราะเขาเคยประสบความสำเร็จสูงสุดในการ "ขยายฐานเสียงทางลัด" ด้วยการดูด ส.ส. ออกจากพรรคคู่แข่ง ในช่วงที่เป็นหัวหน้าพรรคไทยรักไทย จึงน่าจะรู้จักแรงดูด-แรงผลักเป็นอย่างดี ทักษิณเปิดประเด็นเรื่องการ "ดูด ส.ส." ในงานเลี้ยงฉลองวันเกิดปีที่ 51 ให้แก่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เมื่อ มิ.ย. "สังเกตดูครับ ส.ส. ที่ออกจากเพื่อไทยมีน้อย ส่วนใหญ่ก็มีคดี จะได้หลุดคดีซะที ไปเหอะ ไปเข้าข้างนั้นเหอะ เพราะเขาเอาคดีมาขู่แล้ว กับอีกประเภทคือเป็นหนี้เป็นสิน อยู่ ๆ เอาเงินก้อนใหญ่มาให้ก็น่าสนใจอยู่ กับอีกประเภทคืออาจจะมั่นใจตัวเองว่าตัวเองเป็นที่นิยมดี และคิดว่าได้ตังค์เยอะด้วยก็น่าจะไป..." นายทักษิณกล่าว (22 มิ.ย. 2561) ต่อมา นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย ได้เดินทางไปยื่นเรื่องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ระงับการจดจัดตั้งพรรคพลังประชารัฐ และให้ตรวจสอบกรณี "กลุ่มสามมิตร" ดูดอดีต ส.ส. เข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ หลังมีการจัดเกรด ส.ส. เป็นระดับเอ บี ซี แม้ความคิดทางการเมืองของพรรคทักษิณแตกต่างจาก "คู่แค้นตลอดกาล" อย่างพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แต่เมื่อลูกพรรคตกเป็นเป้าหมายถูก "เจรจา" เหมือนกัน ทัศนะของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จึงออกมาแบบเป็น "แนวร่วมมุมกลับ" ของอดีตผู้นำพเนจร "ถ้าไปเพราะพรรคใหม่มีทุนสนับสนุนถือว่าเป็นการใช้เงินดูด หรือแม้แต่กรณีมีตำแหน่งรัฐมนตรีจูงใจก็ถือว่าใช่ แต่ที่เลวร้ายที่สุดคือนำคดีความมาต่อรองให้ย้ายไปอยู่กับพรรคใหม่แล้วคดีจะจบ ซึ่งต้องจับตา เพราะรัฐบาลชุดปัจจุบันใช้มาตรา 44 ตีตราไว้หลายคน แล้วตอนนี้จะเคลียร์ให้" นายอภิสิทธิ์ระบุ (23 ก.ค. 2561) หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ยังเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์แสดงความชัดเจนว่าไม่สนับสนุนพฤติกรรมเหล่านี้ โดยเฉพาะเมื่อประกาศตัวมุ่งมั่นสร้างธรรมาภิบาลและผลักดันให้วาระปฏิรูปการเมือง ไม่ต่างจากความเห็นของรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์อีกหลายคน อาทิ นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์, นายองอาจ คล้ามไพบูลย์ รองหัวหน้าพรรค ที่ระบุว่าเป็นการ "ทำการเมืองแบบเก่า" และ "ส่อขัดเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ" ส่วนนายสาธิต ปิตุเตชะ ตั้งคำถามว่าผ่านเฟซบุ๊กของเขาว่าถ้าย้ายพรรคไปอยู่กับพรรคการเมืองที่เกิดขึ้นมาเพื่อสนับสนุน พล.อ ประยุทธ์เป็นนายกฯ อีกรอบ "แถมทำท่าจะมีลักษณะพฤติกรรมการเมืองแบบเก่าที่ท่านประยุทธ์เคยด่าว่าเป็นนักการเมืองเลว และยังส่อจะเอาเปรียบพรรคการเมืองอื่นในหลาย ๆ เรื่องอีก แล้วจะมีประชาชนที่ไหนมาเลือกผม" (21 เม.ย. 2561) คสช.-พรรคขนาดกลางชี้ดูดเป็นเรื่องธรรมชาติ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน (คนที่ 2 จากซ้ายมือ) และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ (คนที่ 4 จากซ้ายมือ) เมื่อครั้งสังกัดพรรคไทยรักไทย ปัจจุบันกลายเป็นแกนนำ "กลุ่มสามมิตร" ขณะที่บรรดาหัวหน้าพรรคขนาดกลางและขนาดเล็ก อาทิ นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และนายวราวุธ ศิลปอาชา ว่าที่หัวหน้าพรรคชาติไทย เห็นตรงกันว่า "การตกปลาในบ่อเพื่อน" ด้วยการ "ดูด ส.ส." เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นทุกครั้งในฤดูเลือกตั้ง และสงวนคำที่จะพูดถึงปรากฏการณ์ดังกล่าว ส่วนคำอธิบายของ พล.อ.ประยุทธ์ ในหลายกรรมหลายวาระคล้ายไม่ให้ความสำคัญกับปฏิบัติการ "ดูด" และมองว่าเป็นเพียง "กระพี้" ในการเมืองไทย
|
หัวหน้า คสช. เคยตอบคำถามสื่อว่าเรื่องดูด ส.ส. เป็นเรื่องกระพี้ ทว่ากลับทำให้นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ กับพวก ต้องกลายเป็น "ผู้ต้องหา" หลังออกมาวิจารณ์ในเรื่องนี้
|
features-52307134
|
https://www.bbc.com/thai/features-52307134
|
อนุภาคผี "นิวทริโน" ไม่สมมาตรกับคู่ปฏิสสาร หลักฐานใหม่ไขปริศนากำเนิดจักรวาล
|
เครื่องมือตรวจจับอนุภาคนิวทริโน Super-Kamiokande ที่จังหวัดกิฟุของญี่ปุ่น ภาวะอสมมาตรระหว่างสสารและปฏิสสาร (matter-antimatter asymmetry) ถูกนำมาใช้อธิบายปรากฏการณ์ที่เอกภพในปัจจุบันมีสสารอยู่มากกว่าคู่ตรงข้ามของมันคือปฏิสสารอยู่บ่อยครั้ง เนื่องจากเป็นหลักการเดียวที่ให้คำตอบได้ว่า เหตุใดอนุภาคมูลฐานต่าง ๆ ที่ถือกำเนิดขึ้นหลังบิ๊กแบง จึงไม่หักล้างกับอนุภาคคู่ตรงข้ามหรือปฏิสสารของมันเองที่มีอยู่เท่ากันจนหมดสิ้นไปแต่แรก ซึ่งหากเป็นเช่นนั้น เอกภพจะเหลือเพียงความว่างเปล่าและแสงสว่างชั่วขณะ ล่าสุด ทีมนักฟิสิกส์นานาชาติจากโครงการ T2K Collaboration และเครื่องมือตรวจจับอนุภาคนิวทริโน Super-Kamiokande ของญี่ปุ่น เผยผลการวิเคราะห์ข้อมูลที่รวบรวมมาเกือบสิบปีว่า อนุภาคนิวทริโนเกิดการสั่นและเปลี่ยนสถานะเป็นนิวทริโนต่างชนิด หรือเฟลเวอร์ (flavors) รวมทั้งเปลี่ยนเป็นอนุภาคคู่ตรงข้ามหรือปฏินิวทริโน (anti-neutrino) ในอัตราความเป็นไปได้ที่ไม่เท่ากัน โดยรายงานวิจัยนี้ตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร Nature ฉบับล่าสุด ปรากฏการณ์ดังกล่าว ละเมิดกฎเกณฑ์ของฟิสิกส์อนุภาคที่เรียกว่า CP Symmetry หรือความสมมาตรระหว่างประจุคู่ตรงข้ามและความเหมือนหรือเท่าเทียมกันในคุณสมบัติของอนุภาคแต่ละฝ่าย ทั้งสสารและปฏิสสาร ก่อนหน้านี้มีการค้นพบว่าควาร์ก (quark) อนุภาคที่เป็นองค์ประกอบของโปรตรอนและนิวตรอน มีความไม่สมดุลในการสั่นเปลี่ยนสถานะไปมาระหว่างตัวมันเองและคู่ตรงข้ามคือปฏิควาร์ก (anti-quark) เช่นกัน แต่อสมมาตรของอนุภาคชนิดนี้เพียงอย่างเดียว ไม่เพียงพอที่จะนำไปอธิบายภาวะที่เป็นอยู่ของเอกภพในปัจจุบันได้ เอกภพเต็มไปด้วยสสารและไม่ว่างเปล่า ดังที่เห็นในภาพกลุ่มก๊าซ "เสาแห่งการก่อกำเนิด" (Pillars of Creation) ที่นาซาเพิ่งปรับปรุงใหม่ให้คมชัดขึ้น ดังนั้น การค้นพบว่านิวทริโนซึ่งเป็นอนุภาคที่มีอยู่จำนวนมหาศาล เกิดการสั่นเปลี่ยนสถานะจากมิวออนนิวทริโน (muon neutrino) กลายเป็นอิเล็กตรอนนิวทริโน (electron neutrino) ซึ่งยังคงนับเป็นสสารอยู่ มากกว่าจะเปลี่ยนสถานะเป็นปฏินิวทริโน (anti-neutrino) หรือปฏิสสาร จึงเป็นหลักฐานที่ช่วยให้แนวคิดเรื่องภาวะอสมมาตรระหว่างสสารและปฏิสสารหนักแน่นสมเหตุสมผลยิ่งขึ้น อนุภาคนิวทริโนหรือ "อนุภาคผี" (Ghost particle) คืออนุภาคมูลฐานชนิดหนึ่งที่ตรวจจับได้ยาก เนื่องจากมีมวลอยู่น้อยมากเหมือนกับไม่มี สามารถทะลุผ่านวัตถุต่าง ๆ ได้โดยไม่ทำให้เกิดปฏิกิริยาใด ๆ ขึ้นทั้งสิ้น จนเป็นที่มาของฉายาที่ทำให้นึกถึงภูตผีปีศาจนั่นเอง ตามปกติแล้วอนุภาคนิวทริโนที่พบบนโลกส่วนใหญ่มาจากดวงอาทิตย์ โดยนิวทริโนปริมาณราว 1 แสนล้านอนุภาคเคลื่อนผ่านพื้นที่ขนาดเท่าปลายนิ้วของเราไปในทุกวินาที นิวทริโนมีอยู่ 3 ชนิดหรือ "เฟลเวอร์" (flavor) ) คือมิวออน เทา และอิเล็กตรอน แต่ละชนิดมีมวลมากน้อยแตกต่างกันไป โดยระหว่างที่เคลื่อนผ่านวัตถุต่าง ๆ นิวทริโนจะเกิดการสั่นจนสามารถเปลี่ยนสถานะไปมาระหว่าง 3 เฟลเวอร์ที่มีอยู่ได้ เปรียบเสมือนไอศกรีมลูกหนึ่งที่มีสามรสชาติอยู่รวมกัน ทั้งช็อกโกแลต วานิลลา และสตรอว์เบอรี โดยสามรสชาตินี้จะปรากฏอยู่เสมอ แต่มีการเปลี่ยนแปลงสัดส่วนของแต่ละรสไปได้เรื่อย ๆ
|
มีน้อยคนที่จะทราบว่า การที่มนุษย์เราและสิ่งทั้งหลายทั้งปวงเกิดขึ้นและดำรงอยู่ในทุกวันนี้ได้ เพราะมีความไม่สมดุลหรือ "อสมมาตร" (asymmetry) ของสสารในขณะที่เอกภพถือกำเนิดขึ้น ซึ่งความไม่สมดุลนี้ทำให้จักรวาลมีสสารอยู่เต็มแน่นไม่ว่างเปล่า แต่ก็ยังคงเป็นปริศนาในหมู่นักฟิสิกส์อยู่ว่า ภาวะอสมมาตรนี้เกิดขึ้นกับอนุภาคมูลฐานชนิดใดบ้าง
|
international-45542141
|
https://www.bbc.com/thai/international-45542141
|
ปัญญาประดิษฐ์ช่วยตัดต่อภาพได้อย่างไร?
|
'ซีแมนติก ซอฟต์ เซกเมนเทชั่น' (Semantic soft segmentation) จะแยกวัตถุออกจากภาพอัตโนมัติ มันวิเคราะห์สีและพื้นผิวของภาพเพื่อหาว่า อะไรคือวัตถุ มันตรวจหารายละเอียดเล็ก ๆ อย่างหญ้าและผม เพื่อแยกวัตถุให้อยู่ต่างเลเยอร์กัน ยากิซ อักซอยนักศึกษาปริญญาเอกที่ห้องปฏิบัติการวิทยาการคอมพิวเตอร์และปัญญาประดิษฐ์ (Computer Science and Artificial Intelligence Laboratory -- CSAIL ของ MIT กล่าวว่า "แทนที่ผู้ใช้งานจะต้องเลือกพิกเซลอย่างแม่นยำเอง ระบบของเราสามารถตรวจจับและให้ค่าความทึบแสงแก่วัตถุแต่ละชิ้นในภาพได้อย่างอัตโนมัติ ซึ่งสามารถนำไปใช้ในการตัดต่อภาพได้โดยตรง ในแบบเดียวกับที่ทำด้วยโฟโตช็อป" ขณะนี้ พวกเขากำลังพัฒนาระบบเพื่อใช้งานกับวิดีโอได้ในอนาคต ยากิซ กล่าวว่า "มีศิลปินจำนวนมากที่ทุ่มเทเพื่อทำพวก [วิดีโอ แมปปิง] สำหรับหนัง เป็นต้น ดังนั้นการทำให้มันใช้งานกับวิดีโอทำให้มันตรวจจับวัตถุในเฟรมแรกได้และติดตามมันไปเรื่อย ๆ ด้วยซอฟต์เซกเมนต์ที่ติดอยู่กับมัน ก็คงจะน่าสนใจมากสำหรับคนทำวิดีโอมือสมัครเล่นทางยูทิวบ์"
|
นักวิจัยที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเสตส์ (Massachusetts Institute of Technology -- MIT) สร้างปัญญาประดิษฐ์ (Artificial Intelligence - AI) ที่ช่วยทำให้การตัดต่อภาพง่ายขึ้น
|
features-53324928
|
https://www.bbc.com/thai/features-53324928
|
กาฬโรคต่อมน้ำเหลืองคืออะไร เสี่ยงเกิดการระบาดใหญ่แค่ไหน
|
หมอกาฬโรคสวมชุดอันเป็นเอกลักษณ์ โดยหน้ากากมีจงอยไว้ใส่เครื่องหอมหรือสมุนไพรที่ช่วยลดกลิ่นเหม็นจากผู้ป่วยกาฬโรค กาฬโรค เป็นหนึ่งในโรคภัยไข้เจ็บที่อันตรายที่สุดในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ แต่ในปัจจุบันโรคติดเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้สามารถรักษาให้หายได้ง่าย ๆ ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ กาฬโรคต่อมน้ำเหลืองคืออะไร กาฬโรค เป็นโรคติดเชื้อที่อาจมีอันตรายถึงชีวิต เกิดจากแบคทีเรียที่ชื่อ "เยอร์ซีเนีย เพสติส" (Yersinia Pestis) ที่อาศัยอยู่ในสัตว์บางชนิด ส่วนใหญ่เป็นสัตว์ฟันแทะขนาดเล็ก เช่น หนู และกระรอก รวมถึงหมัดที่อยู่บนตัวมัน กาฬโรคต่อมน้ำเหลือง เป็นกาฬโรคชนิดที่พบบ่อยในมนุษย์ ชื่อของมันมาจากอาการที่เกิดจากโรค นั่นคือ อาการอักเสบและปวดบวมที่ต่อมน้ำเหลือง หรือบริเวณขาหนีบ และรักแร้ ระหว่างปี 2010 - 2015 มีผู้ป่วยกาฬโรค 3,248 รายทั่วโลก ในจำนวนนี้ 584 รายเสียชีวิต ในประวัติศาสตร์ การระบาดใหญ่ของโรคนี้ถูกเรียกว่า "กาฬมรณะ หรือ ความตายสีดำ" (Black Death) ซึ่งหมายถึงภาวะเนื้อเยื่อตายและเน่าเปื่อยตามอวัยวะต่าง ๆ เช่น นิ้วมือ นิ้วเท้า ซึ่งเป็นอาการที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ป่วยโรคนี้ ส่งผลต่อร่างกายอย่างไร คนทั่วไปมักเริ่มแสดงอาการป่วยหลังจากติดเชื้อกาฬโรคต่อมน้ำเหลืองไปราว 2-6 วัน อาการเริ่มต้นอาจมีไข้และหนาวสั่น รวมถึง ปวดศีรษะ ปวดกล้ามเนื้อ อ่อนเพลีย และต่อมน้ำเหลืองบวม เจ็บ หรือมีความรู้สึกไว อย่างน้อย 1 จุด เช่น ที่ขาหนีบ รักแร้ หรือคอ โดยจะมีขนาดประมาณไข่ไก่ นอกจากนี้ กาฬโรค ยังอาจส่งผลต่อปอด ทำให้ไอ เจ็บหน้าอก และหายใจลำบาก หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงทีและเหมาะสม อาจทำให้เชื้อแพร่กระจายไปยังอวัยวะส่วนอื่น ๆ ในร่างกาย และเมื่อเชื้อเข้าสู่กระแสเลือดก็จะทำให้เกิดภาวะติดเชื้อในกระแสเลือด ซึ่งอาจทำให้เนื้อเยื่อถูกทำลาย อวัยวะล้มเหลว และเสียชีวิตได้ในที่สุด กาฬโรคติดอย่างไร มนุษย์สามารถติดกาฬโรคได้ดังต่อไปนี้ สัตว์เลี้ยง เช่น แมว และสุนัข สามารถติดเชื้อกาฬโรคได้จากการถูกหมัดกัดหรือการกินสัตว์ฟันแทะที่ติดเชื้อ เชื้ออาจเข้าสู่ร่างกายได้ทางบาดแผลเปิดที่ผิวหนัง หากบุคคลนั้นสัมผัสกับเลือดสัตว์ที่ติดเชื้อ ในประกาศเตือนภัยครั้งล่าสุดของจีนได้สั่งห้ามการล่าและกินเนื้อสัตว์ที่อาจเป็นพาหะของโรค โดยเมื่อเดือน พ.ค.ปีที่แล้ว พบว่ามีผู้ป่วย 2 คนเสียชีวิตด้วยกาฬโรคที่มองโกเลีย จากการติดเชื้อภายหลังรับประทานเนื้อกระรอกดินดิบ ศพของผู้เสียชีวิตจากกาฬโรคสามารถแพร่เชื้อสู่ผู้อื่นได้ผ่านการสัมผัสใกล้ชิด เช่น ผู้ที่รับหน้าที่เตรียมศพสำหรับการฝัง เป็นต้น คนในมองโกเลียมีความเชื่อว่าเนื้อกระรอกดิบและไตของมันเป็นยาพื้นบ้านที่ดีต่อสุขภาพ แต่สัตว์ชนิดนี้เป็นพาหะของแบคทีเรียก่อกาฬโรค รักษาอย่างไร การรักษาอย่างทันท่วงทีด้วยยาปฏิชีวนะเป็นเรื่องสำคัญ เพราะหากปล่อยทิ้งไว้มักทำให้อาการรุนแรงถึงชีวิต การวินิจฉัยโรค โดยใช้การทดสอบในห้องปฏิบัติการ และการตรวจตัวอย่างเลือดรวมทั้งส่วนอื่น ๆ สามารถช่วยรักษาชีวิตผู้ป่วยได้ มีโอกาสจะเกิดการระบาดใหญ่ของกาฬโรคขึ้นมาอีกหรือไม่ แม้จะเป็นโรคร้ายที่เราเคยได้ยินมาว่าทำให้มีผู้คนล้มตายไปหลายล้านคนในช่วงศตวรรษที่ 14 เรื่อยมาจนถึงศตวรรษที่ 19 แต่ปัจจุบันกาฬโรคยังคงมีอยู่ในหลายพื้นที่ทั่วโลก โดยเมื่อไม่นานมานี้ได้พบการระบาดในสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก และมาดากัสการ์ แต่ไม่ใช่การระบาดใหญ่ นพ.แมตธิว ดรายเดน นักจุลชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยเซาแทมป์ตันในอังกฤษ กล่าวถึงข่าวการพบผู้ติดเชื้อกาฬโรคในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน ว่า "เป็นเรื่องดีที่มีการตรวจพบและรายงานแต่เนิ่น ๆ เพราะจะช่วยให้สามารถกักโรค รักษา และป้องกันการแพร่ระบาดได้" "กาฬโรคต่อมน้ำเหลืองมีสาเหตุจากเชื้อแบคทีเรีย ไม่เหมือนโรคโควิด-19 ดังนั้นจึงสามารถให้การรักษาได้ง่ายในทันทีด้วยยาปฏิชีวนะ" เขากล่าว
|
ข่าวที่ทางการจีนยกระดับการเตือนภัย หลังจากพบผู้ติดเชื้อกาฬโรคต่อมน้ำเหลือง (bubonic plague) ในเขตปกครองตนเองมองโกเลียใน นับเป็นเรื่องที่ผู้คนให้ความสนใจเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในภาวะที่โลกกำลังเผชิญกับวิกฤตด้านสาธารณสุขจากการระบาดใหญ่ของโรคโควิด-19
|
international-51782303
|
https://www.bbc.com/thai/international-51782303
|
ไวรัสโคโรนา : ยอดผู้เสียในอิตาลีพุ่งทุบสถิติ 49 รายใน 24 ชม. ส่วนยอดผู้ติดเชื้อทั่วโลกทะลุ 1 แสนคนแล้ว
|
เจ้าหน้าที่อิตาลี ระบุว่า ภายในเวลา 24 ชั่วโมง มีผู้เสียชีวิตจากโรคโควิด-19 ไปถึง 49 คน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศอยู่ที่กว่า 4,600 คน สถานการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้อิตาลีกลายเป็นประเทศที่มีจำนวนผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่มากที่สุดนอกประเทศจีน ซึ่งมียอดผู้เสียชีวิตกว่า 3,000 คนนับแต่พบเชื้อระบาดครั้งแรกเมื่อเดือน ธ.ค.ปีที่ผ่าน สถาบันสุขภาพแห่งชาติของอิตาลี ระบุว่า อายุเฉลี่ยของผู้เสียชีวิตคือ 81 ปี โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีปัญหาสุขภาพอยู่ก่อนแล้ว และประเมินว่า 72% ของผู้เสียชีวิตเป็นผู้ชาย ข้อมูลของทางการอิตาลีบ่งชี้ว่า 4.25% ของผู้ติดเชื้อได้เสียชีวิตลง ซึ่งเป็นอัตราสูงที่สุดในโลก ทั้งนี้ อิตาลีเป็นหนึ่งในประเทศที่มีประชากรสูงอายุมากที่สุดในโลก อัตราการเสียชีวิตของผู้ติดเชื้อเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอิตาลีอยู่ที่ 4.25% ซึ่งเป็นอัตราสูงที่สุดในโลก ส่วนภาพรวมทั่วโลกนั้น นายเทดรอส อาดานอม เกเบรเยซัส ผู้อำนวยการใหญ่องค์การอนามัยโลก (WHO) ระบุว่า การระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ครั้งนี้เป็น "เรื่องน่ากังวลอย่างยิ่ง" พร้อมเรียกร้องทุกประเทศทั่วโลกให้ความสำคัญในการสกัดกั้นการแพร่ระบาดในระดับสูงสุด องค์การอนามัยโลกระบุว่าจนถึงบัดนี้มีผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ทั่วโลกเกิน 1 แสนคนแล้ว ส่วนในสหรัฐฯ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้ลงนามอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณฉุกเฉินวงเงิน 8.3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 2.57 แสนล้านบาท) เพื่อต่อสู้กับการระบาดในประเทศ ซึ่งมีผู้ได้รับการยืนยันว่าเสียชีวิตจากเชื้อโคโรนาสายพันธุ์ใหม่แล้ว 14 คน ขณะที่ในอิหร่าน มียอดผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้นกว่า 1,200 คนภายใน 24 ชั่วโมง ส่งผลให้ยอดผู้ติดเชื้อในประเทศพุ่งเป็น 5,823 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 145 คน ในสหราชอาณาจักร มีผู้ได้รับการยืนยันว่าติดเชื้อเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยอยู่ที่ 206 คน และมีผู้เสียชีวิตแล้ว 2 คน ส่วนประเทศต่าง ๆ เช่น นครรัฐวาติกัน, เซอร์เบีย, สโลวะเกีย, เปรู และประเทศโตโก ในแอฟริกาตะวันตก ต่างรายงานการพบผู้ติดเชื้อรายแรก ๆ ของประเทศ องค์การสหประชาชาติ เปิดเผยรายชื่อประเทศที่สั่งปิดทำการสถานศึกษาทั่วประเทศเพื่อสกัดกั้นการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ได้แก่ : อาร์เมเนีย, อาเซอร์ไบจาน, บาห์เรน, จีน (รวมถึง ฮ่องกง และมาเก๊า), เกาหลีเหนือ, จอร์เจีย, อิหร่าน, อิตาลี, ญี่ปุ่น, คูเวต, เลบานอน, มองโกเลีย, เกาหลีใต้ และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ส่วนประเทศอื่นที่สั่งปิดทำการสถานศึกษาในบางพื้นที่ที่พบโรคระบาดได้แก่ : อัฟกานิสถาน, ภูฏาน, ฝรั่งเศส, เยอรมนี, กรีซ, อินเดีย, อิรัก, ปากีสถาน, ดินแดนปาเลสไตน์, ยูเครน, สหราชอาณาจักร, สหรัฐฯ และ เวียดนาม
|
ยอดผู้เสียชีวิตจากเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในอิตาลีพุ่งแตะ 197 รายแล้ว หลังจากมีผู้เสียชีวิตรายวันมากที่สุดนับแต่เกิดการระบาดในประเทศ
|
thailand-45096600
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-45096600
|
หน่วยงานจัดการน้ำระบุไทยไม่ซ้ำรอยน้ำท่วมใหญ่ปี 2554
|
น้ำโขงเอ่อท่วมที่ จ. นครพนม ขณะที่นักวิชาการยังเห็นว่าหน่วยงานของไทยยังคงไม่มีแผนบริหารจัดการน้ำอย่างเป็นระบบ และยังคงทำงานแบบแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าอยู่ ซึ่งอาจะทำให้เกิดความเสียหายที่น่าจะป้องกันได้ บูรณาการความร่วมมือภาครัฐ นายสมเกียรติ ประจำวงษ์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) กล่าวกับบีบีซีไทยว่าสถานการณ์ในปีนี้คงไม่ซ้ำรอยกับปี 2554 โดยมีประเด็นที่ต่างกันชัดเจนอยู่ดังนี้ 1. สภาพฝนที่เกิดขึ้นต้นฤดูเกิดขึ้นแตกต่างปี 2554 ปี เพราะว่าปี 2554 ฝนจะตกทางตอนเหนือไล่มาทางภาคกลาง แล้วย้อนกลับไปภาคเหนืออีกครั้ง ทำให้มวลน้ำจากภาคเหนือมหาศาลไหลลงมายังภาคกลาง และเมื่อระบายไม่ทันก็ทำให้เกิดภาวะน้ำท่วมใหญ่ นายสมเกียรติยังอธิบายด้วยว่าในช่วงต้นปีนี้ ฝนจะตกตามแนวชายขอบของประเทศอย่างเช่น อีสานตอนบน และภาคตะวันตกเป็นส่วนใหญ่ ซึ่งทิศทางการระบายของมวลน้ำย่อมแตกต่างกันแน่นอน 2. ในปี 2561 มีหน่วยงานสั่งการให้มีการพร่องน้ำ และระบายน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ที่กำหนด และทันเวลาที่จะรับน้ำฝนที่จะมาใหม่ได้ ดังนั้นมวลน้ำจะไม่เกิดการสะสมให้เป็นมวลใหญ่มหาศาลในแบบของเมื่อ 7 ปีก่อน 3. นอกจากนี้ ในปีนี้ก็มีการบูรณาการการจัดการน้ำเป็นหนึ่งเดียวกัน นอกจากนี้ก็ยังมีการจัดทำระบบติดตาม ประสานบูรณาการใน 9 หน่วยงานหลัก ไม่ว่าจะเป็น กรมอุตุนิยมวิทยา สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ จิสด้า หน่วยงานในสังกัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และมีหน่วยงานของทหาร และกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเป็นหน่วยสนับสนุนด้านปฏิบัติการหากเกิดน้ำท่วม หรือดินถล่มขึ้นมา ชาวบ้านใน อ.บางบาล จ.พระนครศรีอยุธยา ใช้เรือสัญจร เข้าออกหมู่บ้าน เมื่อเดือน พ.ย. ปีที่แล้ว "ในปี 54 นั้นยังไม่มีหน่วยงานอย่าง สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติซึ่งเป็นหน่วยงานขับเคลื่อนนโยบายแบบเบ็ดเสร็จ หรือ single command" นายสมเกียรติกล่าว "ผมว่าสถานการณ์ปีนี้เราคุมได้ และแม้จะมีพายุฝนเข้ามาหนักอย่างที่เราไม่ได้คาดคิดไว้ หลังกรมอุตุฯ ติตตามร่องรอยคาดสถานการณ์ได้ เราก็มีเวลาในการเตรียมตัวอีก 7-8 วัน อย่างเช่นการอพยพคนออกจากพื้นที่ ก็น่าจะทำได้ทันการ" ปภ.เตือน 50 จังหวัดเฝ้าระวัง 6-9 สค. นี้ สถานการณ์น้ำของไทยน่าจะท้าทายยิ่งขึ้นไปอีก หลังจากอิทธิพลของพายุโซนร้อน "เซินติญ"และมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ ตั้งแต่วันที่ 17 ก.ค.-7 ส.ค. ทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก น้ำล้นตลิ่ง และดินถล่ม ใน 28 จ. รวม 88 อำเภอ ประชาชนได้รับผลกระทบ 39,812 ครัวเรือน 110,540 คน และผู้เสียชีวิต 1 รายที่ จ.สกลนคร เป็นเด็กชายวัย 14 ปีซึ่งพลัดตกจมน้ำเสียชีวิตเมื่อ 30 ก.ค. ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตามมี 19 จ. ที่สถานการณ์คลี่คลายแล้ว คงเหลืออีก 10 จ. ที่ยังคงมีสถานการณ์อุทกภัยอยู่ ล่าสุดกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) ได้แจ้งเตือน 50 จังหวัดให้ต้องเฝ้าระวังสถานการณ์อุทกภัย (ดูรายละเอียดในแผนที่) ในช่วงวันนี้ถึงวันที่ 9 ส.ค. นี้ ชาวบ้านที่อยู่ใกล้กับเขื่อนก็ต้องเตรียมตัวไว้ด้วย ข้อมูลจากกรมชลประทานระบุว่าปริมาตรน้ำในเขื่อนแก่นกระจาน จ.เพชรบุรี ได้ทะลุเกินความจุเก็บกักแล้วเมื่อเวลา 11.00 น. เศษ โดยมีน้ำอยู่ที่ 725 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือคิดเป็นร้อยละ 102 ของปริมาตรเก็บกัก ขณะที่วันเดียวกันนี้เมื่อปี 2560 มีระดับน้ำอยู่เพียง 337 ล้าน ลบ.ม. เท่านั้น ส่วนพื้นที่ภาคอีสาน เขื่อนน้ำอูน จ.สกลนคร ก็มีปริมาตรน้ำเกินความจุเก็บกักเช่นกัน โดยคิดเป็นร้อยละ 103 ของปริมาตรเก็บกัก เช่นเดียวกับอีก 2 เขื่อนในภาคตะวันออกที่มีน้ำค่อนข้างมาก ทั้งเขื่อนศรีนครินทร์ และเขื่อนวชิราลงกรณ์ จ.กาญจนบุรี มีปริมาตรน้ำร้อยละ 87 และร้อยละ 85 ของปริมาตรเก็บกักตามลำดับ (ดูรายละเอียดในแผนที่ 2) และทางจังหวัดก็ได้เตือนชาวบ้านก็เก็บของขึ้นสู่ที่สูง เนื่องจากเขื่อนทั้งสองรวมทั้งเขื่อนแม่กลองกำลังเร่งระบายน้ำออกมา การบริหารจัดการน้ำยังคงใช้แผน "ตั้งรับ" ในขณะที่รัฐบาลของนางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตรซึ่งต้องรับมือกับน้ำท่วมครั้งใหญ่ในปี 2554 ถูกวิพากษ์ทั้งจากฝ่ายตรงข้าม นักวิชาการและประชาชนว่าล้มเหลวในการบริหารจัดการน้ำโดยสิ้นเชิง ทั้งไม่มีข้อมูลที่ถูกต้องในมือ, ไม่มีการประสานงานระหว่างหน่วยงานต่าง ๆ ที่ดีพอ จนทำให้เกิดความเสียหายทางเศรษฐกิจกว่า 1.4 ล้านล้านบาท และส่งผลให้ความเจริญเติบโตในปีดังกล่าวลดลงประมาณ 1.1% GDP ของประเทศ หลังจากนั้นรัฐบาลไทยจึงได้พยายามที่จะจัดตั้งระบบเพื่อรับมือกับสถานการณ์ให้ได้ดีมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามดร. เสรี ศุภราทิตย์ จากศูนย์การเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศและภัยพิบัติ ม.รังสิต กล่าวกับบีบีซีไทยว่าการบริหารจัดการภัยภิบัติของประเทศไทย โดยเฉพาะน้ำท่วมยังคงไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก "เป็นการเคลื่อนไหวหลังการที่เกิดภัยแล้วเท่านั้น เช่น จะเคลื่อนไหวพร่องน้ำออกจากเขื่อนในช่วงฤดูฝนแล้วเท่านั้น ซึ่งที่จริงในช่วงปกติ ที่น้ำไม่ท่วมก็ควรจะมีการวางแผนบูรณาการทั้งระบบ" เขากล่าวอีกว่าแม้ดูภาพรวมของปริมาณฝนตกแล้ว ในปีนี้อาจจะยังไม่มากเหมือนปี 2554 "แต่ด้วยสภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไป การดูภาพรวมไม่อาจจะช่วยได้อีกต่อไป สิ่งที่ต้องทำก็คือ ประเมินความเสี่ยงความเปราะบางของแต่ละพื้นที่" น้ำท่วมใหญ่เมื่อปี 2554 ผู้คนต้องเอารถไปจอดไว้บนสะพาน รวมทั้งไปอาศัยอยู่บนนั้นด้วย ดร.เสรียกตัวอย่างว่า เช่น ตัวเมืองเพชรบุรี เป็นพื้นที่ที่มีความเสี่ยงสูงที่จะถูกน้ำท่วม "ในช่วงที่สถานการณ์ปกติ ก็ควรจะต้องขุดคลองผันน้ำ ขุดลอกเพื่อเตรียมการรับมือ ไม่ใช่จะมาเตรียมการเฉพาะในช่วงที่ฝนตกแล้ว น้ำจะเอ่อท้นแล้วเท่านั้น" "ในเชิงตั้งรับ เรามีความเชี่ยวชาญมาก พอเกิดน้ำท่วม เราก็เข้าไปเตรียมรับน้ำ ผันน้ำ เตรียมสิ่งของเพื่อช่วยเหลือผู้ประสบภัย แต่ไม่ได้ทำเชิงรุกกันเลย ก่อนหน้านี้มีการพูดถึงงบวางแผนจัดการน้ำทั่วประเทศ 3.5 แสนล้านบาท แต่ก็ถูกยกเลิกไป มีการวางแผนใหม่เป็นล้านล้านบาท ก็ยกเลิกไปอีก แล้วก็กลับมาตั้งรับกันใหม่ เป็นแบบนี้ซ้ำกันไปทุกปี มันก็จึงไม่สามารถที่จะป้องกันความเสียหายที่ควรจะป้องกันได้" "จริง ๆแล้ว เราก็ควรจะมีแผนบริหารจัดการน้ำ ที่ไม่ขึ้นกับการเมือง ให้ประชาชนมีส่วนร่วม ส่วนใหญ่แผนบริหารจัดการน้ำจะถูกล้มโดยประชาชน เพราะประชาชนไม่มีส่วนร่วมเลยตั้งแต่ต้น" เขากล่าวสรุป
|
ขณะที่ชาวบ้านในหลายพื้นที่ของประเทศได้รับผลกระทบจากฝนที่ตกหนักและต่อเนื่อง จนเกิดคำถามว่าปีนี้จะมีสภาพใกล้เคียงกับปี 2554 บ้างหรือไม่ แต่ทางรัฐบาลก็มั่นใจว่าจะสามารถรับมือกับมวลน้ำที่จะมาในภายหลังได้โดยไม่ให้ซ้ำรอยกับน้ำท่วมใหญ่เมื่อ 7 ปีก่อนแน่นอน
|
international-43189439
|
https://www.bbc.com/thai/international-43189439
|
พรรคคอมมิวนิสต์จีนเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญ เปิดทาง ปธน. สี จิ้นผิง ดำรงตำแหน่งมากกว่า 2 สมัย
|
ก่อนหน้านี้ มีการคาดการณ์ว่า ปธน. สี จิ้นผิง พยายามที่จะขยายระยะเวลาการดำรงตำแหน่งของเขาออกไปเลยปี 2023 ในการการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนครั้งที่ 19 เมื่อปีที่แล้ว ที่ประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ให้บรรจุ "ความคิดของสี จิ้นผิง ว่าด้วยสังคมนิยมแบบจีนสำหรับยุคใหม่" ลงเป็นหลักการสำคัญในธรรมนูญฉบับใหม่ของพรรค ซึ่งชี้ให้เห็นว่า เขาได้ขึ้นครองอำนาจเป็นผู้นำที่มีอิทธิพลสูงสุดของจีน เทียบเท่ากับประธานเหมา เจ๋อตง ผู้ก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน แถลงการณ์ผ่านทางสำนักข่าวซินหัว ระบุว่า คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เสนอให้ยกเลิกบทบัญญัติที่ห้ามไม่ให้ประธานาธิบดีหรือรองประธานาธิบดีของสาธารณรัฐประชาชนจีนดำรงตำแหน่งมากกว่า 2 สมัยติดต่อกัน คณะกรรมการกลางของพรรคคอมมิวนิสต์จีนมีกำหนดเข้าร่วมประชุมที่กรุงปักกิ่งในวันพรุ่งนี้ (26 ก.พ.) ส่วนการเสนอแก้ไขบทบัญญัติดังกล่าวจะมีขึ้นระหว่างการประชุมประจำปีสภาประชาชนแห่งชาติ ซึ่งจะเริ่มต้นวันที่ 5 มี.ค. นี้ นาย สี ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาตั้งแต่ปี 2013 และตามระบบปัจจุบัน มีกำหนดหมดวาระในปี 2023 การกำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 10 ปี เริ่มต้นในช่วงปี 90 ตามแนวคิดผู้นำจีน เติ้ง เสี่ยวผิง เพื่อพยายามที่จะไม่ให้เกิดความวุ่นวายแบบในสมัยของประธานเหมา เจ๋อตง อีก แต่ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อปี 2012 นาย สี ได้แสดงท่าทีพร้อมที่จะสร้างกฎเกณฑ์ใหม่สำหรับตัวเขาเอง ต่างจากผู้นำ 2 คนก่อนหน้านี้ที่ปฏิบัติตามข้อกำหนดนี้ House of Cards เวอร์ชั่นจีน
|
สำนักข่าวซินหัวของทางการจีนรายงานวันนี้ (25 ก.พ.) ว่า พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เสนอยกเลิกบทบัญญัติที่กำหนดให้ประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้แค่ 2 สมัย เปิดช่องให้ สี จิ้นผิง บริหารประเทศต่อหลังปี 2023
|
international-42292641
|
https://www.bbc.com/thai/international-42292641
|
'ผู้หญิงพิการก็มีความต้องการทางเพศเหมือนกัน'
|
ฉันเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง ที่มีความพิการทางร่างกาย 75% ฉันเคยมีความรัก ฉันพูดเสมอว่า คนที่ไม่เคยมีความรัก หรือรู้สึกรักใคร ก็เหมือนกับหุ่นไล่กาในทุ่ง ไม่มีชีวิตจิตใจ ฉันอายุได้ 11 ปี ตอนที่รู้ตัวว่ามีความรู้สึกพิเศษกับลูกชายของเพื่อนบ้าน ความรู้สึกนี้ไม่มีเหตุผลสำหรับฉัน ช่วงเวลานั้น ฉันไม่เห็นตัวเองเป็นคน เพราะความพิกลพิการและร่างกายที่ผิดปกติ ฉันไม่เชื่อว่าฉันควรจะมีชีวิตอยู่ด้วยซ้ำ ฉันได้แต่เฝ้ารอความตายที่ไม่มีใครอยากเผชิญ มิตราไม่มีรถเข็นสำหรับผู้พิการใช้ เธอจึงต้องนอนบนรถเข็นสำหรับขนดินแทน ฉันแอบรักเขานาน 14 ปี ฉันเก็บงำความรู้สึกไว้ภายใน หลังจาก 14 ปี ฉันถึงตัดสินใจสารภาพรักกับเขา และเล่าให้ครอบครัวฟัง เขารับรักฉัน แต่ทางบ้านฉันไม่ยอมรับ เรื่องนี้ทำให้ชีวิตฉันเหมือนตกนรกอยู่ราว 2-3 ปี แต่ความรักที่ฉันมีต่อเขาก็สอนให้ฉันรู้ว่า ฉันควรจะรักตัวเองอย่างไร มันทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงบางอย่างภายในตัวฉันขึ้น ฉันรักผู้ชายคนนั้นมานาน 30 ปีแล้ว แม้ว่าเราจะไม่เคยได้ใช้ชีวิตร่วมกันเลยก็ตาม ไม่ว่าจะพิการหรือไม่พิการ ความจริงคือ ฉันก็เป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มีความต้องการและความรู้สึกเช่นเดียวกับผู้หญิงทั่วไปมี ฉันอยากอยู่ในอ้อมแขนของคนรักตอนกลางคืน อยากให้เขาลูบผมฉัน โชคร้าย คนจำนวนมากในวัฒนธรรมของฉันเชื่อว่า ผู้หญิงอย่างฉันไม่สมควรจะรักใคร หรือรับความรักจากใคร มันทำให้ฉันรู้สึกเจ็บปวด การที่พ่อไม่อนุญาตให้ฉันคบหากับคนที่ฉันรัก ทำให้ฉันรู้สึกเจ็บ ผู้หญิงพิการอย่างฉันจำนวนมากทนทุกข์จากการที่ต้องเก็บกดความต้องการทางด้านอารมณ์ความรู้สึกและความต้องการทางเพศไว้ ฉันเชื่อว่า การเปลี่ยนแปลงที่สำคัญที่สุดต้องมาจากภายในตัวเราเอง เราคือคนที่ต้องยอมรับความต้องการทางเพศและขีดจำกัดของตัวเอง เราต้องเชื่อว่า เราคู่ควรในการใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ และมีความสุขกับชีวิต ไม่ว่าเราจะพิการหรือไม่ เมื่อเราเชื่อเช่นนั้นแล้ว คนรอบข้างก็จะเริ่มเคารพในความต้องการของเรา ฉันรู้จักผู้หญิงพิการจำนวนมากรอบตัวฉันที่ครอบครัวไม่รู้ว่าพวกเธอก็เป็นคนที่มีความต้องการทางเพศ เพราะผู้หญิงเหล่านั้นไม่อาจเชื่อมั่นในตัวเอง ถ้าตัวเองไม่เชื่อว่าคู่ควรจะได้รับความรัก แล้วจะทำให้คนที่บ้านเชื่อได้อย่างไร มิตราหาเลี้ยงชีพด้วยการขายงานศิลปะของเธอ แม้ว่าพ่อจะยืนกรานที่จะให้ฉันเก็บกดความรู้สึกต่าง ๆ ไว้ ฉันก็ภูมิใจที่ได้เผยความรู้สึกและความต้องการของฉันออกมา ฉันเชื่อในสิทธิของการมีชีวิตที่สมบูรณ์ ทำให้ฉันเอาชนะอุปสรรคต่าง ๆ และได้อิสรภาพมาในที่สุด ผู้คนจำนวนมากเชื่อว่าความรู้สึกและความต้องการทางเพศของผู้หญิงพิการไม่ใช่เรื่องสำคัญ แต่ความจริงแล้ว มันสำคัญมาก ทุกคน ทั้งชายและหญิง พิการและไม่พิการ ต่างก็มีความรู้สึกและความต้องการทางเพศไม่มากก็น้อย ส่วนตัวฉัน บางครั้งเชื่อว่า แรงขับทางเพศของคนพิการอาจจะรุนแรงกว่าในคนที่ร่างกายปกติด้วยซ้ำ อาจเป็นเพราะว่า พวกเราซึ่งมีความพิการทางกายที่รุนแรงไม่สามารถปลดปล่อยแรงขับทางเพศได้ในแบบที่คนทั่วไปทำ ฉันคิดว่าถ้าความต้องการทางเพศของผู้หญิงพิการไม่ได้รับการตอบสนอง ก็จะยิ่งเป็นผลเสีย ความพิการทางกายของพวกเราก็เหมือนกับ รังไหมที่ห่อหุ้มตัวเราไว้ การปลดปล่อยแรงขับทางเพศออกมาจะทำให้เรามีพื้นที่มากขึ้นในรังไหมเล็ก ๆ นี้
|
นักรณรงค์บอกว่า มีผู้พิการราว 10 ล้านคนในอิหร่าน สิ่งหนึ่งที่เป็นเรื่องต้องห้ามในประเทศที่มีสังคมอนุรักษ์นิยมคือ เพศ และยิ่งเมื่อเป็นผู้หญิงพิการด้วยแล้ว การมีความต้องการทางเพศยิ่งถือว่าเป็นเรื่องต้องห้าม นี่คือเรื่องราวของมิตรา ฟาราซานเดห์ วัย 41 ปี ซึ่งเป็นหญิงพิการที่ใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของอิหร่าน เธอเปิดเผยประสบการณ์และความคับข้องใจ
|
thailand-55377606
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-55377606
|
โควิด-19: สธ.เผยตรวจพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในสมุทรสาครรวม 548 ราย
|
เจ้าหน้าที่ตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ให้แรงงานต่างด้าวที่จังหวัดสมุทรสาคร นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรคแถลงว่า จากกรณีพบผู้ติดเชื้อโรคโควิด-19 ที่เป็นแม่ค้าในตลาดกลางกุ้ง จ.สมุทรสาคร เมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ซึ่งกรมควบคุมโรค ได้ร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ดำเนินการตรวจค้นหาผู้ป่วยเชิงรุกในกลุ่มแรงงานที่ตลาดกลางกุ้งในจังหวัด จาก 1,192 คน พบผู้ป่วยที่เป็นแรงงานเพิ่ม 516 ราย (ตรวจด้วยรถโมบาย) คิดเป็นร้อยละ 43 ของผู้ที่ได้รับการตรวจทั้งหมด รวมยอดสะสมทั้งหมดในจังหวัด 548 ราย (32 รายมาตรวจที่โรงพยาบาล) ผลการตรวจพบว่า กว่าร้อยละ 90 เป็นผู้ติดเชื้อที่ไม่มีอาการหรือมีอาการน้อยมาก นายวีระศักดิ์ วิจิตร์แสงสี ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร ขอให้ประชาชนในจังหวัดสมุทรสาครงดเดินทางออกนอกจังหวัด และมีการยกระดับมาตรการควบคุมตั้งแต่ 19 ธ.ค. ถึง 3 ม.ค. ดังนี้ 1. กำหนดพื้นที่ควบคุมโรคเด็ดขาด โดยมีคำสั่งปิดพื้นที่ตลาดกลางกุ้ง และหอพักศรีเมือง ห้ามการเข้าออกพื้นที่โดยเด็ดขาด โดยจังหวัดจะมีมาตรการอำนวยความสะดวกแก่ผู้ที่อาศัยในพื้นที่ตลอดห้วงเวลาที่กำหนดคือ 19 ธ.ค. ถึง 3 ม.ค. 2. พื้นที่ทั่วไปของ จ.สมุทรสาคร กำหนดปิดสถานที่เป็นการชั่วคราว 14 วัน ได้แก่ พร้อมกันนี้ ขอความร่วมมือประชาชนชาวสมุทรสาคร งดออกจากเคหะสถานในเวลา 22.00 - 05.00 น. ของวันรุ่งขึ้น และช่วยปฏิบัติตามมาตรการทางสาธารณสุขอย่างเข้มข้น โดยการสวมหน้ากาก ให้เจลแอลกอฮอล์ล้างมือ เว้นระยะห่างทางสังคม และสแกนไทยชนะ 3. ห้ามคนต่างด้าวเข้า-ออกเขตจังหวัดโดยสิ้นเชิง ส่วนคนไทยสามารถเดินทางได้แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องให้ทราบ รวมถึงต้องแจ้งรายชื่อและจุดหมายปลายทางด้วย นอกจากนี้ ยังขอให้ผู้ที่ไปตลาดกุ้ง ตั้งแต่วันที่ 1 ธ.ค. สังเกตอาการตัวเองเป็นเวลา 14 วัน และเลี่ยงการเดินทางด้วยรถสาธารณะ หากมีอาการไข้ ไอ เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่ได้รับรส ให้เข้ารับการตรวจ เพื่อหาเชื้อโรคโควิด-19 สามารถแจ้งเบาะแสเกี่ยวกับสถานการณ์โควิด-19 ได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค 1422 สายด่วนสมุทรสาคร 065-549-3322 หรือ 034-871-274 นายวีระศักดิ์ ระบุว่า ก่อนหน้านี้ จ.สมุทรสาคร เคยมีผู้ติดเชื้อ 18 รายซึ่งรักษาหายหมดแล้ว และนักวิชาการเคยคาดการณ์ไว้ว่า ในช่วง 4-5 เดือน จะเกิดการแพร่ระบาดระลอกที่ 2 โดยเฉพาะในหมู่ของผู้ใช้แรงงานต่างด้าว แต่ด้วยความร่วมมือของประชาชนชาวสมุทรสาคร และแรงงานต่าง ซึ่งมีการตั้งกลุ่มอาสาสมัคร อสต. (อาสาสมัครต่างด้าว) เป็นแกนหลักในการดำเนินงาน จึงทำให้จังหวัดปลอดเชื้อมา 250 วัน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 17 ธ.ค. ที่พบผู้ป่วยติดเชื้อ 1 ราย จึงนำไปสู่การรค้นพบหรือการระบาดเป็นจำนวนมาก ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรสาคร กล่าวว่า ประชาชนยังสามารถไปใช้สิทธิเลือกตั้ง อบจ.ในวันพรุ่งนี้ (20 ธ.ค.) ได้ แต่ให้สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า และปฏิบัติตามมาตรการป้องกันโรคโควิด-19 อย่างเคร่งครัด โดยเมื่อใช้สิทธิ์เสร็จแล้วให้กลับบ้านทันที แรงงานชาวเมียนมากว่า 4,000 รายต่อแถวรอการตรวจหาเชื้อหลังจากพบมีการระบาดที่ตลาดกลางกุ้ง เมื่อเดือน ส.ค.ที่ผ่านมา องค์การสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ได้ชื่นชมการรับมือโรคโควิด-19 ของประเทศไทย โดย ชี้ว่าเป็นตัวอย่างของความแข็งแกร่งและความสามัคคี นางคีตา สภารวัล ผู้แทนองค์การสหประชาชาติประจำประเทศไทย เขียนบทความลงในเว็บไซต์ขององค์การสหประชาชาติ แสดงความชื่นชมความสำเร็จของประเทศไทยกับการรับมือวิกฤตโควิด-19 ที่ทำให้องค์การอนามัยโลกยกให้ไทยและนิวซีแลนด์ เป็นความสำเร็จที่ประเทศอื่นควรศึกษาโดยระบุว่าไทยเป็นตัวอย่างของความแข็งแกร่งในการฟื้นฟูอย่างยอดเยี่ยม เพราะ 3 ปัจจัยหลัก คือ
|
กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) แถลงข่าวสถานการณ์โควิด-19 ในจังหวัดสมุทรสาคร ล่าสุดพบผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เพิ่มขึ้น 516 รายจากการคัดกรองที่ตลาดกุ้ง และพบที่โรงพยาบาลอีกจำนวนหนึ่ง รวมทั้งหมดเป็น 548 ราย ส่วนใหญ่เป็นแรงงานต่างชาติ พร้อมขอความร่วมมือคนในพื้นที่ไม่ออกนอกจังหวัดโดยไม่จำเป็น และงดออกนอกเคหะสถานระหว่างเวลา 22.00-05.00 น. ตั้งแต่ 19 ธ.ค. ถึง 3 ม.ค.
|
features-50398037
|
https://www.bbc.com/thai/features-50398037
|
ทำงานผิดพลาดล้มเหลวครั้งละ 15% ช่วยให้เรียนรู้สิ่งใหม่ได้ดีกว่า
|
ทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยแอริโซนาของสหรัฐฯ ตีพิมพ์ผลการศึกษาทางจิตวิทยาล่าสุดลงในวารสาร Nature Communications โดยระบุว่าได้ค้นพบอัตราความผิดพลาดล้มเหลวที่เหมาะสม ซึ่งอยู่ที่ 15% ของการทำงานแต่ละครั้ง และชี้ว่าความผิดพลาดระดับนี้จะเปิดโอกาสให้แต่ละบุคคลสามารถเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ได้ดีที่สุด โดยไม่รู้สึกว่ายากหรือง่ายจนเกินไป ดร. โรเบิร์ต วิลสัน ผู้นำทีมวิจัยบอกว่า แนวคิดที่คล้ายกันนี้เคยมีมาก่อนแล้วในแวดวงการศึกษา โดยเชื่อว่าการเรียนรู้ที่ได้ผลดีที่สุด จะต้องมาจากบทเรียนที่อยู่ใน "ขอบเขตความยากพอประมาณ" ซึ่งจะทำให้ผู้เรียนทำแบบทดสอบผิดพลาดไปบ้างเล็กน้อย "ผลการทดลองของเราชี้ว่า อัตราส่วนการเรียนรู้ซึ่งมีเปอร์เซ็นต์ของความผิดพลาดต่อความสำเร็จอยู่ที่ 15% ต่อ 85% เป็นสูตรสำเร็จที่ดีที่สุด" ดร. วิลสันกล่าว ตัวเลขสูตรสำเร็จดังกล่าวมาจากการทดลองให้โปรแกรมปัญญาประดิษฐ์ (AI) เรียนรู้งานง่าย ๆ เช่นจัดประเภทของแบบแผนลวดลายต่าง ๆ เป็นหมวดหมู่ หรือรู้จักแยกแยะความแตกต่างระหว่างเลขคู่กับเลขคี่ และพบว่าเอไอจะเรียนรู้ได้รวดเร็วที่สุด หากมันทำงานผิดพลาดในอัตราโดยเฉลี่ยที่ 15% เป็นส่วนใหญ่ ทีมผู้วิจัยมองว่า แนวทางดังกล่าวอาจนำมาประยุกต์ใช้กับมนุษย์ ในการออกแบบเนื้อหาวิชาการในห้องเรียนหรือหลักสูตรฝึกอบรมต่าง ๆ ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับการเรียนรู้ในลักษณะของ Perceptual learning ซึ่งผู้เรียนสั่งสมประสบการณ์ผ่านการลองผิดลองถูกและเรียนรู้จากการดูตัวอย่าง ซึ่งไม่ต่างจากรูปแบบการเรียนรู้ของเอไอแต่อย่างใด ดร. วิลสันอธิบายเพิ่มเติมว่า "ตัวอย่างเช่น การฝึกให้รังสีแพทย์แยกแยะภาพเอกซเรย์ให้ได้ว่า ภาพใดคือเนื้องอกหรือไม่ใช่เนื้องอก หากรังสีแพทย์จำแนกภาพเอกซเรย์ได้ถูกต้องทั้งหมด แสดงว่าระดับความยากของแบบทดสอบชุดนั้นต่ำเกินไป ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดการเรียนรู้เพิ่มเติมอย่างที่หวัง แต่หากผู้สอนเพิ่มระดับความยากของงานหรือแบบทดสอบจนสูงเกินไป ก็จะทำให้ผู้เรียนท้อถอยและปิดกั้นการเรียนรู้ได้" "อัตราความผิดพลาดล้มเหลวที่เหมาะสม ซึ่งอยู่ที่ 15% นี้ ไม่ได้หมายความว่าผู้เรียนรู้จะต้องเป็นฝ่ายตั้งเป้าในการทำงานหรือทำแบบทดสอบครั้งต่อไปให้ได้มาตรฐานในระดับดังกล่าว แต่เป็นหน้าที่ของผู้สอนที่จะต้องจัดสภาพแวดล้อมให้ผู้เรียนเกิดการดิ้นรนแก้ปัญหาอย่างพอประมาณ และสามารถผ่านไปได้ในที่สุด"
|
การทำงานหรือทำแบบทดสอบต่าง ๆ ได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์แบบไม่มีข้อผิดพลาด แม้จะเป็นสิ่งที่ดีในระดับอุดมคติ แต่การยึดติดอยู่กับความสำเร็จเดิม ๆ เรื่อยไป ก็ไม่อาจจะช่วยให้คนเราเกิดการพัฒนาตนเองและเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ได้ เท่ากับการรู้จักยอมรับความล้มเหลวเสียบ้าง
|
international-39519564
|
https://www.bbc.com/thai/international-39519564
|
เมลาเนีย ทรัมป์: หนึ่งภาพทางการ ร้อยพันจินตนาการ
|
สตรีหมายเลข 1 กล่าวว่า 'ฉันรู้สึกเป็นเกียรติที่ได้ปฏิบัติหน้าที่สุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง และยินดีที่จะได้ทำงานในฐานะตัวแทนของชาวอเมริกันในช่วงหลายปีข้างหน้านี้' ภาพนี้กลายเป็นเรื่องขบขัน ถูกนำไปล้อเลียนกันในอินเทอร์เน็ต และยังมีนักวิจารณ์ นำไปเปรียบเทียบกับภาพของมิเชล โอบามา และฮิลลารี่ คลินตันด้วย แต่ภาพนี้บ่งบอกอะไรเกี่ยวกับภรรยาของประธานาธิบดีของประเทศที่ทรงอิทธิพลของโลกบ้าง ศ.คาร่า เอ. ฟินนิแกน จากภาควิชาสื่อสาร มหาวิทยาลัยอิลลินอยส์ กล่าวว่า ภาพเหล่านี้มีความสำคัญ เพราะบ่งบอกถึงมุมมองซึ่งผู้ที่อยู่ในอำนาจมีต่อตนเอง ในขณะที่เธอมองว่า ภาพนี้ออกมาดูดีกว่าภาพถ่ายอย่างเป็นทางการ ภาพแรกของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แต่พอนำไปเทียบกับสมัยประธานาธิบดีโอบามาแล้ว ดูด้อยกว่า เนื่องจาก 'เราคาดหวังสูงกับภาพเหล่านี้' เท่าที่ผ่านมา นางทรัมป์ ซึ่งเคยมีอาชีพเป็นนางแบบ และอาศัยอยู่ในนิวยอร์ก กับบารอน ลูกชายวัย 10 ปี ไม่ได้เคยมีบทบาทสำคัญเท่าสุภาพสตรีหมายหนึ่งคนก่อน ๆ ซึ่งศ.ฟินนิแกน วิเคราะห์ว่า 'บางทีทางทำเนียบขาว อาจจะกำลังพยายามเท่าที่ทำได้แล้ว กับการมีสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งที่เป็นนางแบบมาก่อน และก่อร่างสร้างธุรกิจจากชื่อเสียงและรูปร่างหน้าตาของเธอ' 'สำหรับฉัน พื้นฐานที่เป็นนามธรรม และการที่เธอไม่ได้อยู่ในทำเนียบขาวอย่างชัดเจน สะท้อนถึงสถานการณ์ของเธอด้วย ซึ่งผู้ที่ต้องการวิจารณ์ก็จะมีประเด็นให้พูดได้ ส่วนผู้ที่ต้องการบอกว่า เธอเป็นสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง อยู่ในทำเนียบขาว อย่าไปยุ่งกับเธอเลย ก็พูดได้เช่นกัน' อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งมิเชล โอบามา และลอร่า บุช สวมชุดสีดำในภาพถ่ายอย่างเป็นทางการเช่นกัน ศ.ฟินนิแกน มองว่า ท่ากอดอกในภาพนี้ของสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง 'ในแง่หนึ่งก็สื่อความแน่วแน่ แต่สตรีที่มีอำนาจไม่ค่อยมีท่าให้โพสต์เพื่อสื่อถึงอำนาจมากนัก เมื่อพูดถึงภาพถ่ายของผู้หญิง การสื่อภาษากายเป็นเรื่องที่ซับซ้อน เพราะการตีความ มักจะบ่งบอกถึงผู้ที่วิจารณ์มากกว่าตัวคนที่อยู่ในภาพ' ฮิลลารี่ คลินตัน อดีตสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่ง สวมชุดสีดำในภาพวาดอย่างเป็นทางการของเธอ เมื่อปี 2004 สำหรับ ศ.นิโคล ดาห์เมน จากภาควิชาวารสารศาสตร์และการสื่อสาร มหาวิทยาลัยโอเรกอน กล่าวว่า 'ภาพถ่ายอย่างเป็นทางการภาพแรกของเมลาเนีย ทรัมป์ ดูมีความมั่งคั่ง และความเป็นดาราเรียลลิตี้แห่งทำเนียบขาว' ซึ่งเธอเชื่อว่าภาพนี้ ทำให้รัฐบาลทรัมป์ 'ถอยออกห่างจากความเป็นจริง และเนื้อหาสาระของชนชั้นกลางชาวอเมริกัน' นอกจากนี้ ยังมีหลายคนที่พูดถึงการใช้โปรแกรมปรับแต่งภาพด้วย ซึ่งศ.ดาห์เมน กล่าวว่า 'ชัดเจนว่าภาพนี้ตกแต่งด้วยแอร์บรัช ซึ่งเปรียบได้กับการที่รัฐบาลทรัมป์ โกหกและใช้คำกล่าวอ้างที่เป็น 'ข้อเท็จจริงทางเลือก'' 'ภาพนี้เป็นการสร้างความจริงขึ้นมา ไม่ใช่ความจริงที่เป็นของแท้' การใช้ซอฟท์แวร์ตกแต่งภาพ ยังทำให้นักวิชาการอย่าง ศ.ฟินนิแกน มองไปถึงประเด็นสิทธิสตรีด้วยว่า 'ในฐานะที่เป็นผู้หญิง และเป็นนักรณรงค์สิทธิสตรี ฉันไม่ตื่นเต้นกับบรรทัดฐานของความงามซึ่งสื่อออกมาในภาพเหล่านี้ โดยเฉพาะสำหรับวัยรุ่นและเด็กหญิง'
|
ทำเนียบขาวได้เผยแพร่ภาพถ่ายอย่างเป็นทางการ ของเมลาเนีย ทรัมป์ เป็นครั้งแรก โดยยังไม่ได้ให้รายละเอียดเกี่ยวกับภาพมากนัก เพียงแต่ระบุว่า เป็นภาพที่ถ่ายที่ทำเนียบขาว
|
thailand-56093769
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-56093769
|
ม.112: อัยการเลื่อนฟังคำสั่งฟ้องผู้ต้องหาหมิ่นสถาบันฯ-ยุยงปลุกปั่นคดีชุมนุม 19 กันยา-สถานทูตเยอรมัน
|
ภาณุพงศ์และปนัสยา ผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันฯ และยุยงปลุกปั่น ชูสามนิ้วก่อนเข้าพบอัยการ ซึ่งได้เลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องไปเป็นวันที่ 8 มี.ค. วันนี้ (17 ก.พ.) พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 7 นัดผู้ต้องหา 18 คน ในคดีชุมนุม "19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร" ฟังคำสั่งในคดี ซึ่งนับเป็นผู้ต้องหาชุดที่ 2 หลังจากที่ที่อัยการมีคำสั่งฟ้องแกนนำ 4 คน ไปแล้วเมื่อวันที่ 9 ก.พ. คือ อานนท์ นำภา สมยศ พฤกษาเกษมสุข พริษฐ์ ชิวารักษ์และปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม ซึ่งศาลไม่ให้ประกันตัวระหว่างพิจารณาคดีและทั้งหมดยังคงอยู่ในเรือนจำ สำหรับผู้ต้องหาชุดที่ 2 จำนวน 18 คน แบ่งเป็น 2 กลุ่มตามข้อหา ดังนี้ นอกจาก 18 ผู้ต้องหาคดีชุมนุม "19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร" แล้ว วันเดียวกันนี้ อัยการยังได้นัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องผู้ต้องหา 13 คนในข้อหาตามมาตรา 112 และ 116 จากการชุมนุมที่หน้าสถานทูตเยอรมันเมื่อวันที่ 26 ต.ค. 2563 ด้วย อรรถพล บัวพัฒน์ หรือ "ครูใหญ่" หนึ่งในผู้ต้องหาหลายคดีจากการชุมนุมของกลุ่ม "ราษฎร" รับดอกไม้จากผู้ที่มาให้กำลังใจ อัยการ "เลื่อนนัดฟังคำสั่ง" บรรยากาศหน้าสำนักงานอัยการเป็นไปอยางคึกคักตั้งแต่ช่วงเช้า โดยมีเพื่อน ๆ และครอบครัวของผู้ต้องหา ตลอดจนนักวิชาการจากเครือข่ายนักวิชาการเพื่อสิทธิพลเมืองมาให้กำลังใจและสังเกตการณ์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนระบุว่า หากอัยการสั่งฟ้องผู้ต้องหาคดีมาตรา 116 ในวันนี้จะนับเป็นการสั่งฟ้องข้อหา "ยุยงปลุกปั่น" ต่อศาลเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่กลุ่มคนรุ่นใหม่ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 18 ก.ค. 2563 ในส่วนของผู้ต้องหาคดีหมิ่นสถาบันฯ คือปนัสยา ภาณุพงศ์และจตุภัทร์ นั้นหากอัยการมีคำสั่งฟ้องต้องจับตาดูว่าทั้ง 3 คนจะได้รับการประกันตัวหรือไม่หรือจะถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดีเช่นเดียวกับผู้ต้องหาชุดแรก 4 คนคือ อานนท์ สมยศ พริษฐ์และปติวัฒน์ เมื่อก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ไม่อนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวอานนท์, สมยศ, พริษฐ์, ปติวัฒน์ กลุ่มนักวิชาการมาสังเกตการณ์และให้กำลังใจผู้ต้องหา ผู้ต้องหาทยอยเดินทางมาถึงในเวลาประมาณ 10.00 น เขาและเธอได้รับดอกไม้จากคนที่มาให้กำลังใจ ส่วนจตุภัทร์ หรือ "ไผ่ ดาวดิน" ยังเดินทางมาไม่ถึงเนื่องจากเขากับเพื่อนอยู่ระหว่างกิจกรรม "เดินทะลุฟ้า" จาก จ.นครราชสีมา เข้ากรุงเทพฯ โดยเขาระบุวว่าจะเดินมาพบอัยการตามนัด แต่หากยังเดินมาไม่ถึง เจ้าหน้าที่จะออกหมายจับระหว่างทางก็ได้ หลังจากผู้ต้องหาทั้งหมดเข้าไปพบอัยการได้เพียงประมาณ 20 นาที ศูนย์ทนายความฯ แจ้งว่าอัยการเลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องทั้งคดีการชุมนุม "19 กันยาทวงอำนาจคืนราษฎร" และคดีชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมนีไปเป็นวันที่ 8 มี.ค. 2564 โดยอัยการให้เหตุผลว่าเพิ่งได้รับสำนวนคดีจากตำรวจเมื่อเช้านี้ จึงไม่สามารถพิจารณาได้ทัน สำหรับกรณีการชุมนุมหน้าสถานทูตเยอรมันนั้น อัยการก็มีการเลื่อนการสั่งฟ้องเช่นเดียวกัน โดยนัดให้ผู้ต้องหาทั้ง 13 คนมาฟังคำสั่งในวันที่ 25 มี.ค. อรรถพล บัวพัฒน์ หนึ่งในผู้ต้องหาที่มาตามนัดอัยการวันนี้กล่าวว่า การเลื่อนฟังคำสั่งฟ้องครั้งนี้อาจมีนัยสำคัญ เพื่อจะดูทิศทางของมวลชน "ผู้มีอำนาจรัฐพยายามที่จะดูกระแส เช็คเรตติ้งของเราเหมือนกันว่าเป็นยังไง" นายอรรถพลกล่าว ด้าน น.ส.ปนัสยากล่าวว่าเธอยังมีกำลังใจเต็มเปี่ยมและหวังว่าจะได้รับความเป็นธรรมจากกระบวนการยุติธรรม เธอยังกล่าวถึงการนัดหมายชุมนุมในวันที่ 20 ก.พ. ซึ่งเป็นวันที่กลุ่ม "ราษฎร" ขีดเส้นตายให้ปล่อยตัวแกนนำ 4 คนที่ถูกคุมขังระหว่างพิจารณาคดีหมิ่นสถาบันฯ ว่าจะมีการดูแลความปลอดภัยและพูดคุยทำความเข้าใจกับผู้ชุมนุมในเรื่องสันติวิธีให้มากขึ้นเพื่อไม่ให้เกิดความรุนแรงซ้ำรอยเหตุการณ์วันที่ 13 ก.พ.
|
พนักงานอัยการเลื่อนนัดฟังคำสั่งฟ้องหรือไม่ฟ้องแกนนำและผู้ชุมนุมกลุ่ม "ราษฎร" 18 คนในข้อหาหมิ่นสถาบันกษัตริย์และยุยงปลุกปั่นตามประมวลกฎหมายมาตรา 112 และมาตรา 116 จากการชุมนุม "19 กันยา ทวงอำนาจคืนราษฎร" ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และสนามหลวงเมื่อ 19-20 ก.ย. 2563
|
features-49494221
|
https://www.bbc.com/thai/features-49494221
|
ผุดไอเดียลิฟต์อวกาศแบบใหม่ เชื่อมวงโคจรโลกกับพื้นดวงจันทร์ด้วยสายเคเบิล
|
วิธีดังกล่าวจะช่วยตัดลดค่าใช้จ่ายในการยิงจรวดส่งยานอวกาศออกนอกวงโคจรของโลกไปได้อย่างมาก โดยในอนาคตผู้เดินทางท่องอวกาศเพียงโดยสารมากับจรวดให้ถึงระดับวงโคจรค้างฟ้า (geostationary orbit) ของดาวเทียมทั่วไปเท่านั้น แล้วจะสามารถขึ้นลิฟต์อวกาศที่สถานีเชื่อมต่อนอกโลกตรงไปยังดวงจันทร์ได้ทันที แนวความคิดใหม่นี้เป็นของทีมนักวิทยาศาสตร์จากมหาวิทยาลัยโคลัมเบียในสหรัฐฯ และมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ในสหราชอาณาจักร โดยมีการเผยแพร่ในเว็บไซต์คลังเอกสารวิชาการออนไลน์ arXiv.org เมื่อไม่นานมานี้ รายงานการวิจัยดังกล่าวระบุว่า สเปซไลน์นั้นเป็นลิฟต์อวกาศที่มีความเป็นไปได้ในการก่อสร้างจริงสูง และสามารถสร้างขึ้นจากวัสดุแข็งแกร่งที่สุดที่มีอยู่แล้วในปัจจุบัน โดยการยึดสายเคเบิลเข้ากับพื้นผิวดวงจันทร์แต่ไม่ยึดโยงกับพื้นโลกนั้น ทำให้เสี่ยงกับปัญหาเดิม ๆ เรื่องความมั่นคงแข็งแกร่งและความปลอดภัยของลิฟต์อวกาศน้อยลง เนื่องจากไม่ต้องต่อสู้กับแรงโน้มถ่วงของโลกที่รุนแรงกว่า รวมทั้งความเร็วในการหมุนของโลกที่จะทำให้สายเคเบิลขาด ภาพจำลองสถานีปลายทางของลิฟต์อวกาศ ตามการออกแบบของบริษัทญี่ปุ่นเมื่อไม่กี่ปีก่อน ลิฟต์อวกาศแบบใหม่จะใช้สายเคเบิลยึดพื้นผิวดวงจันทร์และโยงมายังสถานีอวกาศนอกโลก ซึ่งจะสร้างขึ้นในลักษณะคล้ายกับลูกดิ่งที่ถูกผูกห้อยไว้ที่ปลายเชือก และจะมีกระสวยอวกาศแบบใช้พลังงานแสงอาทิตย์วิ่งรับส่งผู้โดยสารไปตามเส้นทางนี้ สำหรับวัสดุที่จะใช้ในการผลิตสายเคเบิลนั้น ทีมผู้วิจัยเสนอว่าแม้ตัวเลือกที่ดีที่สุดจะเป็นวัสดุแห่งอนาคตอย่างคาร์บอนนาโนทิวบ์ แต่วัสดุที่ใช้กันอย่างแพร่หลายในปัจจุบันเช่นพอลิเอทิลีนน้ำหนักโมเลกุลสูงพิเศษ (UHMWPE) ซึ่งเป็นเส้นใยที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก ก็มีความเหมาะสมสำหรับโครงการลิฟต์อวกาศเช่นกัน โดยอาจออกแบบให้สายเคเบิลมีรูปทรงตีบแคบที่ส่วนปลายทั้งสองข้าง แต่มีความหนามากเป็นพิเศษตรงส่วนกลาง เพื่อป้องกันการฉีกขาด ทีมผู้วิจัยยังหวังว่า การสร้างลิฟต์อวกาศแบบยึดติดกับพื้นดวงจันทร์นี้ จะช่วยให้เกิดการพัฒนาสถานีทดลองในอวกาศหรือแม้แต่การสร้างอาณานิคมอวกาศแห่งใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นอีกได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการก่อสร้างสถานีต่าง ๆ ในจุดสมดุลแรงโน้มถ่วงระหว่างโลก ดวงจันทร์ และดวงอาทิตย์ หรือจุดลากรานเจียน (Lagrangian Point) ซึ่งจะช่วยให้ประหยัดพลังงานได้มาก ความคิดเรื่องก่อสร้างระบบลิฟต์อวกาศนั้นมีมานานกว่า 100 ปี แต่ยังไม่สามารถทำให้เป็นจริงขึ้นมาได้ เพราะมีข้อจำกัดอย่างมหาศาล ทั้งเรื่องวัสดุที่ใช้ซึ่งจะต้องมีน้ำหนักเบาและทนทานแข็งแกร่ง เพื่อให้ระบบลิฟต์ที่สูงเกินปกติรับน้ำหนักของตัวเองได้ ส่วนโครงสร้างของลิฟต์ต้องสามารถต้านทานต่อแรงโน้มถ่วงของโลกและแรงหนีศูนย์กลางที่มากระทำ รวมทั้งทนต่อสภาพอากาศรุนแรงบนโลกเช่นลมพายุได้ด้วย
|
ทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติเสนอแผนการสร้าง "สเปซไลน์" (Spaceline) ลิฟต์อวกาศแบบใหม่ที่มีความเป็นไปได้ในการก่อสร้างสูงยิ่งกว่าเดิม โดยใช้สายเคเบิลที่ผลิตจากวัสดุล้ำยุคเชื่อมต่อระหว่างพื้นผิวดวงจันทร์กับสถานีอวกาศนอกโลก
|
international-48090597
|
https://www.bbc.com/thai/international-48090597
|
จนท.เลือกตั้งอินโดนีเซียกว่า 270 เสียชีวิต เหนื่อยล้าจากการนับคะแนน
|
อารีฟ ปรีโย ซูซานโต โฆษกคณะกรรมการเลือกตั้งอินโดนีเซียบอกว่า นอกจากนี้ยังมีเจ้าหน้าที่อีก 1,878 คน ที่ล้มป่วย มีคนราว 7 ล้านคนที่ช่วยสังเกตการณ์และนับคะแนนเลือกตั้งเมื่อวันที่ 17 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเจ้าหน้าที่ต้องทำงานข้ามคืนท่ามกลางอากาศที่ร้อนอบอ้าว ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพ นี่เป็นครั้งแรกที่อินโดนีเซียซึ่งมีประชากร 260 ล้านคน จัดทั้งการเลือกตั้งประธานาธิบดีและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรในระดับประเทศและภูมิภาค พร้อมกัน เพื่อประหยัดงบประมาณ การเลือกตั้งครั้งนี้มีผู้ออกไปใช้สิทธิ์ราว 80 เปอร์เซ็นต์จากจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้งทั้งหมด 193 ล้านคน โดยมีหน่วยเลือกตั้งกว่า 8 แสนแห่งทั่วประเทศ การที่มีผู้ไปใช้สิทธิมหาศาลทำให้เจ้าหน้าที่ประจำหน่วยเลือกตั้งซึ่งไม่ใช่พนักงานประจำ ต้องทำงานอย่างหนัก คนเหล่านี้ไม่ได้ผ่านการตรวจสุขภาพก่อนเริ่มทำงานเหมือนข้าราชการ โดยโฆษก กกต.อินโดนีเซียบอกว่า มีเจ้าหน้าที่ 272 คนที่เสียชีวิตจากโรคที่มีสาเหตุจากการทำงานหนักเกินไป นิตยสาร นิเคอิ เอเชี่ยน รีวิว ระบุว่า กกต. จะจ่ายเงินชดเชยให้กับญาติผู้เสียชีวิตคนละ 36 ล้านรูเปียห์อินโดนีเซีย หรือเกือบ 8 หมื่นบาท ซึ่งเท่ากับค่าแรงขั้นต่ำราว 1 ปี มีผู้แสดงความเห็นวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลว่าคิดไม่รอบคอบที่ตัดสินใจรวมการเลือกตั้งทั้งสองประเภทเข้าด้วยกัน และคาดหวังให้พนักงานต้องทำงานหนักเกินไป ทั้งนายโจโค วิโดโด และ พล.ท. ปราโบโว สุบิยันโต ต่างก็อ้างชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งนี้ แม้ว่าผลการนับคะแนนเบื้องต้นจะชี้ว่านายวิโดโด จะชนะด้วยคะแนนราว 9-10 เปอร์เซ็นต์ กกต.อินโดนีเซียจะนับคะแนนเสร็จและประกาศผลเลือกตั้งในวันที่ 22 พ.ค. นี้
|
ทางการอินโดนีเซียระบุ จนท.เลือกตั้ง มากกว่า 270 คนเสียชีวิต โดยส่วนใหญ่มีสาเหตุมาจากความเหนื่อยล้าจากการนับคะแนนติดต่อกันหลายชั่วโมง
|
thailand-40246027
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-40246027
|
รัฐวิสาหกิจใต้บัญชาทหาร : รฟม.ตีคู่ ทีโอที เปลี่ยนกำไรเป็นขาดทุน
|
รายได้ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) หนึ่งในรัฐวิสาหกิจที่มีประธานบอร์ดเป็นนายทหาร ขาดทุนสุทธิ 1.78 พันล้านบาท ในปี 2559 รายได้ของการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ที่ดูแลกิจการรถไฟฟ้าทั้งใน กทม.และปริมณฑล ลดลง 40% ในรอบ 2 ปี จาก 7.44 พันล้านบาท ในปี 2557 เป็น 4.46 พันล้านบาท ในปี 2559 ทำให้ผลประกอบการ เปลี่ยนจาก กำไรสุทธิ เกือบ 3.47 พันล้านบาท ในปี 2557 มาเป็นขาดทุนสุทธิ 1.78 พันล้านบาท ในปี 2559 ผู้สื่อข่าวบีบีซีไทยพยายามติดต่อขอสัมภาษณ์ พล.อ.ยอดยุทธ ผู้ได้รับรัฐประศาสนศาสตรดุษฎีบัณฑิต จากมหาวิทยาลัยรามคำแหง ถึงการบริหารงานใน รฟม. แต่ได้รับการปฏิเสธ โดย พล.อ.ยอดยุทธระบุว่า "ไม่สะดวกจะพูดในเรื่องนี้ ให้ไปสอบถามจากผู้ว่าการ รฟม.น่าจะดีกว่า" ทั้งนี้ ในรายงานประจำปีของ รฟม. ประจำปี 2559 ระบุว่า เหตุที่ขาดทุนกว่าพันล้านบาทเนื่องมาจาก อัตราแลกเปลี่ยนที่ค่าเงินบาทอ่อนค่าลงมาก โดยมีการเปรียบเทียบกับค่าเงินเยน จากเดิม 1 บาท เท่ากับ 0.29 เยน มาเป็น 1 บาท เท่ากับ 0.34 เยน ที่มา: บีบีซีไทย รวบรวม*หมายเหตุ ผลประกอบการในปี 2559 ของรัฐวิสาหกิจบางแห่ง ยังไม่เผยแพร่ต่อสาธารณชน ในส่วนของ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ซึ่งปัจจุบันมี พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ เป็นประธานบอร์ด รายได้ขององค์กรในปี 2558 ลดลง ¼ จากปี 2557 เหลือ 4.78 หมื่นล้านบาท ทำให้ผลประกอบการเปลี่ยนจากกำไรสุทธิ 1.94 พันล้านบาท ในปี 2557 เป็นขาดทุนสุทธิ 5.88 พันล้านบาท ในปี 2558 สามปีหลังรัฐประหาร ท่ามกลางสัญญาปฏิรูป จำนวนทหารนั่งเป็นประธานในคณะกรรมการ (บอร์ด) รัฐวิสาหกิจเพิ่มขึ้น 5 เท่า เป็น 16 แห่ง นายพงศ์ฐิติ พงศ์ศิลามณี ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจบริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) กล่าวกับบีบีซีไทยว่า การให้ทหารเข้ามาเป็นประธานบอร์ดเป็นปัญหามาก เพราะธรรมชาติของทหารไม่ค่อยเปิดรับฟังความเห็นต่าง และการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจควรมีเป้าหมายให้สามารถหารายได้เลี้ยงตัวเองได้ แต่ทหารไม่ค่อยมี "เซนส์" ในทางธุรกิจ ทำให้การทำงานเกิดปัญหา นายพงศ์ฐิติยกตัวอย่างการทำงานของทีโอที ซึ่งนับแต่ทหารเข้ามาเป็นประธานบอร์ดก็ขาดการกำหนดยุทธศาสตร์ที่แน่ชัดว่าจะเดินอย่างไรต่อไป ในขณะที่คู่แข่งในตลาดปรับตัวจนสามารถแย่งลูกค้าจากทีโอทีไปได้เป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะธุรกิจบรอดแบนด์ "แต่เราไมได้ทำอะไรเลยจริงๆ" ประธานสหภาพทีโอที ยังระบุว่า ภายหลัง พล.อ.สุรพงษ์ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองทัพไทย ยิ่งไม่ค่อยมีเวลาดูแลกิจการของทีโอที ปล่อยให้บอร์ดไม่กี่คนดูแลแทน ขณะที่ปัญหาเรื่องเส้นสายก็ยังมีอยู่ เห็นได้จากการแต่งตั้งบุคคลนามสกุลเดียวกับผู้มีอำนาจมาเป็นผู้บริหาร ทั้งที่คุณสมบัติไม่น่าจะเพียงพอ บริษัท ทีโอที จำกัด (มหาชน) ปัจจุบันมี พล.อ.สุรพงษ์ สุวรรณอัตถ์ เป็นประธานบอร์ด พล.อ.สุรพงษ์ กล่าวชี้แจงกับบีบีซีไทยว่า กว่า 3 ปีที่ดำรงตำแหน่งประธานบอร์ดทีโอที ได้แก้ไขปัญหาจนลุล่วงไปเกือบทุกอย่างแล้ว ที่สหภาพฯ ระบุว่าตนอาจทำงานไม่เต็มที่ เพราะทำงานหลายตำแหน่งนั้น ยืนยันว่าที่ผ่านมาเข้าประชุมบอร์ดครบทุกครั้ง ส่วนคำถามเรื่องยุทธศาสตร์และแนวทางแก้ไขปัญหาทีโอที เขาจะให้ทีมงานรวบรวมข้อมูลก่อนส่งให้บีบีซีไทยอีกครั้งในสัปดาห์นี้ (เริ่มจันทร์ที่ 12 มิ.ย) กำไรดี มีให้เห็น แม้นรัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ประสบปัญหาขาดทุน รัฐวิสาหกิจขนาดกลางหลายที่ซึ่งมีนายพลเป็นประธานบอร์ดก็มีกำไรที่เติบโต และผู้บริหารเหล่านั้นต่างพึงพอใจผลงานของตัวเอง เพราะสามารถแก้ไขปัญหาได้ตามเป้า "ผมพอใจอย่างที่สุด ที่สามารถแก้ปัญหาขายสลากเกินราคาได้" พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ประธานบอร์ดสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล กล่าวอย่างภูมิใจกับผลงาน เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่า ได้รับแต่งตั้งเข้ามา เพราะ คสช.มีนโยบายแก้ปัญหาสลากเกินราคา จากเดิมที่พิมพ์เพียง 37 ล้านคู่ฉบับ ก็พิมพ์เพิ่มเป็น 50 ล้านคู่ฉบับ เพื่อให้เพียงพอกับความต้องการกับประชาชน และให้สามารถวางขายได้ในราคาคู่ละ 80 บาท พล.อ.วิวรรธน์ สุชาติ ประธานบอร์ดการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เขียนไว้ในรายงานประจำปีของ กทพ. ของปีล่าสุดว่า เป้าหมายในการเข้ามาทำงานคือเร่งรัดพัฒนาทางพิเศษทุกสายทางให้สามารถเชื่อมโยงเป็นโครงข่ายที่สมบูรณ์ ซึ่งที่ผ่านมาถือว่าประสบความ "สำเร็จ" ตามนโยบายของรัฐบาล เพราะสามารถเปิดให้บริการทางด่วนพิเศษสายศรีรัช-วงแหวนรอบนอก กทม. เพื่อขยายโครงข่ายทางพิเศษใน กทม. และปริมณฑล กว่าครึ่งนั่งควบหลายเก้าอี้ สำหรับข้อครหาเรื่องความเหมาะสม พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษก คสช. เคยกล่าวกับบีบีซีไทยว่า อย่าไปดูแค่จำนวนทหารที่นั่งอยู่ในบอร์ด แต่อยากให้ดูถึงการศึกษาและประสบการณ์ด้วย โดยยกตัวอย่าง พล.อ.วิวรรธน์ สุชาติ ประธานบอร์ด กทพ. ที่จบวิศวกรรมเครื่องกลจากมหาวิทยาลัยในต่างประเทศ และเคยเป็นทหารช่างมาก่อน จากการตรวจสอบประวัติของประธานบอร์ดรัฐวิสาหกิจที่เป็นทหาร 16 แห่ง จำนวน 15 คน (เนื่องจาก พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข เป็นประธานบอร์ด 2 แห่ง คือ บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) และการยางแห่งประเทศไทย) มีถึง 13 คน ที่จบการศึกษาในระดับปริญญาตรีจากโรงเรียนนายร้อยของกองทัพไทย ไม่ว่าจะเป็นโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนนายเรือ หรือโรงเรียนนายเรืออากาศ โดยส่วนใหญ่เลือกศึกษาในสาขา "วิทยาศาสตร์" มีเพียง 4 คนที่จบการศึกษาสูงกว่าระดับปริญญาตรี และมีเพียง 4 คน ที่เคยศึกษาในต่างประเทศ ที่มา: บีบีซีไทย รวบรวม หมายเหตุ: ยังไม่รวมถึงเงินโบนัส และเบี้ยประชุมคณะกรรมการชุดย่อย นอกจากนี้ ยังมีทหารถึง 9 คนที่ไม่ได้นั่งอยู่ในฐานะประธานบอร์ดเพียงอย่างเดียว แต่ยังนั่ง "ควบ" หลายเก้าอี้ ทั้งสมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) 7 คน และยังรับราชการอยู่อีก 4 คน โดย พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข อดีตเสนาธิการทหารบก เป็นบุคคลที่นั่งควบมากที่สุดถึง "4 เก้าอี้" นอกจากเป็นประธานบอร์ด อสมท และการยางแห่งประเทศไทย ยังเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ อีก 1 แห่ง ได้แก่ บริษัท ปตท จำกัด (มหาชน) และเป็นสมาชิก สนช. ทหารในฐานะประธานบอร์ดรัฐวิสาหกิจ 13 คน จบจากโรงเรียนนายร้อย 4 คน เคยศึกษาต่างประเทศ 7 คน เป็น สนช.ในเวลาเดียวกัน ควบ 4 เก้าอี้ พล.อ.ฉัตรเฉลิม เฉลิมสุข ควบ 3 เก้าอี้ พล.ท.อภิรัชต์ คมสมพงษ์ กับ พล.ร.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ ส่วนคนที่ควบ "3 เก้าอี้" มี 2 คน คือ พล.ท.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 ที่เป็นประธานบอร์ดสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาล และเป็นสมาชิก สนช. กับ พล.อ.อ.ลือชัย รุดดิษฐ์ เสนาธิการทหารบก ที่เป็นประธานบอร์ดบริษัท อู่กรุงเทพ จำกัด และเป็นสมาชิก สนช. ส่วนที่ควบ "2 ตำแหน่ง" มีอยู่ 4 คน เปิดเกณฑ์คัดคนนั่งบอร์ดรัฐวิสาหกิจใน กม.ฉบับปฏิรูป สำหรับความคืบหน้าในการผลักดัน ร่าง พ.ร.บ.การพัฒนาการกำกับดูแลและบริหารรัฐวิสาหกิจ พ.ศ. .... เพื่อปฏิรูปรัฐวิสาหกิจ ซึ่งคณะรัฐมนตรีให้ความเห็นชอบไปเมื่อปลายปี 2559 ปัจจุบันอยู่ระหว่างการตรวจพิจารณาโดยกฤษฎีกา ก่อนส่งให้ สนช. เห็นชอบออกมาใช้บังคับเป็นกฎหมาย ได้กำหนดแนวทางในการคัดเลือก "บุคคลที่มีความเหมาะสม" เข้ามาเป็นบอร์ด ไว้ใน 2 มาตรา โดยมาตรา 24 วรรคหนึ่ง ระบุว่า การสรรหาบุคคลเข้ามาเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ นอกจากจะเสนอรายชื่อเป็นสองเท่าของจำนวนให้ผู้มีอำนาจเลือก ยังจะต้องเลือกจากบุคคลที่ "มีความสามารถสอดคล้องกับสมรรถนะหลัก" และมาตรา 26 วรรคสาม ได้ระบุถึงคุณสมบัติ 3 ข้อของบุคคลที่จะมาเป็นบอร์ดรัฐวิสาหกิจ ประกอบด้วย น่าสนใจว่า หากร่าง พ.ร.บ.นี้ออกมาใช้บังคับจริง บรรดาทหารที่นั่งอยู่ในบอร์ด โดยเฉพาะประธานบอร์ดทั้งหมด จะผ่านเกณฑ์เรื่องความ "เหมาะสมกับกิจการ ความต้องการ และเป้าหมาย ในการพัฒนารัฐวิสาหกิจนั้น" รวมถึงหลายคนที่นั่งควบอยู่หลายตำแหน่ง จะผ่านเกณฑ์เรื่อง "สามารถปฏิบัติงานให้แก่รัฐวิสาหกิจนั้นอย่างมีประสิทธิภาพและต่อเนื่อง" ได้หรือไม่ การปฏิรูปรัฐวิสาหกิจภายใต้ คสช. ยังเป็นเส้นทางอีกยาวไกล ที่ต้องจับตามองอย่างต่อเนื่อง
|
หลัง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ชี้แจงเหตุผลของการให้ ทหารเข้าเป็นกรรมการ หรือ ประธานในคณะกรรมการ(บอร์ด) รัฐวิสาหกิจหลายแห่งว่า "เพื่อแก้ปัญหา" ของหน่วยงานเหล่านั้น บีบีซีไทยพบผลประกอบการของ 2 ใน 6 รัฐวิสาหกิจที่มีทหารเป็นประธานบอร์ดช่วงหลังรัฐประหารปี 2557 ขาดทุนมหาศาล อีก 4 แห่งมีกำไรดีขึ้น
|
thailand-48511856
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-48511856
|
จัดตั้งรัฐบาล : มติเพื่อไทยงดส่งแคนดิเดตนายกฯ หนุน ธนาธร เป็น “คู่ต่อสู้” ประยุทธ์
|
เวลา 18.00 น. นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) แถลงขอบคุณ พท. ที่ได้ "แสดงสปริตที่น่ายกย่อง ไม่ยึดติดกับตำแหน่งและผลประโยชน์ นี่คือการแสดงจุดยืนที่น่านับถือ" และยังประกาศด้วยว่า "ผมพร้อมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี" หัวหน้า อนค. กล่าวด้วยว่า วันพรุ่งนี้ (5 มิ.ย.) เป็นวันสำคัญของประเทศไทยว่าจะอยู่กับคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ต่อไป หรือเลือกนำประเทศไทยกลับสู่ความเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง นายธนาธรยังฝากถึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) และพรรคภูมิใจไทย (ภท) ให้ "ตัดสินใจให้ถูกต้อง และร่วมเดินทางเดียวกับประชาชน หยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช." และให้ "ตัดสินใจตามที่หาเสียงไว้ และตามที่สัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน พวกเราชาวอนาคตใหม่พร้อมทำงานกับทั้ง 2 พรรค เราพร้อมและยืดหยุ่นในการพูดคุยต่อรอง" เขายังแสดงความเชื่อมั่นด้วยว่า การสืบทอดระบอบ คสช. จะเป็นไปไม่ได้เลย ถ้า ส.ส. ร่วมกันยืนหยัดอย่างตั้งมั่น แต่ที่มีการสืบทอดอำนาจได้เพราะมีนักการเมืองยอมเป็น "นั่งร้าน" ยอมเป็นเครื่องมือให้คณะรัฐประหารโดยไม่มองถึงผลประโยชน์ ส่วนใหญ่ของประเทศ แต่มองประโยชน์ของพรรคตัวเองเป็นหลัก หัวหน้า อนค. ยังบอกด้วยว่าจะเดินทางไปเตรียมพร้อมที่รัฐสภา หากได้รับอนุญาตให้แสดงวิสัยทัศน์ต่อที่ประชุมก็พร้อม และ "ยินดีมาก" ที่จะมีการพูดถึงคุณสมบัติของผู้ท้าชิงทุกคน โดยยืนยันว่าคดีข้อร้องเรียนที่อยู่ในศาลรัฐธรรมนูญเป็นเรื่องคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ไม่เกี่ยวข้องกับคุณสมบัติการเป็นนายกฯ ส่วนที่พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) และพันธมิตรอ้างว่าการพูดถึง "เสียงข้างมาก" หมายถึงเสียงข้างมากในรัฐสภา ไม่ใช่เสียงข้างมากในสภานั้น หัวหน้า อนค. ตั้งคำถามว่า "ตกลงเราลืมผู้เสียชีวิตในเหตุการณ์พฤษภาฯ 2535 ไปหรือยัง ที่ต่อสู้เพื่อให้มีนายกฯ มาจากการเลือกตั้ง มาจากเสียงของประชาชน เราก็เห็นว่ากลไกวุฒิสภาเป็นกลไกที่ตั้งขึ้นมาเพื่อสกัดเสียงของประชาชน เพื่อบิดเบือนมติของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้ง มันชัด จนไม่รู้จะชัดอย่างไรกว่านี้แล้ว" พท. รับเสนอชื่อไปก็ไม่ประสบความสำเร็จในการได้เป็นนายกฯ ก่อนหน้านี้ แกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) เปิดแถลงข่าวยืนยันว่า พท. มีมติไม่เสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคซึ่งมี 3 คนไปเป็นคู่แข่งในรัฐสภา และ 7 พรรคการเมืองที่เรียกตัวเองว่า "ฝ่ายประชาธิปไตย" จะเสนอชื่อนายธนาธร เป็น "คู่ต่อสู้" กับ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา แคนดิเดตนายกฯ จาก พปชร. โดย พท. จะสนับสนุนนายธนาธรด้วยเพราะเห็นว่าคุณสมบัติของนายธนาธรไม่มีอะไรขัดต่อกฎหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย เลขาธิการ พท. ให้เหตุผลว่า มติ พท. ที่ออกมาเพื่อรักษาสัญญาของพรรคที่จะไม่รับตำแหน่งใด ๆ ทั้งสิ้น และเพื่อปฏิเสธการสืบทอดอำนาจที่กำลังดำเนินการอยู่ เลขาธิการ พท. ยังใช้คำว่า "กติกาที่พิกลพิการ" กำลังจะทำให้เกิด "รัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำง่อนแง่น" แม้ได้เสียงจาก ส.ว. มาตั้งรัฐบาลได้ แต่ก็ไม่สามารถรวบรวมเสียงในสภาได้ ก็จะเป็น "รัฐบาลที่พิกลพิการ" สะท้อนว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ เป็นความพยายามของกลุ่มสืบทอดอำนาจ แต่ไม่ได้แก้ปัญหาชาติ ด้านนายชูศักดิ์ ศิรินิล ประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมาย พท. กล่าวยอมรับว่า ไม่ว่าแคนดิเดตจะเป็นใครก็ตามจากซีกนี้ เสนอชื่อไปก็ไม่ประสบความสำเร็จในการได้เป็นนายกฯ ไม่ทำให้พลิกผันกลับมาเป็นนายกฯ ได้ พท. จึงเห็นว่าการรวมเสียง 246 เสียงเอาไว้ เป็นแนวร่วมที่มีความสำคัญของการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตย นักกฎหมายผู้นี้ยังแสดงความไม่มั่นใจว่าในการประชุมร่วมรัฐสภาวันพรุ่งนี้ (5 มิ.ย.) จะได้รายชื่อนายกฯ ออกมา เพราะน่าจะมีการอภิปรายตามสมควร ในประเด็นคุณสมบัติของ พล.อ. ประยุทธ์ และเรื่องการขัดกันแห่งผลประโยชน์ของ ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งของ คสช. ที่จะมาโหวตเลือกหัวหน้า คสช. เป็นนายกฯ พรรคการเมืองที่เรียกตัวเองว่า "ฝ่ายประชาธิปไตย" ลงสัตยาบันเพื่อหยุดยั้งการสืบทอดอำนาจของ คสช. และยืนยันว่ารวบรวมเสียงในสภาผู้แทนราษฎรได้เกินกว่า 255 เสียง เมื่อวันที่ 27 มี.ค. ก่อนที่ภายหลังการประกาศรับรอง ส.ส. ของ กกต. จะทำให้เสียงเหลือเพียง 246 เสียง อนค. เปิดขบวนการซื้อ "งูเห่าสีส้ม" อ้างค่าตัวสูงสุด 120 ล้านบาท น.ส. พรรณิการ์ วาณิช โฆษก อนค. ได้นำตัว ส.ส. ของพรรคบางส่วนที่อ้างว่าได้รับการติดต่อขอซื้อตัวเพื่อเป็น "งูเห่าสีส้ม" มาแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน โดยกล่าวว่า ส.ส. ของ อนค. เกือบทุกคนล้วนเคยถูกติดต่อมาก่อน มีราคาเริ่มตั้งแต่ 5 ล้านบาท ไปจนถึง 120 ล้านบาท ผ่านระบบนายหน้า และเริ่มได้รับการติดต่อตั้งแต่หลังวันเลือกตั้งจนถึงเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา โฆษก อนค. กล่าวว่า รูปแบบการซื้องูเห่า มีตั้งแต่การเสนอในรูปตัวเงิน ตำแหน่ง การหลอกล่อว่า "เดี๋ยวพรรคก็ถูกยุบ" หรือหัวหน้าพรรคถูกตัดสิทธิ รวมทั้งการพยายามข่มขู่ถึงชีวิต แต่ทางพรรคยืนยันจะไม่เปิดเผยหน้าของ "นายหน้า" เนื่องด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัยของ ส.ส. และชี้ว่า ผู้ที่ดำเนินการเป็นทั้งนายหน้า และงูเห่าจะมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 46 ว่าด้วยการไม่ให้เรียกรับผลประโยชน์หรือทรัพย์สินเพื่อให้ได้มาซึ่งตำแหน่ง "มีหลายพรรคที่ทำเป็นกระบวนการ ขอให้หยุดรบกวนผู้แทนราษฎรของเรา เพื่อให้เรามีเวลาทำงาน และให้ท่านมีเวลาทำงานเพื่อรับใช้ประชาชนเช่นเดียวกับเรา" น.ส. พรรณิการ์ กล่าว ณ ที่ทำการพรรค และยืนยันว่า อนค. ไม่มีงูเห่าแน่นอน หากในการลงมติเลือกนายกฯ ในรัฐสภา ปรากฏว่ามีผู้แทนของ อนค. เป็นงูเห่า ทางพรรคจะขอให้ลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส. กทม. หนึ่งในบุคคลที่อ้างว่า ได้รับการติดต่อให้เป็นงูเห่า กล่าวว่า ได้รับการติดต่อตั้งแต่สัปดาห์หลังการเลือกตั้ง ผ่านเป็นทอด ๆ ทางคนสนิท ราคาที่ถูกยื่นเสนอเข้ามาเริ่มตั้งแต่ 10 ล้านบาท 70 ล้านบาท จนกระทั่งสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้รับการติดต่อด้วยราคาค่าตัวสูงสุดที่ 120 ล้านบาท "การที่เรามาอยู่ตรงนี้มูลค่าของประชาธิปไตยมันราคาเท่าไหร่ ผมก็ถามตัวเอง ความไว้วางใจของพ่อแม่พี่น้อง ราคาสูงกว่า 120 ล้าน แน่นอน" นายฐิตินันท์ แสงนาค ส.ส. ขอนแก่น และเป็นเพียงคนเดียวในพื้นที่ภาคอีสาน เปิดเผยรายละเอียดว่า หลังการเลือกตั้งเพียงหนึ่งวัน มีผู้เข้ามาติดต่อและบอกว่า "มีผู้ใหญ่จะขอพบ" และเป็นระดับรองหัวหน้าพรรค แต่ได้ปฏิเสธไป จนท้ายที่สุด ก็ได้รับการเสนอเงิน 5 ล้านบาท โดยจะให้ก่อนวันโหวตนายกรัฐมนตรี และเมื่อโหวตเสร็จสิ้นจะให้อีก 70 ล้านบาท พร้อมด้วยเงินเดือน เดือนละ 200,000 บาท
|
พรรคเพื่อไทย (พท.) ยอมรับความพ่ายแพ้ตั้งแต่ยังไม่ประชุมรัฐสภาเพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี โดยอ้างเหตุจาก "กติกาที่พิกลพิการ" และเสนอชื่อหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ชิงเก้าอี้นายกฯ คนที่ 30 แทน
|
features-50195312
|
https://www.bbc.com/thai/features-50195312
|
ภาวะโลกร้อน : ธารน้ำแข็งที่กำลังหายไปจากไอซ์แลนด์
|
ภาพเปรียบเทียบสภาพธารน้ำแข็ง Breiðamerkurjökull ที่ถ่ายไว้เมื่อปี 1989 (บน) และภาพที่ถ่ายในปีนี้ (ล่าง) เผยให้เห็นน้ำแข็งปริมาณมหาศาลที่หายไปภายในระยะเวลา 30 ปี โครงการนี้เป็นความร่วมมือกันระหว่างทีมงานจากมหาวิทยาลัยดันดี ของสกอตแลนด์ และมหาวิทยาลัยไอซ์แลนด์ รวมทั้งสำนักอุตุนิยมวิทยาไอซ์แลนด์ ที่เปรียบเทียบภาพถ่ายจากเครื่องบินของธารน้ำแข็งในช่วงคริสต์ทศวรรษที่ 1980 กับภาพถ่ายจากโดรนในปัจจุบัน โดยมุ่งเน้นไปยังพื้นที่ฝั่งใต้ของครอบน้ำแข็งวัตนาเยอคูลล์ (Vatnajökull ice cap) ที่ครอบคลุมเนื้อที่ 7,700 ตารางกิโลเมตร อินเตอร์แอคทีฟ ดูความเปลี่ยนแปลงของธารน้ำแข็ง Skálafellsjökull ในไอซ์แลนด์ นับแต่ปี 1989 2019 1989 ทีมงานได้นำภาพถ่ายหลายพันภาพมาประมวลแล้วใช้ซอฟต์แวร์เปลี่ยนภาพถ่ายให้เป็นแบบจำลอง 3 มิติของภูมิประเทศในบริเวณดังกล่าว ดร.เคียรัน แบ็กซ์เตอร์ จากมหาวิทยาลัยดันดี กล่าวว่า "เราได้เห็นความแตกต่างที่น่าตกใจที่เกิดขึ้นในระยะเวลาอันสั้น" อินเตอร์แอคทีฟ ดูความเปลี่ยนแปลงของธารน้ำแข็ง Hoffellsjökull ในไอซ์แลนด์ นับแต่ปี 1982 2017 1982 ทีมงานหวังว่า ภาพเปรียบเทียบชุดนี้จะช่วยให้ผู้คนทั่วไปได้เห็นว่าธารน้ำแข็งเหล่านี้กำลังละลายหายไปอย่างรวดเร็วเพียงใด โดยในช่วงฤดูร้อนปีนี้ ชาวไอซ์แลนด์จำนวนมากได้ไปรวมตัวกันเพื่อ แสดงความอาลัยต่อการสูญเสียธารน้ำแข็งโอคเยอคูลล์ (Okjökull glacier) ซึ่งเป็นธารน้ำแข็งแห่งแรกของไอซ์แลนด์ที่สูญเสียสถานะธารน้ำแข็งไป เพราะน้ำแข็งมีความบางเกินกว่าที่จะเคลื่อนตัวได้ ภาพธารน้ำแข็ง Heinabergsjökull ในปี 1989 ภาพธารน้ำแข็ง Heinabergsjökull ที่ถ่ายจากโดรนในปี 2019 ปัญหาธารน้ำแข็งละลายหายไปจากปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศคือปัญหาระดับโลก โดยคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ (Intergovernmental Panel on Climate Change หรือ IPCC) ได้เผยแพร่รายงานฉบับล่าสุดเตือนว่า ธารน้ำแข็งขนาดเล็กในยุโรป, แอฟริกา, เทือกเขาแอนดีส และอินโดนีเซีย จะสูญเสียปริมาณน้ำแข็งไปกว่า 80% ของระดับในปัจจุบัน ภายในปี 2100 หากปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ยังคงอยู่ในระดับสูง IPCC ชี้ว่า ระดับน้ำทะเลที่เพิ่มสูงขึ้นจากปัญหาธารน้ำแข็งที่ละลายอาจส่งผลกระทบอย่างใหญ่หลวงต่อประชาชนนับล้าน ลิขสิทธิ์ภาพเป็นของสำนักงานสำรวจที่ดินแห่งชาติไอซ์แลนด์ และ ดร.เคียรัน แบ็กซ์เตอร์ จากมหาวิทยาลัยดันดี
|
โครงการศึกษาวิจัยโดยใช้ภาพถ่าย เผยให้เห็นน้ำแข็งปริมาณมหาศาลที่กำลังละลายหายไปจากธารน้ำแข็งขนาดใหญ่หลายแห่งในประเทศไอซ์แลนด์
|
international-50371095
|
https://www.bbc.com/thai/international-50371095
|
ประท้วงฮ่องกง : ตำรวจใช้กระสุนจริงระหว่างปะทะกับผู้ชุมนุมในชั่วโมงเร่งด่วน
|
ประท้วงฮ่องกงเดือดอีก ตร.ใช้กระสุนจริงยิงใส่ชายสวมหน้ากาก เหตุการณ์เกิดขึ้นในช่วงที่ผู้ชุมนุมรวมตัวกันปิดถนน ทำให้การจราจรติดขัดเป็นวงกว้างในฝั่งตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะฮ่องกง และส่งผลให้การเดินรถไฟและรถไฟใต้ดินมีปัญหา คลิปที่เผยแพร่บนเฟซบุ๊กบันทึกเหตุการณ์ที่ตำรวจควักปืนออกมาก่อนที่จะเข้าต่อสู้กับชายคนหนึ่ง ชายอีกคนพยายามเข้าไปช่วยเหลือ เมื่อตำรวจเห็น จึงลั่นกระสุนใส่เขาเข้าที่หน้าอกหรือลำตัว ระหว่างที่เหตุชุลมุนดำเนินต่อไป ตำรวจได้ยินปืนอีก 2 นัด แต่ไม่ชัดเจนว่ากระสุนถูกใครหรือไม่ ล่าสุด มีรายงานว่าชายคนดังกล่าวอาการยังสาหัส ก่อนเกิดเหตุ ตำรวจรายงานว่า "ผู้ประท้วงหัวรุนแรง" ได้ใช้เครื่องกีดขวางปิดกั้นหลายจุดทั่วทั้งเมือง และประกาศเตือนให้ผู้ประท้วง "หยุดการกระทำดังกล่าวโดยทันที" เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพียง 2 วันหลังจากนักศึกษาคนหนึ่งเสียชีวิตระหว่างการชุมนุม โดยมีรายงานว่าเขาตกจากอาคารจอดรถระหว่างวิ่งหลบแก๊สน้ำตาของตำรวจเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นับเป็นครั้งที่สองนับตั้งแต่การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยในฮ่องกงเริ่มขึ้นเมื่อเดือน มิ.ย. ที่ตำรวจใช้กระสุนจริงยิงใส่ผู้ชุมนุม โดยครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 ต.ค. ซึ่งตรงกับวันที่จีนฉลองครบรอบ 70 ปี การก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน นอกจากเหตุปะทะที่ย่าน Sai Wan Ho แล้ว ยังมีรายงานว่าตำรวจกับผู้ชุมนุมปะทะกันอีกหลายพื้นที่ ในคลิปวิดีโอหนึ่งที่โพสต์บนเฟซบุ๊กบันทึกภาพรถมอเตอร์ไซค์ตำรวจที่ดูเหมือนตั้งใจขี่พุ่งเข้าใส่กลุ่มผู้ชุมนุม สถาบันการศึกษาหลายแห่งประกาศหยุดเรียนในวันนี้ เนื่องจากเหตุการณ์ความไม่สงบที่เกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเช้า ภาพเหตุการณ์ตำรวจฮ่องกงปะทะผู้ชุมนุมที่ย่าน Sai Wan Ho
|
ระหว่างที่ชาวฮ่องกงเร่งรีบเดินทางไปทำงานในช่วงเช้าวันจันทร์วันนี้ (11 พ.ย. 2562) ได้เกิดเหตุเผชิญหน้าระหว่างผู้ชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยและตำรวจในย่าน Sai Wan Ho โดยมีรายงานว่ามีผู้ถูกตำรวจยิงอย่างน้อย 1 คน
|
thailand-40742023
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-40742023
|
10 พระราชดำรัสของรัชกาลที่ 10
|
"...ข้าพเจ้าทราบตระหนักว่า ข้าพเจ้ามีหน้าที่และความรับผิดชอบต่อประเทศชาติอย่างสูง และการปฏิบัติราชการแผ่นดินนั้น เป็นภาระสำคัญใหญ่ยิ่ง ที่ต้องอาศัยทั้งสติปัญญาและความรู้ความสามารถอย่างพร้อมมูล ข้าพเจ้าจะต้องเพียรพยายาม ศึกษาและปฏิบัติฝึกฝนตนเองต่อไปอีกอย่างมาก เพื่อให้สามารถเหมาะสม กับหน้าที่ ตามที่ทุกคนมุ่งหวัง... ในโอกาสอันพิเศษนี้ จึงใคร่ขอให้ท่านทั้งหลายได้เป็นกำลังใจสนับสนุนข้าพเจ้า และได้ตั้งความ ปรารถนาร่วมกันกับข้าพเจ้าที่จะมุ่งมั่นประกอบกรณียกิจ ด้วยความสามัคคีพร้อมเพรียง และด้วยความสุจริตยุติธรรม เพื่อยังความเจริญมั่นคงและความร่มเย็นเป็นผาสุกให้บังเกิดแก่ชาติ ประเทศ และ ประชาชนยั่งยืน สืบไป..." พระราชดำรัส สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ที่ทรงให้คำมั่นไว้ในงานสโมสรสันนิบาต ซึ่งรัฐบาลจัดขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติ ที่ทรงดำรงพระอิสริยศักดิ์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร 29 มีนาคม 2539 "…การทำงานทุกอย่าง ย่อมต้องมีปัญหาข้อขัดข้องเกิดขึ้นบ้าง เป็นเรื่องปรกติธรรมดา แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะต้องรีบปฏิบัติแก้ไข ไม่ปล่อยทิ้งไว้ให้เกิดความเสียหายแก่งานได้ ผู้ปฏิบัติบริหารงานจึงต้องเอาใจใส่ติดตามผลการปฏิบัติงานอย่างใกล้ชิด จักได้ทราบถึงปัญหาสาเหตุที่เกิดขึ้นและปฏิบัติแก้ไขได้ถูกต้องทันท่วงที..." พระราโชวาท สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันราชภัฏ ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร 11 มีนาคม 2550 "…สังคมดำรงอยู่ได้ด้วยการกระทำประโยชน์เกื้อกูลกัน และทุกคนที่อยู่ร่วมกันย่อมเป็นทั้งผู้รับและผู้ให้ประโยชน์ บัณฑิตในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของสังคม และเป็นบุคคลที่สังคมยอมรับในความรู้ความสามารถ จึงควรประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นประโยชน์แก่งสังคมทุกเมื่อ…" พระราโชวาทสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในพิธีพระราชทานปริญญาบัตรแก่ผู้สำเร็จการศึกษาจากสถาบันราชภัฏ ณ อาคารใหม่ สวนอัมพร 1 ธันวาคม 2559 "ตามที่ประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติได้ปฏิบัติหน้าที่ประธานรัฐสภา ได้กล่าวในนามของปวงชนชาวไทย เชิญข้าพเจ้าขึ้นครองราชย์เป็นพระมหากษัตริย์ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ บรมนาถบพิตร และเป็นไปตามบทบัญญัติของกฎมณเฑียรบาลว่าด้วยการสืบราชสันตติวงศ์กับรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยนั้น ข้าพเจ้าขอตอบรับ เพื่อสนองพระราชปณิธาน และเพื่อประโยชน์ของประชาชนชาวไทยทั้งปวง" พระราชดำรัส สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร มีพระราชดำรัสตอบรับการขึ้นทรงราชย์ 7 ธันวาคม 2559 "ขอบใจ และแสดงความยินดี ขอบใจที่มีน้ำใจช่วยงาน ที่ว่าคณะองคมนตรีในยุคนี้ ปัจจุบันนี้ก็จะได้รับการมอบภารกิจ ตลอดจนได้รับโอกาส หรือหน้าที่ที่จะให้คำแนะนำ ตลอดจนช่วยกันดำรงความมั่นคงสถาบันของประเทศชาติ ตลอดจนแบ่งงานกันให้ละเอียดอีกครั้งว่าใคร ทำอะไร เรื่องทำงานก็จะให้ขอคำแนะนำ ตลอดจนปรับความสำคัญในการทำงานของประเทศให้สอดคล้องกับนโยบายเกี่ยวกับสถาบันและประเทศชาติ เป็นเรื่องของแผ่นดิน มีเรื่องต่าง ๆ ที่จะมอบให้ก็มาก ดังที่ได้คุยกันนอกรอบแล้ว ขอขอบคุณ และได้ป๋ามาเป็นประธาน ก็อุ่นใจแล้ว ทุกคนก็เคยทำหน้าที่ถวายรัชกาลก่อน หลายคนก็เชื่อมือกัน มีความสุข ตั้งใจทำงานได้ ขอบคุณ" สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานพระราชดำรัสแก่ พลเอก เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรี และองคมนตรีแต่งตั้งใหม่ 10 คน เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต 20 ธันวาคม 2559 "ขออวยพรให้ทุกท่านมีกำลังกาย กำลังใจ และกำลังปัญญา ตลอดจนขวัญและความสุข เพื่อปฏิบัติหน้าที่เพื่อประเทศและประชาชน ซึ่งถ้าปฏิบัติได้ดี มีความตั้งใจ มีความขันติ มีความอดทน... ขอให้พร และขอพระบารมีแห่งพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ได้ทรงคุ้มครอง ได้ทรงชี้แนะ และปกปักษ์รักษาพวกท่าน เพราะว่าตลอดระยะเวลา 70 ปี ได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณ ได้ทรงปฏิบัติมามาก และหลายอย่างได้พระราชทานพระราชดำริ และพระราชทานแนวทางไว้ ก็ขอฝากให้ท่านได้ศึกษาพระราชดำริ ศึกษาวิเคราะห์ พระราชปณิธานและศึกษาพระราชกรณียกิจต่างๆ ที่ทรงปฏิบัติมา อันนี้จะเป็นสิ่งที่ทำให้เป็นสิริมงคลและเป็นยิ่งกับพระที่คุ้มครองพวกเรา การปฏิบัติตามหรือการระลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ ระลึกถึงพระราชดำริหรือพระราชปณิธานของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช นี้จะเป็นพระ เป็นแสงสว่าง ที่คุ้มครองหรือแนะนำพวกเราต่อไป" สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร มีพระราชดำรัส ให้กำลังใจคณะรัฐมนตรีใหม่ เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ 28 ธันวาคม 2559 "อัยการนั้นมีหน้าที่มากมายหลายอย่าง แต่ก็อยู่ในกรอบขอบเขตของการปฏิบัติการทางด้านกฎหมายและชีวิตของราษฎร ก็คือ ดูแลรักษาอำนวยความยุติธรรม หรือช่วยขบวนการแห่งการยุติธรรมให้ไปได้อย่างเรียบร้อยถูกต้อง อัยการมีหน้าที่กว้างขวาง ใส่หมวกหลายใบ มีหน้าที่มากมาย แต่จะต้องจำไว้ว่า มีหน้าที่ที่จะอำนวยความยุติธรรมและอำนวยการให้ขั้นตอนต่าง ๆ ของการปฏิบัติงานในการอำนวยการหรือให้ความยุติธรรมต่อประชาชน" พระราชดำรัส สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานแก่คณะอัยการที่เข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต 31 ธันวาคม 2559 "ในปีใหม่นี้ ขอให้ชาวไทยทุกคน ตั้งใจให้แน่วแน่ที่จะรักษาคุณสมบัตินี้ให้เหนียวแน่น และทำความคิดจิตใจให้แจ่มใส ด้วยปัญญาที่กระจ่าง พิจารณาทุกสิ่งที่เกิดมีขึ้นตามความเป็นจริง โดยปราศจากอคติ ให้มีความมุ่งมั่น มีกำลังใจ ในอันที่จะร่วมกันปฏิบัติสรรพกิจน้อยใหญ่ ในภาระหน้าที่ตามแนวพระบรมราโชบายที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชฯ บรมนาถบพิตร ได้พระราชทานไว้ ให้งานทุกอย่างสำเร็จผล เป็นความดีความเจริญ ทั้งแก่ตนเอง แก่ส่วนรวม และประเทศชาติ เป็นการรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ" "ในการนี้ ข้าพเจ้าขอปฏิบัติหน้าที่ร่วมกับประชาชนชาวไทยโดยเต็มกำลังความสามารถ เพื่อสืบสานพระราชปณิธานเช่นกัน" พระราชดำรัส สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานแก่ประชาชนชาวไทยในโอกาสขึ้นปีใหม่ 2560 ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต 7 กุมภาพันธ์ 2560 "การอำนวยการหรือปฏิบัติการทางด้านความยุติธรรม และทางด้านกฎหมายนั้น ไม่ว่าทหารหรือพลเรือนก็มีความสำคัญอย่างยิ่ง ต่อความสุข ความสงบ และความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติและประชาชน หน้าที่ของศาลทหาร ตุลาการศาลทหาร ก็มีระบุไว้แล้วในกฎหมาย แต่ทหารนั้นเป็นผู้ที่ได้รับการฝึกฝนและมีการจัดตั้งเป็นระเบียบเรียบร้อยอยู่แล้วทางทฤษฏี มนุษย์เราก็สามารถจะทำความผิดได้ หรือมีความผิด เพราะฉะนั้นไม่ว่าจะอาญาทหารหรือวินัยทหารก็ต้องมีการรักษา มีการให้ความยุติธรรม และมีการแก้ไขในการปฏิบัติที่ไม่ถูกต้องของผู้กระทำความผิด เพราะฉะนั้น การอำนวยการยุติธรรม ขั้นตอนที่ถูกต้องก็ต้องอาศัยความรู้ ความสามารถ ในด้านกฎหมาย ตลอดจนมีความเข้าใจในชีวิต ในสังคม หรือในอุดมการณ์ของชาติ เพราะว่ากฎหมายนั้น ใช้ให้ถูกก็ดี ใช้ให้ไม่ถูกก็เสียมาก เพราะฉะนั้นท่านเป็นผู้มีความรู้ มีความสามารถ มีวุฒิภาวะแล้ว ก็ย่อมพิจารณาออกว่า อะไรควร อะไรไม่ควร และนำกฎหมายไปใช้ให้ถูกต้องเพื่อระงับทุกข์ แก้ไขในเรื่องที่ไม่ถูก หรือมีบทพิพากษาให้เกิดความยุติธรรมได้" พระราชดำรัส สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานแก่คณะผู้พิพากษา และตุลาการศาลทหาร ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต 1 เมษายน 2560 "งานราชการนั้น คืองานของแผ่นดิน มีผลเกี่ยวเนื่องโดยตรงถึงประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชนทุกคน ดังนั้น ข้าราชการผู้ปฏิบัติบริหารงานของแผ่นดิน จึงต้องทำความเข้าใจถึงความสำคัญในหน้าที่และความรับผิดชอบของตนให้ถ่องแท้ แล้วร่วมกันคิดร่วมกันทำด้วยความอุตสาหะ เสียสละ และด้วยความสุจริตจริงใจ โดยถือประโยชน์ที่จะเกิดจากงานเป็นหลักใหญ่ งานของแผ่นดินทุกส่วน จักได้ดำเนินก้าวหน้าไปพร้อมกัน และสำเร็จประโยชน์ที่พึงประสงค์ คือ ยังความเจริญมั่นคงให้เกิดแก่ประเทศชาติและประชาชนได้แท้จริงและยั่งยืนตลอดไป" สมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร พระราชทานพระราโชวาทแก่ข้าราชการพลเรือนเนื่องในวันข้าราชการพลเรือน
|
เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 65 พรรษา 28 กรกฎาคม 2560 บีบีซีไทยขออัญเชิญพระราชดำรัสและพระราโชวาท สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร ที่พระราชทานแก่คนไทยทั้งในปัจจุบันและเมื่อครั้งยังทรงเป็นสมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมาร ในวาระต่าง ๆ 29 ธันวาคม 2515
|
thailand-53110774
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-53110774
|
รังสิมันต์ โรม : “ถ้าผู้แทนราษฎรไม่สามารถพูดหรือถามแทนประชาชนได้ ใครจะหาคำตอบให้แก่สังคม”
|
เขาใช้เวลาอย่างน้อย 9 ชม. เพื่อเข้าร่วมประชุมพรรค, ประชุมคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาหลักเกณฑ์และวิธีการแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ. 2560 สภาผู้แทนราษฎร และประชุมคณะทำงานตรวจสอบข้อเท็จจริงกรณี ส.อ.ณรงค์ชัย อินทรกวี หรือหมู่อาร์ม เสมียนงบประมาณ สังกัดศูนย์ซ่อมสร้างสิ่งอุปกรณ์ กรมสรรพาวุธทหารบก ออกมาเปิดโปงการทุจริตเบี้ยเลี้ยงทหารของผู้บังคับบัญชาในหน่วยงาน และประชุมคณะทำงานเพื่อเตรียมแผนงานในสัปดาห์หน้า โดยมีผู้คนแวะมา "ส่งข่าว-ถามข่าว" เขาอยู่เป็นระยะ ๆ ทางช่องทางติดต่อสื่อสาร "ท่าทางจะมีคนเป็นล้านที่เป็นห่วงว่าจะเกิดอะไรขึ้นกับตัวผม" รังสิมันต์ โรม กล่าวกับบีบีซีไทยและขอบคุณทุกคนที่ร่วมให้กำลังใจแก่เขา เขาบอกว่า "รับทราบพร้อมกับคนไทยทั้งประเทศ" และ "รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังตกข่าว" หลังเห็นคำเตือนให้ระวังเรื่องความปลอดภัยที่ปรากฏในทวิตเตอร์ ก่อนกลายแฮชแท็ก #saveโรม ในเวลาต่อมา โดยที่เจ้าตัวยืนยันว่ายังปลอดภัยดีอยู่ แต่ถึงกระนั้นครอบครัวของ ส.ส.วัย 28 ปีก็ทั้ง "กังวล" และ "เป็นห่วง" เมื่อเห็นคนนับล้านต่างพูดเป็นเสียงเดียวในเรื่องของเขา จึงมีคำกำชับมาว่าให้ระวังตัว อย่าไปไหนมาไหนคนเดียว "ผมไม่ได้เป็น ส.ส. ที่มีพื้นฐานร่ำรวยอะไร ถ้ามี รปภ. ก็คงอุ่นใจ แต่ก็คงต้องใช้งบประมาณ เราคงไม่ทำอย่างนั้น ก็คงต้องใช้วิธีให้ทีมงานเป็นเพื่อนไปไหนมาไหนด้วย" เขากล่าว วงประชุมคณะกรรมาธิการการกฎหมายการยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาฯ ซึ่งโรมเป็นโฆษก หารือกรณีหมู่อาร์ม รังสิมันต์ วิเคราะห์ว่า กระแสที่เกิดขึ้นน่าจะเป็นผลจากการทำหน้าที่ตั้งกระทู้ถามสดในสภาเมื่อสัปดาห์ก่อน ทำให้หลายคนกังวลว่าอาจเกิดอันตรายขึ้นกับเขา ด้านหนึ่ง แสดงให้เห็น solidarity (ความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว) ไม่ใช่แค่ต่อตัวผม แต่รวมไปถึงสิ่งที่ผมและพรรคก้าวไกลพยายามผลักดัน เขาจำเป็นต้องยืนยันอำนาจหน้าที่ของ ส.ส. ที่สามารถตั้งคำถามต่อรัฐมนตรีได้ แม้เป็นเรื่องอ่อนไหวก็ตามที "มีคนมาให้กำลังใจ บอกว่าพูดดีมากเลย รัฐมนตรีไปไม่ถูกเลย แต่ก็บอกว่าให้ดูแลตัวเองด้วยนะ ตอนนั้นผมก็แปลกใจว่าเกิดอะไรในประเทศนี้ ทำไมคนถึงตื่นตระหนกกับสิ่งที่ผมตั้งคำถาม แสดงว่าประเทศนี้ตกอยู่ในความกลัว พอเป็นแบบนี้ก็ทำให้การทำหน้าที่ ส.ส. หลายคนอาจต้องเซ็นเซอร์ตัวเองหรือไม่ ถ้าผู้แทนราษฎรไม่สามารถพูดหรือถามแทนประชาชนได้ ใครจะหาคำตอบให้แก่สังคม" รังสิมันต์ ระบุ รังสิมันต์ โรม เกิดที่ จ.ภูเก็ต แต่มีทะเบียนบ้านติดต่อกันเกิน 5 ปีที่ จ. ปทุมธานี ขณะนี้ยังไม่ชัดเจนว่าเขาจะลง ส.ส. แบ่งเขตหรือบัญชีรายชื่อ รังสิมันต์ เป็น 1 ใน 2 ส.ส. เจ้าของกระทู้ถามสดรัฐบาล กรณีนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ถูก "อุ้มหาย" ระหว่างพำนักอยู่ที่กรุงพนมเปญ ประเทศกัมพูชา ตั้งแต่ 4 มิ.ย. โดยนายกรัฐมนตรีมอบหมายให้นายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม และนายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ เป็นผู้ตอบกระทู้กลางสภาเมื่อ 10 มิ.ย. คำถามบางส่วนที่เกิดขึ้นจาก ส.ส. รังสิมันต์ คือเหตุใดจึงมีชื่อนายวันเฉลิมปรากฏใน "ผังหมิ่นสถาบัน" ทั้งที่ไม่ได้ถูกแจ้งข้อหาตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และรัฐบาลได้ตรวจสอบข้อมูลที่ปรากฏในเพจต่าง ๆ เช่น เพจแอนดรูว์ แมคเกรเกอร์ มาร์แชล และเพจ สมศักดิ์ เจียมธีรสกุล ซึ่งอ้างถึงบุคคลที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของนายวันเฉลิมหรือไม่ นายดอนกล่าวตอบตอนหนึ่งว่า "อะไรก็ตามที่ท่านได้ยิน เราก็คุยกันเหมือนกัน คนที่ท่านเอ่ยถึง เช่น แอนดูรว์ หรือใครก็ตามที่ท่านเอ่ยชื่อมาคือ 'ตัวปัญหา' นั่นเอง และหลายเรื่องที่ท่านทราบมาล้วนแต่เป็นเฟคนิวส์" ผ่านไป 1 สัปดาห์ รังสิมันต์ ไม่แน่ใจว่าเนื้อหาส่วนไหนของการทำหน้าที่ในวันดังกล่าวที่ทำให้เกิด "ข่าวว่าอาจถูกปองร้าย" แม้ยังไม่มีข้อเท็จจริงและหลักฐาน แต่เขาชี้แจงว่าเจตนาในการตั้งกระทู้กรณี "อุ้มวันเฉลิม" คือ "ไม่ควรมีใครสมควรตายจากการใช้เสรีภาพในการแสดงออก แน่นอนว่าคนที่ถูกอุ้มฆ่าคือคนที่อยู่ตรงข้ามกับรัฐ" แผ่นป้ายระบุข้อความ "ตามหาคนหาย MISSING" พร้อมรูปภาพของนายวันเฉลิม สัตย์ศักดิ์สิทธิ์ ถูกนำมาติดไว้ริม ถ.พหลโยธิน ย่านอารีย์ ช่วงสายวันนี้ (8 มิ.ย.) นอกจากประกาศตามหานายวันเฉลิมแล้ว ยังมีภาพและชื่อของบุคคลที่ถูกบังคับให้สูญหายในรอบหลายปีที่ผ่านมาอีกหลายคน ส่วนการเอ่ยชื่อบุคคลภายนอกที่กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) จัดให้เป็น "บุคคลต้องห้ามทางอินเทอร์เน็ต" กลางสภานั้น รังสิมันต์ บอกว่านี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาเอ่ยชื่อนายสมศักดิ์ เจียมธีรสกุล กลางสภา เพราะในคราวอภิปรายเรื่องผู้ได้รับผลกระทบจากการรัฐประหาร เขาก็เคยเอ่ยชื่อหลายบุคคล "สำหรับผม การเอ่ยชื่อคือให้เกียรติคนเหล่านี้ แต่ครั้งนี้เป็นการเอ่ยชื่อต่อหน้าผู้มีอำนาจ หรือตั้งคำถามกับผู้มีอำนาจ ก็อาจจะถือว่ามากกว่าทุกครั้ง" เขาบอก อย่างไรก็ตามด้วยเอกสิทธิ์คุ้มกันในสภาไม่รองรับกรณีพาดพิงบุคคลที่ 3 ทำให้โรมระบุว่าไม่สามารถให้ข้อมูลแบบเฉพาะเจาะจงตามที่ปรากฏในโลกออนไลน์ เขาจึงทำได้เพียงการ "ชี้เป้า" โดยหวังให้เจ้าหน้าที่รัฐไปตรวจสอบว่าที่มีแหล่งข่าวพูดมาเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ส่วนที่มีข้อมูลในโลกออนไลน์ว่านักกิจกรรมอย่างน้อย 3 คนอยู่ในสถานะไม่ต่างจากรังสิมันต์ นั้น เจ้าตัวบอกว่ายังไม่ได้พูดคุยกับคนที่ตกเป็นข่าว แต่เคยพูดไว้แล้วว่าถ้ากรณีนายวันเฉลิมไม่จบในแบบที่คืนความยุติธรรมให้แก่ครอบครัวได้ นายวันเฉลิมจะไม่ใช่คนสุดท้าย ไม่มีอะไรการันตีได้ว่าจะไม่มีคนอื่นเลียนแบบพฤติกรรม "ถ้าเราอยากสร้างสังคมที่ปลอดภัย ต้องทำให้ความยุติธรรมเกิดกับครอบครัววันเฉลิมให้ได้ นี่คือทางออกสังคมไทย ต้องสร้างระบบกฎหมายที่คุ้มครองทุกคน" รังสิมันต์ กล่าวทิ้งท้าย
|
ตลอดทั้งวัน แฮชแท็ก #saveโรม ขึ้นเป็นเทรนด์ยอดนิยมในทวิตเตอร์ไทย ด้วยยอดทวีตและรีทวีต 9.7 แสนครั้ง ณ เวลา 19.00 น. ส่วน นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ง่วนอยู่ในวงประชุมอย่างน้อย 4 วงที่อาคารรัฐสภาย่านเกียกกาย
|
thailand-44558158
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-44558158
|
เมื่อแฟนของคุณชอบเล่นพนันฟุตบอล
|
ขณะที่หลายองค์กรเพื่อสังคมแสดงความเป็นห่วงถึงจำนวนนักพนันหน้าใหม่และเยาวชน ในยุคที่ทุกคนสามารถเข้าถึงการพนันผ่านทางออนไลน์เว็บไซต์ ซึ่งเจ้าหน้าที่ระบุว่ามีเว็บไซต์พนันฟุตบอลที่คนไทยเป็นเจ้าของมีมากกว่า 1 แสนแห่ง ผลกระทบจากการพนันฟุตบอลไม่ได้เกิดขึ้นกับผู้พนันเท่านั้น คนใกล้ชิดของผู้เล่นพนันฟุตบอล บอกกับบีบีซีไทยถึงผลกระทบทางการเงินและต่อความสัมพันธ์ของพวกเขา "ตอนแรก ๆ ที่เขาเล่น ก็เล่นหนักมาก เล่นทุกนัดทุกวันเลย บอลวันนั้นมีคู่ไหนก็เล่นได้หมด" น.ส. เอ (นามสมมติ) ผู้ทำงานบริการในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว กล่าวกับบีบีซีไทย "ตอนเล่นได้ก็ได้มาหมื่นกว่าบาท ตอนเสียทั้งหมดรวมกัน 2 หมื่นกว่าบาท" น.ส. เอ วัย 23 ปีกล่าว เธอกล่าวว่า แฟนหนุ่มวัยใกล้เคียงกันของเธอเริ่มเล่นพนันฟุตบอลครั้งแรกเมื่อราว 2 ปีก่อน และมันส่งผลต่อการเงินของทั้งคู่ซึ่งมีรายได้ต่อเดือนคนละหมื่นกว่าบาท จนต้องกู้เงินเพื่อมาใช้หนี้เจ้ามือ แฟนบอลขณะร่วมลุ้นการแข่งขันฟุตบอลพรีเมียร์ลีกนัดสำคัญเมื่อปี 2559 "กระทบเรื่องการเงิน คือ เล่นแล้วก็ต้องไปกู้เงินจากบัตรเงินสด ตอนนี้ก็ดีขึ้นตั้งแต่เป็นหนี้รอบนั้น ก็ไม่ค่อยเล่นเท่าไหร่" เธอกล่าว นอกจากภาระทางการเงินแล้ว การติดพนันฟุตบอลยังสร้างความลำบากใจให้กับเธอ ซึ่งไม่เคยอยากให้แฟนเล่นพนันฟุตบอล แต่ไม่สามารถห้ามปรามได้ "คือก็เกรงใจเขา เราก็ไม่ได้บอก ก็กลุ้มใจ แต่เราก็ไม่บอกใคร บอกแต่แม่ แม่ก็ให้ไปบอกเขาว่า ให้เล่นแค่นิด ๆ หน่อย ๆ มันก็บอกไม่ได้" เธอกล่าว น.ส. เอ เล่าว่าแฟนหนุ่มสามารถเล่นพนันได้ทุกที่ทุกเวลาผ่านการแชทด้วยโทรศัพท์มือถือในกลุ่มเล็ก ๆ ที่มีแต่คนรู้จักประมาณ 20 คน และหนึ่งในนั้นคือ น.ส. บี (นามสมมติ) เพื่อนร่วมงานรุ่นราวคราวเดียวกันของเธอ จ่ายหนี้ให้แฟน น.ส. บี เล่นพนันฟุตบอลด้วยเป็นครั้งคราว หลังจากเข้ากลุ่มแชทนี้ตามแฟนของเธอ ซึ่งทำให้เธอทราบถึงทุกความเคลื่อนไหวของแฟนในการพนันแต่ละครั้ง "เราก็รู้ความเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่ได้อะไร หาใช้ด้วยกัน จ่ายด้วยกัน สมมติว่าเขาเป็นหนี้ แต่เราเจอเจ้ามือ เราก็จ่ายให้" น.ส. บี บอกกับบีบีซีไทยพร้อมกับหัวเราะ ถึงแม้แฟนของเธอจะเป็นคนเล่นพนันฟุตบอล แต่เมื่อเธอเจอเจ้าหนี้ก็จะช่วยจ่ายแทนให้โดยไม่ขัดข้อง และแม้จะยังไม่ประสบปัญหาด้านเงินอย่างเพื่อนของเธอ แต่ น.ส. บี ก็ยอมรับว่าบางครั้งก็การเล่นพนันก็ทำให้เธอและแฟนขุ่นเคืองกันบ้าง "เรื่องเงินยังไม่ถึงขั้นนั้น ยังพอหมุน แต่ก็มีนิดหน่อย บางอารมณ์พอคิดว่าเดือนนี้อาจจะหมุนไม่ทัน ก็มีเคือง ก็จะพูดหน่อยว่า นี่เล่นหนักนะ" เธอกล่าว แฟนวัย 46 ปีของบีเป็นแฟนสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เธอกล่าวว่าเขาสามารถเชียร์ทุกทีมที่เดิมพันไว้ได้อย่างเต็มที่ "เชียร์แบบอินเนอร์มาเต็ม แบบลั่นบ้าน ถ้าคู่ไหนได้เล่น ลั่นบ้าน เขาไม่ค่อยเล่นเยอะหรอก แต่เล่นประจำ ชอบเชียร์บอลดูประจำ เราก็ดูด้วย บางทีก็แอบเล่นด้วย" น.ส. บี กล่าว ในปี 2560 เด็กและเยาวชนราว 6 แสนคนเคยเล่นพนันฟุตบอลในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา "ถ้ารู้คือบ้านแตก" ในความเห็นของเธอจำนวนเงินที่แฟนใช้ไปกับการพนันฟุตบอลยังไม่มากนัก ยิ่งเมื่อเทียบกับจำนวนที่เธอใช้ไปกับการซื้อสลากกินแบ่งรัฐบาลและหวยใต้ดิน อีกเหตุผลหนึ่งที่เธอไม่ห้ามปราม เพราะเธอมองว่าการเล่นพนันฟุตบอล "เหมือนความสนุกของเขาอะ ห้ามเดี๋ยวก็ทะเลาะกัน" และในแง่หนึ่งว่าการเชียร์ฟุตบอลด้วยกันก็เป็นกิจกรรมที่ทั้งสองได้ใช้เวลาร่วมกัน แต่ไม่ใช่ทุกคนที่จะคิดแบบนี้ และยังมีเพื่อนร่วมงานของเธออีกหลายคนที่ไม่รู้ว่าแฟนของตัวเองเล่นพนันฟุตบอล "ที่บริษัทพนักงานมีเล่นกันอีกเยอะ แต่เขาก็ปิดบังเมียเขา เขาไม่ได้เปิดตัว ก็แอบเล่นเพราะไม่กล้าบอก สิบกว่าคนได้ พวกนั้นเขาแอบเล่น บางคนติดลบ 3-4 พัน ถ้ารู้คือบ้านแตก แต่เราก็ไม่ยุ่ง เพราะมันเป็นเรื่องของเขา" น.ส. บีกล่าว ปราบปรามการพนันช่วงฟุตบอลโลก ในช่วงฟุตบอลโลก 2018 ครั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจไทยได้ประกาศมาตรการปราบปรามการเล่นพนันฟุตบอล และได้จับกุมผู้ต้องหาแล้วกว่า 3 พันรายทั่วประเทศ ตามการแถลงข่าวของ พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ศรีวรขาน รอง ผบ.ตร. เมื่อช่วงต้นสัปดาห์นี้ พล.ต.อ. เฉลิมเกียรติ ยังกล่าวด้วยว่า จากการสืบสวนสอบสวน พบข้อมูลเกี่ยวกับเว็บไซต์ที่รับพนันฟุตบอลกว่า 1 แสนเว็บไซต์ที่เปิดโดยคนไทย และได้สั่งปิดไปแล้วกว่า 100 แห่ง ทั้งนี้ยังไม่พบผู้ต้องหาที่เป็นเยาวชน สถิติการพนันฟุตบอลในไทย 2.4 ล้าน จำนวนผู้เล่นพนัน 1.4 แสนล้าน จำนวนเงินหมุนเวียนโดยประมาณ 100,000 จำนวนเว็บไซต์รับพนันฟุตบอลที่คนไทยเป็นเจ้าของ อย่างไรก็ตาม ผู้คลุกคลีกับวงพนันขนาดเล็กอย่าง น.ส. บี เชื่อว่าเป็นเรื่องยากที่รัฐบาลจะจัดการ ได้ทั้งหมด เพราะกลุ่มแชทแบบเดียวกับเธอเป็นการเล่นกันในวงเล็ก ๆ "ก็ไม่กระทบอะไร เราไม่ได้ประเจิดประเจ้ออะไร กลุ่มของเราก็เล่นเอาไว้สนุก ๆ ไม่ได้ถึงกับเป็นหนี้เป็นสิน เล่นไว้เชียร์ ชอบทีมนี้ก็เล่นสูงขึ้นมาหน่อย" เธอกล่าว ก่อนหน้านี้ สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ได้เปิดเผยข้อมูลว่า มีผู้เล่นพนันฟุตบอลในประเทศไทยสูงกว่า 2.4 ล้านคน ในตลาดการพนันฟุตบอลของไทยมีเงินหมุนเวียนกว่า 1.4 แสนล้านบาท ข้อมูลจากศูนย์ศึกษาปัญหาการพนัน ยังได้ประเมินว่าในปี 2560 มีเด็กและเยาวชนราว 6 แสนคนที่เคยเล่นพนันฟุตบอลในรอบ 12 เดือนที่ผ่านมา โดยในจำนวนนั้นเป็นเพศชายมากกว่าเพศหญิงเกือบ 7 เท่า นอกจากนีั ข้อมูลจากการศึกษาของ ศูนย์วิจัยเพื่อการพัฒนาสังคมและธุรกิจ (SAB) ยังพบว่า 86.2% ของนักเรียนมัธยมศึกษาตอนต้น มีคนในครอบครัวเล่นการพนัน และ 29.1% รู้สึกอยากเล่นพนันตามผู้ใหญ่
|
เพื่อรับมือกับการพนันฟุตบอลที่เพิ่มขึ้นในช่วงฟุตบอลโลกครั้งนี้ รัฐบาลได้ประกาศมาตรการปราบปรามการพนันฟุตบอลทุกรูปแบบ และได้จับกุมผู้กระทำผิดแล้วกว่า 3 พันราย
|
41479210
|
https://www.bbc.com/thai/41479210
|
ทรัมป์พบประยุทธ์: นักวิชาการไทยชี้เศรษฐกิจอเมริกามาก่อนประชาธิปไตย
|
พล.อ.ประยุทธ์และคณะเข้าพบและเจรจากับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. ในเวลา 12.20 น. ของวันที่ 2 ต.ค. ตามเวลาท้องถิ่น (00.20 น. ตามเวลาประเทศไทย) จากนั้นในเวลา 12.40 น. ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กับนายกรัฐมนตรีได้หารือกันภายในห้องทำงานรูปไข่ โดยมีภริยาของทั้ง 2 ฝ่ายร่วมด้วย ใช้เวลาหารือประมาณ 30 นาที จากนั้นจึงเป็นการหารือเต็มคณะในแบบ Working Lunch หรือระหว่างรับประทานอาหารกลางวัน ในระหว่างหารือกัน พล.อ.ประยุทธ์หยิบยกประเด็นเลือกตั้งในไทยขึ้นมาพูด แม้ผู้นำสหรัฐฯ ไม่ได้สอบถามถึงสถานการณ์การเมืองในไทยก็ตาม "ผมก็พูดกับเขาว่าในเรื่องประชาธิปไตยแบบสากลนั้น ก็เป็นไปตามโรดแมปของผม และในปีหน้าเราก็จะประกาศวันเลือกตั้งออกมา โดยไม่มีการเลื่อนอะไรสักอย่าง พอเราประกาศการเลือกตั้งแล้ว ก็ต้องมีกรรมวิธีอีก 150 วันตามกฎหมาย ประกาศเมื่อไร ก็นับไปสิ เขาก็ไม่ได้ถาม แต่ผมแสดงความเชื่อมั่นให้เขา ผมไม่ได้ปกปิดใคร ผมไม่ได้บิดเบือนดังที่ใครกล่าวอ้าง ผมก็พูดแบบนี้มาตลอด" พล.อ.ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังออกมาจากทำเนียบขาวแล้ว ภายหลังการหารือของผู้นำของทั้งสองประเทศ สำนักสื่อสารมวลชนทำเนียบขาวได้เผยแพร่บทสนทนาระหว่างนายกรัฐมนตรีของไทยและประธานาธิบดีสหรัฐฯ ซึ่งในตอนหนึ่งได้กล่าวถึง ประเด็นที่ประธานาธิบดีทรัมป์ให้ความสำคัญคือ "ความสัมพันธ์ทางการค้า" โดยกล่าวว่า เรื่องนี้กำลังทวีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น และประเทศไทยก็เป็นผู้ผลิตสินค้าที่แตกต่างรายใหญ่และสำคัญสำหรับสหรัฐฯ ในขณะที่สหรัฐฯ ก็ต้องการขายสินค้าให้กับทางไทยด้วย ผู้นำไทยคนแรกที่ไปเยือนสหรัฐในรอบ 12 ปี พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีไทยคนแรกในรอบ 12 ปีที่เดินทางไปเยือนและหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ และเป็นผู้นำของอาเซียนคนที่ 3 ที่ได้เดินทางไปสหรัฐฯ ตามหลังผู้นำเวียดนาม มาเลเซีย และหลังจากนี้อีก 1 เดือน นายกรัฐมนตรี ลี เซียน ลุง ของสิงคโปร์ก็ได้รับเชิญไปเยือนสหรัฐฯ นายกรัฐมนตรีชื่นชม นางเมลาเนีย ทรัมป์ สุภาพสตรีหมายเลข 1 (คนขวา) ที่ดำเนินกิจกรรมเพื่อสังคม และบอกว่าไทยพร้อมให้การสนับสนุน ทั้งสื่อนอกและสื่อไทยหลายรายมองว่านโยบายด้านการค้าและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของทรัมป์เริ่มเด่นชัดขึ้นมาก และการผูกสัมพันธ์กับอาเซียนก็เป็นเป้าหมายสำคัญของสหรัฐฯ ในการดำเนินนโยบายถ่วงดุลอำนาจในภูมิภาค ภายหลังจากจีนได้แผ่อิทธิพลเข้ามาในเขตนี้มากขึ้นเรื่อย ๆ การเดินทางเยือนสหรัฐฯ ของ พล.อ.ประยุทธ์ครั้งนี้ได้รับการวิเคราะห์ว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงอย่างใหญ่หลวง เพราะปกติสหรัฐฯ จะไม่เชิญหรือแสดงความใกล้ชิดกับประเทศที่มีรัฐบาลที่มาด้วยวิธีการที่ไม่เป็นประชาธิปไตย รวมทั้งมีการละเมิดเสรีในการแสดงความคิดเห็นของประชาชน ซึ่งเห็นชัดในรัฐบาลของประธานาธิบดีบารัค โอบามา ที่ความสัมพันธ์ระหว่างสหรัฐฯ กับไทยไม่ราบรื่นนับตั้งแต่เกิดการรัฐประหารเป็นต้นมา ลดแรงกดดันด้านเศรษฐกิจ ส่วนความสัมพันธ์ทางด้านเศรษฐกิจนั้น ข้อมูลจากระทรวงพาณิชย์ระบุว่าปัจจุบันสหรัฐฯ เป็นประเทศคู่ค้าอันดับ 3 ของไทย รองจากจีนและญี่ปุ่น มูลค่าการค้า 2 ฝ่ายในช่วงเดือน ม.ค.-ส.ค. ปีนี้นั้นมากกว่า 9 แสนล้านบาท การหารือร่วมระหว่างรัฐมนตรีไทยกับสหรัฐฯ เมื่อเดือน เม.ย. ไทยถูกจัดอยู่ในรายชื่อ 15 ประเทศที่อาจมีพฤติกรรมการค้าไม่เป็นธรรมกับสหรัฐฯ เพราะได้ดุลการค้ากับสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง ซึ่งก็มีความเสี่ยงที่สหรัฐฯ อาจตอบโต้ทางการค้าด้วย ขณะที่ทางการไทยพยายามบอกว่าการเดินทางไปครั้งนี้ เพื่อนำนักลงทุนไทยเข้าไปลงทุนเพิ่มในสหรัฐฯ จากปัจจุบันลงทุนอยู่แล้ว 23 บริษัท มูลค่าการลงทุนรวม 5.6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ และมีแผนเพิ่มการลงทุนอีกว่า 6 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งจะสร้างงานในสหรัฐฯ อีกมากกว่า 8,000 ตำแหน่ง และคาดว่าจะสามารถลดแรงกดดันเรื่องการค้าจากสหรัฐลงไปได้ เสียงวิพากษ์วิจารณ์ก่อนไป อย่างไรก็ตามหลายกลุ่มในไทยแสดงความกังวลว่าไทยอาจยอมแลกกับอะไรหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสิทธิบัตรยา การนำเข้ายาฆ่าแมลงที่เป็นสารอันตรายที่หลายประเทศเลิกใช้แล้ว หรือแม้แต่เสียงจากสมาคมผู้เลี้ยงสุกรแห่งชาติที่ส่งหนังสือผ่านสถานทูตสหรัฐฯ ประจำประเทศไทย เพื่อประท้วงแรงกดดันจากกระทรวงเกษตรของสหรัฐฯ ที่ต้องการให้ไทยนำเข้าเนื้อสุกรจากสหรัฐฯ รวมทั้งการเจรจาเรื่องซื้ออาวุธที่ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์ระหว่างประเทศอย่าง นายกวี จงกิจถาวร ที่เขียนลงในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ว่านายกรัฐมนตรีไทยเดินทางไปพร้อมกับรายการซื้อยุทโธปกรณ์ยาวเหยียด เพราะก่อนหน้านี้ไม่สามารถจะซื้อได้ กวีชี้ว่าไทยมีความประสงค์ที่จะซื้อยุทธภัณฑ์อย่างกว้างขวางมากกว่าเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เครื่องบินรบมือสอง ผู้นำ 2 ประเทศใช้เวลา 30 นาทีในการหารือกัน ซึ่ง พล.อ.ประยุทธ์เผยว่ารู้สึกประทับใจในการต้อนรับที่เป็นไปอย่างอบอุ่น หลังการหารือ พล.อ. ประยุทธ์ให้สัมภาษณ์ถึงสถานการณ์ในเกาหลีเหนือ ว่าไทยได้ให้คำมั่นว่าจะดำเนินการตามพันธกรณี ซึ่งก็คือมติสหประชาชาติอย่างแน่นอน และสนับสนุนให้เกาหลีเหนือเข้าสู่การเจรจา ส่วนเรื่องการซื้ออาวุธ ไทยจะดำเนินการไปตามแผนพัฒนากองทัพในระยะ 5-10 ปี ซึ่งต้องดูตามงบประมาณ อย่างไรก็ตาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวที่ประเทศไทย ถึงการจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์จากสหรัฐฯ ว่าเป็นการวางแผนของกองทัพตั้งแต่ก่อนรัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา แต่พอรัฐบาลชุดนี้เข้ามา ทางสหรัฐฯ ไม่ซื้อขายด้วย ทำให้ไทยต้องไปซื้ออาวุธที่อื่น แต่ตอนนี้สามารถกลับมาซื้อได้แล้ว ทางการสหรัฐฯ ก็เอาของเดิมออกมาให้ซื้อขาย อาทิ เฮลิคอปเตอร์โจมตี อย่างไรก็ตามยังไม่สามารถระบุวันเวลาที่จะดำเนินการซื้อได้ เพราะเป็นเรื่องของหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องพิจารณา รัฐบาลเป็นเพียงผู้จัดสรรงบประมาณตามที่หน่วยงานขอเข้ามาตามความเหมาะสม ขายของต้องมาก่อน ประชาธิปไตยไว้ทีหลัง ขณะที่บรรดานักวิชาการ และนักสิทธิมนุษยชน ต่างให้ความเห็นไปในทิศทางเดียวกันว่าสหรัฐฯ "มุ่งขายของ" และแสวงหาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจตามนโยบาย "อเมริกัน เฟิร์ส" ของประธานาธิบดีทรัมป์ มากกว่าคำนึงถึงคุณค่าประชาธิปไตยแบบในยุคประธานาธิบดีบารัค โอบามา ศ.กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ ค้ำชู อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย กล่าวกับบีบีซีไทยว่า หากดูคำต้อนรับของประธานาธิบดีทรัมป์ จะพบว่าสหรัฐฯ เน้น "ขายของ" โดยเป็นการยืนยันข้อตกลงเบื้องต้นในคราวที่รัฐมนตรีพาณิชย์ และรัฐมนตรีกลาโหมของสหรัฐฯ มาเยือนไทย ไม่มีการเจรจาอะไรใหม่ แต่ที่น่าสนใจคือการพบปะกันครั้งนี้ไม่มีประเด็นการเมืองในไทย "ทรัมป์ไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้ จะเห็นว่าก่อนหน้านี้ก็เคยพบปะกับผู้นำซึ่งถูกวิจารณ์เรื่องความไม่เป็นประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน ในยุคนี้สหรัฐฯ ยึดผลประโยชน์ของตัวเองตามนโยบาย 'อเมริกันเฟิร์ส' เป็นหลัก หากใครสร้างผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจให้สหรัฐฯ ได้ เขาก็ยืดหยุ่นให้ ไม่ได้เอาหลักการเมืองภายในมาพิจารณาเป็นสำคัญ" ศ.กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์กล่าว นายกรัฐมนตรีเชิญ นางอิวานกา ทรัมป์ บุตรสาวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ที่สนใจเกี่ยวกับการต่อต้านการค้ามนุษย์ ให้มาดูงานในไทย ด้านนายสุณัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์การฮิวแมนไรต์ วอทช์ ประจำประเทศไทย บอกกับบีบีซีไทยในทำนองเดียวกันว่า พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ผู้นำเผด็จการคนแรกที่ได้เข้าพบหารือกับประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก่อนหน้านี้ เคยมีผู้นำเผด็จการหลายคนเคยเยือนทำเนียบขาวมาแล้ว อาทิ อียิปต์ ตุรกี เวียดนาม และมาเลเซีย แถลงการณ์ร่วมระหว่างผู้นำ 2 ประเทศ เป็นสิ่งตอกย้ำว่าสหรัฐฯ ได้มุ่งเน้นไปที่ผลประโยชน์ทางการค้า เพื่อที่จะให้ไทยซื้อสินค้าและบริการมากขึ้น และหันกลับมาในความสำคัญในแง่ภูมิรัฐศาสตร์ โดยลดความสำคัญด้านการส่งเสริมประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน "พล.อ.ประยุทธ์ไม่ใช่ผู้นำเผด็จการคนแรกที่ได้เข้าพบหารือกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ.." นายสุณัยกล่าว "นี่เป็นการสะท้อนให้เห็นว่า นายทรัมป์ไม่ได้สนใจเรื่องค่านิยมธรรมเนียมปฏิบัติด้านประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน กลับมีความยินดีอย่างมากในการคบหาสมาคมกับผู้นำเผด็จการ" นักรณรงค์ด้านสิทธิมนุษยชนกล่าว อย่างไรก็ตาม องค์การฮิวแมนไรต์ วอทช์ เชื่อว่า สภาคองเกรสของสหรัฐฯ ซึ่งประกอบด้วย สภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ที่มีความเข้มแข็งและยึดมั่นในเรื่องการส่งเสริมประชาธิปไตย จะออกมาตรวจสอบอย่างเข้มข้น ในข้อตกลงในอนาคตระหว่างไทยและสหรัฐฯ หลังจากที่นายทรัมป์ได้หารือกับผู้นำของไทย เช่น การกลับมาให้ความช่วยเหลือทางการทหารแก่ไทย ให้คำมั่นว่าเลือกตั้ง แต่ไม่การันตีประชาธิปไตย ส่วนที่ พล.อ.ประยุทธ์ยืนยันต่อประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่าในปีหน้าจะประกาศวันเลือกตั้งนั้น ศ.กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์ให้ความเห็นว่า นายกฯ ไทยย่อมตระหนักดีว่าหากยังไม่มีความแน่นอนเรื่องเลือกตั้ง ไทยก็จะถูกกดดันอีก ความน่าเชื่อถือลดลงไปอีก "สรุปแล้วเป็นการประสานผลประโยชน์ร่วมกันของ 2 ประเทศ เราอยากไปเพราะต้องการความรู้สึกชอบธรรม ได้รับการยอมรับจากมหาอำนาจ สหรัฐฯ ก็รู้ ก่อนเดินทางจึงส่งรัฐมนตรีกลาโหมมาเจรจาเรื่องการซื้ออาวุธ ส่งรัฐมนตรีพาณิชย์มากดดันเรื่องดุลการค้า ให้รับสินค้าจากสหรัฐฯ มากขึ้น เราจึงพยายามเอาใจเขาด้วยการซื้อถ่านหิน หรือเตรียมลงทุนด้านปิโตรเคมีในสหรัฐฯ เพื่อสนองที่สหรัฐฯ ต้องการให้เกิดการจ้างงานภายในประเทศ" ศ.กิตติคุณ ดร.ไชยวัฒน์กล่าว พัฒนาการท่าทีสหรัฐฯ ต่อไทยหลัง 3 ปี รัฐประหาร ขณะที่นายสุณัยเห็นว่า คำกล่าวของ พล.อ.ประยุทธ์ "ไม่มีความน่าเชื่อถือ" เพราะที่ผ่านมาผู้นำของไทยก็เคยกล่าวถึงเรื่องการเลือกตั้งกับผู้นำชาติต่างๆ ในเวทีโลกว่าจะมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น แต่ก็มีการเลื่อนออกไปหลายครั้ง คำประกาศว่าปีหน้าจะมีการประกาศเลือกตั้งนั้น จึงเชื่อว่าจะไม่นำไปสู่การพัฒนาของประชาธิปไตยในประเทศ "ต่อให้มีการเลือกตั้ง ก็ไม่ได้หมายความว่าจะมีการกลับสู่ประชาธิปไตยได้หรือไม่ ในเมื่อในระหว่างการลงประชามติยังมีการกีดกันการแสดงความคิดเป็นอย่างเสรี และที่สำคัญคือระบบคสช. ได้มีการกำหนดมาตรการต่าง ๆ ไว้แล้วในรูปแบบการสืบทอดอำนาจ ซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะเป็นการเมืองแบบเสรีและเป็นธรรม" นายสุณัยกล่าว
|
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันต่อประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ไม่เปลี่ยนโรดแมป โดยในปีหน้าพร้อมประกาศวันเลือกตั้ง ขณะที่บรรดานักวิชาการ และนักสิทธิมนุษยชนวิจารณ์ว่าสหรัฐฯ เน้นการค้ามาก่อน ประชาธิปไตยไว้ทีหลัง
|
features-46321465
|
https://www.bbc.com/thai/features-46321465
|
'การเที่ยวชมชนเผ่า' ถูกจับตามอง หลังชนเผ่าเซนทิเนลสังหารหนุ่มอเมริกันที่บุกขึ้นเกาะ
|
อันดามัน เป็นที่อยู่ของชนเผ่า "เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์" 5 ชนเผ่า รวมถึง จาราวา และ เซนทิเนลเหนือ ชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่บนเกาะเซนทิเนลเหนือ ซึ่งเป็นหนึ่งในชนเผ่าไม่กี่กลุ่มที่ "ตัดขาด" กับโลกภายนอก ได้สังหารจอห์น อัลเลน โช ชาวอเมริกันวัย 27 ปี ด้วยการยิงธนูใส่ ขณะที่เขาเดินทางไปยังเกาะแห่งนี้เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ตำรวจระบุว่า โช ได้ว่าจ้างชาวประมงในพื้นที่ 6 คน เป็นเงิน 25,000 รูปี หรือประมาณ 11,700 บาท เพื่อให้พาเขาไปยังเกาะเซนทิเนลเหนือ รายงานของสื่อหลายแห่งระบุว่า เขาต้องการไปเผยแพร่ศาสนาคริสต์ให้กับชาวเกาะ เมื่อ 21 ต.ค. ผู้ใช้งานอินสตาแกรมที่ชื่อว่า @johnachau ซึ่งคาดว่าเป็นของจอห์น อัลเลน โช ได้โพสต์ภาพขณะโชอยู่บนเรือ หมู่เกาะอันดามัน เป็นที่ตั้งของชนเผ่าที่ "เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์" 5 ชนเผ่า ได้แก่ จาราวา, เซนทิเนลเหนือ, เกรตอันดามัน, อองเก และชอมเพน ชนเผ่าจาราวาและเซนทิเนลเหนือนั้นแปลกแยกจากโลกภายนอก ทำให้พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่น่าสนใจในสายตานักท่องเที่ยวราว 5 แสนคนที่เดินทางไปเยือนหมู่เกาะเหล่านี้ในแต่ละปี ในปีนี้ กระทรวงมหาดไทยของอินเดียได้ประกาศละเว้นให้ชาวต่างชาติไม่ต้องขอใบอนุญาตเข้าพื้นที่หวงห้าม (restricted area permits--RAP) ในการเดินทางเยือนเกาะ 29 แห่ง โดยรวมถึง 9 เกาะของหมู่เกาะนิโคบาร์ และอีก 2 เกาะของหมู่เกาะอันดามัน ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของชนเผ่าและชนพื้นเมืองที่ถือว่า "เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์" เกาะเซนทิเนลเหนือก็เป็นหนึ่งในนั้น แต่เจ้าหน้าที่ทางการยืนกรานว่า นักท่องเที่ยวจะยังต้องขออนุญาตจากหน่วยงานของทางการประจำเขตพื้นที่ และกรมป่าไม้ ในการเดินทางไปยังพื้นที่เหล่านั้น การชมชนเผ่าจาราวา นักท่องเที่ยวจำนวนมากต้องนั่งรถบัส 2 ชั่วโมงที่ตัดผ่านเขตสงวนจาราวา ชาวจาราวา อาศัยอยู่ในเขตป่าสงวน 1,028 กม. ระหว่างหมู่เกาะอันดามันกลางและใต้ การชมพวกเขา นักท่องเที่ยวต้องนั่งรถบัส 2 ชั่วโมงจากกรุงพอร์ตแบลร์ เมืองหลวงของหมู่เกาะอันดามัน ไปยังเมืองบาราตัง ซึ่งเป็นที่ตั้งของถ้ำหินปูนและภูเขาไฟโคลนจำนวนมาก พวกเขาต้องเดินทางไปตามถนนอันดามันทรังก์ (Andaman Trunk Road--ATR) ซึ่งตัดผ่านเขตสงวนจาราวา ในปี 2013 ศาลสูงสุดได้ห้ามนักท่องเที่ยวใช้เส้นทาง ATR หลังจากมีคลิปวิดีโอที่ถ่ายโดยนักข่าวคนหนึ่ง เผยให้เห็นตำรวจบังคับให้ผู้ชายชนเผ่าจาราวา 6 คน เต้นรำให้นักท่องเที่ยวดู ศาลกลับคำตัดสินหลังจากรัฐบาลของรัฐยื่นหนังสือที่รับปากว่าจะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้าไปหรือให้มีการตั้งร้านค้าในพื้นที่ "รัฐบาลให้ความสำคัญกับชีวิตความเป็นอยู่ของคนท้องถิ่นมาเป็นเวลานาน" มานิช จันดี จากทีมสิ่งแวดล้อมอันดามันนิโคบาร์ ซึ่งศึกษาหมู่เกาะเหล่านี้ในช่วง 18 ปีที่ผ่านมา กล่าว "หลังจากคำตัดสินของศาล ได้มีการให้บริการเรือข้ามฟากจากกรุงพอร์ตแบลร์ ไปยังเกาะบาราตัง ถือเป็นทางเลือกที่ฉลาด ถ้าถูกถาม พวกเขาก็จะบอกว่า มันเป็นทางเลือกในการเดินทางนอกจากทางถนนที่สามารถใช้งานได้ และก็ขึ้นอยู่นักท่องเที่ยวว่าจะเลือกทางไหน แต่ปกตินักท่องเที่ยวก็ 'เลือก' ถนนอยู่แล้ว" ขณะนี้ไม่มีการติดต่อโดยตรงใด ๆ กับเกาะเซนทิเนลเหนือ ซึ่งอยู่ห่างจากกรุงพอร์ตแบลร์ไปทางตะวันตกราว 50 กม. แต่มีเจ้าหน้าที่ยามชายฝั่งไปลาดตระเวนอยู่บ่อย ๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวใจกล้าเหล่านี้กลับเข้าฝั่ง กระนั้น นายจันดี ก็บอกว่า ผู้คนยังคงพยายามที่จะดูชนเผ่าเซนทิเนลเหนือให้ได้ โดยมักจะติดสินบนชาวประมงในพื้นที่ นายจันดี เล่าว่า "ในปี 2013-14 นักธุรกิจที่อยู่ในนครมุมไบถูกจับขณะอยู่บนเรือตกปลาโดยเจ้าหน้าที่ยามชายฝั่งซึ่งคอยเฝ้าชนเผ่าเซนทิเนลเหนือ" ชาวจาราวา อาศัยอยู่ในป่าสงวน 1,028 กม. ระหว่างหมู่เกาะอันดามันกลางและใต้ "บ่อยครั้ง เรือยอชต์ที่พานักท่องเที่ยวต่างชาติขับผ่านหมู่เกาะนี้ แต่ส่วนใหญ่มักถูกขัดขวางจากยามชายฝั่งที่คอยลาดตระเวนและไม่ให้นักท่องเที่ยวมาแอบซุ่มอยู่ในบริเวณโดยรอบ" เจ้าหน้าที่ทางการจากกรมป่าไม้และสัตว์ป่า ไม่รับโทรศัพท์จากบีบีซี แต่โกวินด์ ราม ผู้อำนวยการกรมสวัสดิภาพชนเผ่าในหมู่เกาะนี้ ระบุว่า เขารู้ว่ามีกรณีการเที่ยวชมชนเผ่าเกิดขึ้น "มันเป็นความจริงที่ว่า ผู้คนมักจะสนใจอยากรู้อยากเห็นสังคมของชนเผ่า" เขากล่าว "เราได้จัดการต่าง ๆ เพื่อไม่ให้เรื่องนี้เกิดขึ้น โดยมีการลาดตระเวนเป็นประจำของตำรวจและเจ้าหน้าที่ทางการจากกรมสวัสดิภาพชนเผ่า เขากล่าวเพิ่มเติมว่า แต่การลาดตระเวนพื้นที่ที่กว้างใหญ่ "มีโอกาสที่คนที่ไม่ยอมเชื่อฟังจะเข้าไปได้" แม้จะมีการแจ้งมาโดยตลอดว่า ชาวต่างชาติต้องได้รับอนุญาตจากหน่วยงานของทางการประจำเขตพื้นที่และกรมป่าไม้ เพื่อเข้าไปในเขตสงวนจาราวา และเกาะเซนทิเนลเหนือ แต่นักอนุรักษ์ระบุว่า การยกเลิกใบอนุญาตเข้าพื้นที่หวงห้าม ในการเยือนเกาะเหล่านี้ เป็นการส่งสัญญาณว่า หมู่เกาะเหล่านี้จะเปิดรับนักท่องเที่ยวในที่สุด ชาวเซนทิเนล ชนเผ่าที่ตัดขาดจากโลกภายนอกและเพิ่งสังหารนักท่องเที่ยวอเมริกัน คือใคร? "เป็นการตัดสินใจโดยฝ่ายเดียว ไม่มีการปรึกษากับผู้มีส่วนได้เสียในพื้นที่" เดนิส ไจล์ส บรรณาธิการของอันดามัน โครนิเคิลส์ (Andaman Chronicles) หนังสือพิมพ์ท้องถิ่น กล่าว "แทนที่จะใช้มาตรการที่อาจนำไปสู่การเที่ยวชมชนเผ่า รัฐบาลจำเป็นต้องใช้นโยบายกันคนออกไปและจับตามองอย่างที่ทำมาต่อไป" ในเดือนนี้ คณะกรรมาธิการแห่งชาติด้านชนเผ่า ระบุว่า จำเป็นต้องมีการ "ทบทวน" การผ่อนคลายกฎเกณฑ์นี้ใหม่ แม้ว่าจะมีเที่ยวชมชนเผ่าเกิดขึ้นอย่างแพร่หลายและมีการอ้างอิงอย่างกว้างขวางจากกลุ่มอนุรักษ์หลายกลุ่มอย่าง เซอร์ไววัล อินเตอร์เนชั่นแนล (Survival International) ผู้ประกอบการนำเที่ยว 2 รายใหญ่ที่คุยกับบีบีซี ก็ปฏิเสธว่า ไม่มีการเที่ยวชมชนเผ่าในหมู่เกาะนี้เกิดขึ้น "ผมไม่เคยเห็นใครถามเกี่ยวกับการเที่ยวชมชนเผ่าเลย" เอ็ม วิโนด ประธานสมาคมผู้ประกอบการนำเที่ยวอันดามัน ซึ่งเป็นตัวแทนของบริษัทนำเที่ยวในหมู่เกาะ 102 จาก 176 บริษัทที่ลงทะเบียนไว้ "ตำรวจเพิ่มการรักษาความปลอดภัยและมีการกำหนดกฎเกณฑ์อย่างเข้มงวดในการผ่านพื้นที่สงวนของชนเผ่า" เขากล่าวเพิ่มเติมว่า การสังหารชาวอเมริกันที่เกิดขึ้น เป็นเพียงกรณีเดียวของ "ความผิดพลาดในการรักษาความปลอดภัย" "การผ่อนคลายใบอนุญาตเข้าพื้นที่หวงห้ามดีต่อการท่องเที่ยว" เขากล่าว แต่จุดยืนนี้ของเขารวมถึงเกาะเซนทิเนลเหนือด้วยหรือไม่? "ขึ้นอยู่กับรัฐบาลในการตัดสินใจว่าต้องการจะส่งเสริมเกาะไหน"
|
การเสียชีวิตของหนุ่มอเมริกันจากฝีมือของสมาชิกชนเผ่า ที่เสี่ยงต่อการสูญพันธุ์บนเกาะเซนทิเนลเหนือของหมู่เกาะอันดามัน นอกชายฝั่งทางตะวันออกของอินเดีย ทำให้เกิดความกังวลเกี่ยวกับ "การเที่ยวชมชนเผ่า" ที่แอบทำกันบริเวณหมู่เกาะอันดามัน ออมคาร์ คันด์เอคาร์ มีรายงานเกี่ยวกับเรื่องนี้
|
international-42308456
|
https://www.bbc.com/thai/international-42308456
|
ปูตินสั่งให้เริ่มถอนทหารรัสเซียออกจากซีเรีย
|
ปธน. ปูติน เดินทางเยือนซีเรียโดยไม่มีการประกาศล่วงหน้า สำนักข่าวอินเตอร์แฟกซ์ รายงานว่า นายปูตินได้พบหารือกับประธานาธิบดีบาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย หลังจากเดินทางไปถึงฐานทัพอากาศฮเมมีมของรัสเซีย ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับเมืองลาตาเกีย ทางตะวันตกของซีเรีย สำนักข่าวรีอาโนวัสติ ของรัสเซีย รายงานอ้างคำกล่าวของนายปูตินว่า "ผมได้สั่งให้รัฐมนตรีกลาโหมและเสนาธิการทหารเริ่มถอนทหารรัสเซียกลับไปประจำการที่ฐานทัพเดิมที่สังกัดอยู่" พร้อมระบุว่า หาก "พวกผู้ก่อการร้ายโผล่หัวขึ้นมาอีกครั้ง" รัสเซียจะ "โจมตีพวกเขาอย่างที่พวกเขาไม่เคยเห็นมาก่อน" และ "เราจะไม่ลืมบรรดาเหยื่อและผู้สูญเสียในการต่อสู้กับภัยก่อการร้ายทั้งในซีเรียและรัสเซีย" ความเคลื่อนไหวครั้งนี้มีขึ้นหลังจากเมื่อเดือน มี.ค. ปีที่แล้ว นายปูตินได้ประกาศว่ากำลังวางแผนจะถอนกำลังทหารรัสเซียส่วนใหญ่ออกจากซีเรีย หลังจากเริ่มส่งกำลังทหารเข้าไปช่วยกองทัพรัฐบาลซีเรียต่อสู้กับกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลาม (ไอเอส) และกลุ่มติดอาวุธที่ต่อต้านรัฐบาล ในปี 2015 โดยหลังเสร็จสิ้นภารกิจในซีเรีย ประธานาธิบดีปูตินจะเดินทางต่อไปพบหารือกับผู้นำอียิปต์และตุรกี
|
ประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ได้สั่งการให้เริ่มกระบวนการถอนกำลังทหารรัสเซียบางส่วนออกจากสมรภูมิในซีเรียแล้ว ในระหว่างการเยือนซีเรียโดยไม่มีการประกาศล่วงหน้าวันนี้ (11 ธ.ค.)
|
international-43820283
|
https://www.bbc.com/thai/international-43820283
|
อังกฤษเตรียมเสนอเครือจักรภพยกเลิกใช้หลอดพลาสติก-คอตตอนบัดส์ เพื่อลดขยะพลาสติก
|
ภาพสนับสนุนโครงการลดหลอด หรือ the last straw จากการร่วมมือของชาวเชียงใหม่กลุ่มหนึ่ง ส่วนประเทศไทยก็เริ่มมีโครงการรณรงค์ลดการใช้พลาสติกครั้งเดียวแล้วทิ้ง เช่น โครงการลดหลอด หรือ the last straw ในจังหวัดเชียงใหม่ นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ ระบุว่า ขยะพลาสติกเป็นหนึ่งในปัญหาทางสิ่งแวดล้อมที่ท้าทายที่สุดของโลก เธอกล่าวว่า สหราชอาณาจักรเป็นผู้นำโลกในการต่อสู้กับปัญหาขยะพลาสติก ซึ่งที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรได้บังคับใช้มาตรการเก็บค่าถุงพลาสติกลดปริมาณขยะ ยกเลิกใช้เม็ดพลาสติกไมโครบีดส์ และออกข้อเสนอระบบการแลกเปลี่ยนขวดน้ำพลาสติกเป็นเงิน เมื่อเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา ในการประชุมผู้นำรัฐในเครือจักรภพ (Commonwealth) ที่กำลังเกิดขึ้นขณะนี้ อังกฤษจะเชิญชวนให้รัฐในเครือจักรภพ 53 แห่ง ซึ่งประกอบด้วยประชากรมากกว่า 2 พันล้านคน ให้เริ่มมาตรการลดใช้พลาสติกด้วย "ควบคู่ไปกับการเดินหน้าแผนลดใช้พลาสติกในประเทศ สัปดาห์นี้อังกฤษจะผลักดันให้เครือจักรภพร่วมกับเราด้วยในการต่อสู้กับปัญหาขยะพลาสติกในทะเล เครือจักรภพเป็นองค์กรที่เป็นหนึ่งเดียว ซึ่งมีความหลากหลายทางชีวภาพ ทั้งสัตว์ป่า สิ่งแวดล้อม และทรัพยากรชายฝั่ง" นายกรัฐมนตรีของอังกฤษ กล่าว ภราดล พรอำนวย นักเคลื่อนไหวเพื่อการอนุรักษ์ในเชียงใหม่ โครงการลดหลอด/the last straw ในประเทศไทยเอง แม้การลดการใช้ผลิตภัณฑ์พลาสติกครั้งเดียวแล้วทิ้งยังไม่ออกมาเป็นกฎหมายที่ชัดเจน แต่ก็มีการเคลื่อนไหวจากทั้งจากภาครัฐและประชาสังคมอยู่หลายกลุ่ม อย่างเช่น ภราดล พรอำนวย นักเคลื่อนไหวเพื่อการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในเมืองเชียงใหม่ เป็นผู้ริเริ่มรณรงค์ลดการใช้หลอดพลาสติก ภายใต้ชื่อ ลดหลอด/the last straw ไปเมื่อเดือน ส.ค. ปีที่แล้ว เขากล่าวกับบีบีซีไทยทางโทรศัพท์ว่า เนื่องจากเขาและเพื่อนพ้องรณรงค์เรื่องสิ่งแวดล้อมมาก่อน และเห็นว่าพลาสติกมีผลกระทบอย่างมากต่อสิ่งแวดล้อม อย่างเช่น พลาสติกเข้าไปอุดในระบบระบายน้ำจนทำให้น้ำท่วม "ผมได้ไปเห็นแพขยะพลาสติกในทะเล ซึ่งทำให้ผมก็สะเทือนใจมาก" ภราดลจึงกลับมารณรงค์โดยเริ่มจากสิ่งใกล้ตัว เนื่องจากเขาเป็นเจ้าของบาร์แห่งหนึ่งในเมืองเชียงใหม่ เขาจึงคุยกับเพื่อน ๆ ที่ประกอบกิจการบาร์และร้านอาหารเพื่อให้ร่วมมือกันก็ลดการใช้พลาสติกในร้าน เช่น แก้วและหลอดพลาสติก จากนั้นก็เริ่มจัดงานรณรงค์ในชื่อ ลดหลอด/ the last straw โดยเชิญชวนประชาชนชาวเชียงใหม่ให้มาเข้าร่วมด้วยตั้งแต่เดือน ส.ค. ปีที่แล้ว โดยมีกิจกรรมให้ความรู้ มีโปสเตอร์ และจัดทำแฮชแท็ก รวมทั้งทำกูเกิลแมปที่พิมพ์คำว่า ลดหลอด หรือ the last straw ลงไป จะขึ้นเป็นแผนที่ตัวเมืองเชียงใหม่ว่ามีร้านใดบ้างที่ไม่ใช้หลอดหรือแก้วพลาสติก ภราดลยอมรับว่าการเปลี่ยนทัศนคติของคนต้องใช้เวลา และกล่าวว่าเขามีแผนจะรณรงค์อีกครั้งในเดือนมิถุนายนนี้โดยครั้งนี้จะขยายเข้าไปในชุมชนในตัวเมืองเชียงใหม่ โปสเตอร์ของร้านหนึ่งในเชียงใหม่ที่ร่วมโครงการ ลดหลอด/the last straw ส่วนเพชร มโนปวิตร รองหัวหน้ากลุ่มเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ องค์การระหว่างประเทศเพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ กล่าวว่า สถานการ์เรื่องขยะทะเลเป็นที่สนใจในช่วงหนึ่งปีที่ผ่านมา ตั้งแต่การประชุมสหประชาชาติในประเด็นนี้เมื่อปีที่แล้ว เขาระบุว่าขยะพลาสติกเป็นปัญหาพื้นฐานสิ่งแวดล้อมที่คนไม่ค่อยนำไปเชื่อมโยงกับภาพใหญ่ แต่เมื่อไม่นานนี้มีการศึกษาออกมาว่านกทะเล สัตว์ทะเล 80 เปอร์เซนต์ มีขยะในท้อง ทำให้องค์กรต่าง ๆ เริ่มหันมาสนใจปัญหานี้ "หลอดพลาสติกนั้นเป็นเรื่องที่คนไม่ค่อยคิดว่ามีปัญหาอะไร สถิติที่องค์กรสิ่งแวดล้อมสำรวจในอังกฤษ และสหรัฐฯ พบว่าประชาชนใช้หลอดดูดเฉลี่ย 1.5 หลอดต่อคนต่อวัน ส่วนในประเทศไทยแม้ยังไม่ได้ข้อมูลออกมา แต่คาดว่าไม่ต่างกันมากนัก ดังนั้น ทุกวัน ประเทศไทยก็อาจจะมีขยะหลอดดูดกว่า 100 ล้านชิ้นต่อวัน" เขายังกล่าวอีกว่าปัญหาของหลอดพลาสติกก็จะหนักกว่าขวดที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ "หลอดพวกนี้แทบจะรวบรวมไม่ได้ เพราะมันมีขนาดเล็ก ดังนั้นจึงไม่มีการนำไปรีไซเคิล ทางออกต่อปัญหานี้ก็คือ ห้ามการใช้ หรือใช้มาตรการทางเศรษฐกิจเข้ามาคือเก็บค่าใช้ อย่างเดียวที่ทำกับถุงพลาสติก ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าได้ผลในหลาย ๆ ประเทศในโลก" เพชรกล่าว ขยะพลาสติกที่ถูกซัดขึ้นมาบนชายหาดที่เมืองมุมไบประเทศอินเดีย (แฟ้มภาพ) ในประเทศไทยเอง เขายกตัวอย่างว่า ปีที่แล้ว ในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยได้เริ่มกำหนดให้ร้านค้าเก็บค่าใช้ถุงพลาสติกใส่ของ ถุงละ 2 บาท และพบว่าอัตราการใช้ถุงลดลงไปมาก นอกจากนี้ มีการรณรงค์ให้ใช้หลอดแบบที่ใช้ซ้ำได้และพกหลอดไปเอง รณรงค์ขบวนการงดหลอดกับร้านกาแฟต่าง ๆ และให้ความรู้แก่ประชาชน ก่อนหน้านี้ ผู้ผลิตน้ำดื่มรายใหญ่ 5 รายของไทยก็ได้นำร่องเลิกใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม หรือแคปซีล ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ภายหลังร่วมลงนามบันทึกความร่วมมือ (MOU) กระทรวงทรัพยากรและสิ่งแวดล้อม กรมควบคุมมลพิษ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอีก 11 แห่ง ในเดือน ก.พ. นางสุณี ปิยะพันธุ์พงศ์ อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีการผลิตขวดพลาสติกเพื่อบรรจุน้ำดื่ม ประมาณ 4,400 ล้านขวดต่อปีโดยประมาณ โดยมีสัดส่วนการใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม 60 เปอร์เซ็นต์ หรือประมาณ 2,600 ล้านขวดต่อปี พลาสติกหุ้มฝาขวดก่อให้เกิดขยะพลาสติก 2,600 ล้านชิ้นต่อปี หรือคิดเป็นน้ำหนักประมาณ 520 ตันต่อปี หรือมีความยาว 260,000 กิโลเมตร คิดเป็นความยาวรอบโลก 6.5 รอบ พลาสติกหุ้มฝาขวดผลิตจากพลาสติกพีวีซี มีขนาดชิ้นเล็ก น้ำหนักเบา ง่ายต่อการทิ้งกระจัดกระจายลงในสิ่งแวดล้อม ยากต่อการรวบรวมและจัดเก็บเพื่อนำกลับมารีไซเคิลและไม่คุ้มทุนในการดำเนินการ ทำให้ถูกทิ้งลงสู่สิ่งแวดล้อมทั้งบนบกและทางทะเลซึ่งจะไม่ย่อยสลาย หลายประเทศไม่มีการใช้พลาสติกหุ้มฝาขวดน้ำดื่ม เช่น มาเลเซีย อินโดนีเซีย สิงคโปร์ จีน เกาหลี ไต้หวัน ญี่ปุ่น เยอรมัน ฝรั่งเศส อิตาลี อังกฤษ
|
อังกฤษเตรียมเสนอ 53 ประเทศในเครือจักรภพ (Commonwealth) ให้ยกเลิกการใช้หลอดพลาสติกและคอตตอนบัดส์ เพื่อลดจำนวนการใช้พลาสติกในโลกลง โดยประมาณว่าในอังกฤษมีหลอดพลาสติกถูกทิ้งเป็นขยะปีละถึงกว่า 8.5 พันล้านชิ้น
|
international-41178541
|
https://www.bbc.com/thai/international-41178541
|
ล่ารายชื่อคนดังนานาชาติเรียกร้องจุฬาฯ ยกเลิกคำสั่งลงโทษ เนติวิทย์
|
ในแถลงการณ์ที่นักวิชาการต่างชาติร่วมลงนามระบุว่า "การลงโทษที่ไม่เป็นธรรมต่อเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และนักศึกษาคนอื่น ๆ ต้องถูกยกเลิก" ล่าสุด จนถึงเวลานี้ 23.00 น. ของวันที่ 6 ก.ย. 2017 จำนวนนักวิชาการ นักเคลื่อนไหว และ นักเขียนที่เข้าร่วมลงชื่อในข้อเรียกร้องต่อจุฬาฯ มีกว่า 100 คน ในจำนวนนั้น มีศาสตราจารย์จากมหาวิทยาลัยชั้นนำของโลก 20 คน รวมทั้ง ศ. ชอมสกี จากมหาวิทยาลัยอริโซนา บีบีซีไทยสอบถามถึงเหตุผลที่ให้การสนับสนุนนายเนติวิทย์ ศ. นอม ชอมสกี นักปรัชญา และนักวิชาการชื่อดังของสหรัฐฯ ตอบว่า "ผมได้รับข้อมูลจากชาวไทยที่เห็นต่างและผู้ที่มีความน่าเชื่อถือจำนวนมาก และจากรายงานข่าว ทำให้ผม รู้สึกว่านั่นเพียงพอแล้วที่จะคัดค้านการลงโทษที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งเป็นการกระทำที่เป็นเรื่องธรรมดาและจำเป็นซึ่งคนทำกันทั่วโลก" ก่อนหน้านี้ศ. นอม ชอมสกี เคยส่งจดหมายให้กำลังใจเนติวิทย์มาแล้ว ในช่วงที่ทางจุฬาฯ ตั้งกรรมการสอบสวนเขาและนิสิตอีก 7 คน แถลงการณ์เรียกร้องให้จุฬาฯ ยกเลิกการลงโทษอันไม่เป็นธรรม แถลงการณ์ระบุเพิ่มเติมว่า "เรา, นักเคลื่อนไหว, นักเขียน, นักวิชาการ, และนักปกป้องสิทธิมนุษยชนได้ติดตามกรณีที่นิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย 8 คน ซึ่งเดินออกจากพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนเข้าเป็นนิสิตจุฬาฯ เพื่อถวายความเคารพพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ในรูปแบบที่ต่างออกไป เราเห็นว่า การกระทำของพวกเขาสอดคล้องกับหลักการสิทธิมนุษยชน ยิ่งไปกว่านั้น ทางจุฬาฯ ควรเคารพการแสดงความคิดเห็นที่แตกต่าง รวมถึงการแสดงออกในรูปแบบต่าง ๆ" ในแถลงการณ์ระบุว่า นิสิตทั้ง 8 คนถูกลงโทษด้วยการตัดคะแนนความประพฤติ และ 5 คน ในจำนวนนี้ซึ่งเป็นสมาชิกของสภานิสิตจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยต้องถูกปลดจากตำแหน่ง การตัดคะแนนความประพฤติดังกล่าว ทำให้นิสิตทั้ง 8 คนไม่สามารถเป็นตัวแทนของสภานิสิตจุฬาฯ หรือมีบทบาทอื่นใดอย่างเป็นทางการของทางมหาวิทยาลัยในอนาคตด้วย "เราประณามการลงโทษนิสิตทั้ง 8 คนของทางมหาวิทยาลัย การลงโทษนี้ส่งผลให้เกิดการจำกัดเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ซึ่งเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ทั้งในจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเองและสังคมไทย ดังนั้นเราจึงขอเรียกร้องในนามของนิสิตเหล่านี้ให้มีการนิรโทษกรรมและขอให้มหาวิทยาลัยเพิกถอนการลงโทษทางวินัยด้วย" นายเฮนรี ฮาร์ดี วิทยาลัยวอล์ฟสัน มหาวิทยาลัยอ๊อกซฟอร์ด เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า "ผมลงนามเพราะเขา [เนติวิทย์] ขอให้ผมทำ ผมรู้แต่เพียงสิ่งที่เขาบอกผม สิ่งที่เขียนอยู่ในวิกิพีเดีย" นอกจากนี้ยังแนบลิงก์ข่าวที่ทำให้รู้จักเนติวิทย์มากขึ้นและทำให้ทราบเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย ซึ่งเป็นการให้สัมภาษณ์นิตยสารไทมส์ของนายเนติวิทย์ และรายงานข่าวของเว็บไซต์หนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ นายฮาร์ดี ระบุในอีเมลว่า "ผมไม่มีแหล่งข้อมูลอิสระที่ตรวจสอบความถูกต้องของรายละเอียดเหล่านี้" แต่นายฮาร์ดีระบุว่าเคยติดต่อกับนายเนติวิทย์มาก่อนในช่วงที่นายเนติวิทย์ขออนุญาตนำบทความไปแปลเป็นภาษาไทย เหตุการณ์ในวันพิธีถวายสัตย์ฯ วันที่ 3 ส.ค.นายเนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล ประธานสภานิสิตฯ และเพื่อนๆ เดินไปโค้งคำนับพระบรมรูป 2 รัชกาล โดยหนึ่งในนิสิตบอกกับบีบีซีไทยว่า เดินออกมาหลังจากพิธีการจบแล้ว ด้านจุฬาลงกรณ์ฯ ได้ออกแถลงการณ์ต่อสื่อมวลชนกรณีลงโทษทางวินัยนิสิต ระบุว่า ประการแรก ในกรณีการลงโทษทางวินัยอื่น ๆ ที่ผ่านมา จุฬาฯ มิได้เปิดเผยรายละเอียดคำตัดสินลงโทษต่างๆ ด้วยเกรงว่าจะส่งผลต่ออนาคตของนิสิตที่ถูกลงโทษ แต่ปรากฏว่าในกรณีนี้มีการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จและบิดเบือนในสื่อต่าง ๆ ดังนั้นมหาวิทยาลัยจึงจำเป็นต้องแถลงให้ทราบถึงข้อมูลที่ถูกต้อง โดยละเว้นการเปิดเผยรายชื่อของนิสิตที่เกี่ยวข้อง ประการที่สอง จุฬาฯ ขอรับรองว่าการพิจารณาทางวินัยของกลุ่มนิสิตดังกล่าว เป็นไปตามขั้นตอน และกฎ ระเบียบตามปกติของมหาวิทยาลัย ซึ่งระเบียบทางวินัยเช่นนี้มีในทุกมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก คณะกรรมการส่งเสริมวินัยนิสิตมีกระบวนการตรวจสอบข้อเท็จจริงและการพิจารณาที่เป็นอิสระ และดำเนินการในรูปแบบเดียวกันกับกรณีสอบสวนทางวินัยเรื่องอื่นๆ หากนิสิตไม่พอใจกับผลการตัดสินก็มีสิทธิอุทธรณ์ในลำดับต่อไปได้ ประการที่สาม ท่ามกลางเสียงวิพากษ์เกี่ยวกับความเป็นอนุรักษนิยมของมหาวิทยาลัย พร้อมคำวิจารณ์ว่า จุฬาฯ ไม่ได้เปิดกว้างสำหรับความคิดที่แตกต่าง ทางจุฬาฯ ขอย้ำว่ามหาวิทยาลัยเคารพความคิดเห็นที่แตกต่างและพร้อมรับความแตกต่างนั้น พิธีการทั้งหมดภายในมหาวิทยาลัยเป็นกิจกรรมที่นิสิตเข้าร่วมโดยสมัครใจและมีสิทธิที่จะไม่เข้าร่วม โดยไม่มีผลเสียใด ๆ ต่อตัวนิสิต แนวปฏิบัตินี้ใช้กับพิธีถวายสัตย์ปฏิญาณตนซึ่งจัดขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2540 สำหรับนิสิตชั้นปีที่หนึ่งทุกคน เพื่อแสดงความเคารพและปฏิญาณตนต่อหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระปิยมหาราชและสมเด็จพระมหาธีรราชเจ้าในฐานะผู้ก่อตั้งมหาวิทยาลัยด้วย ล่าสุดในวันที่ 7 ก.ย. พรรค ในฮ่องกงของนายโจชัว หว่อง ได้ออกมาร่วมประณามการลงโทษทางวินัยของจุฬาฯ เช่นกัน "ขอประณามการตัดสินซึ่งละเมิดสิทธิ์อันเป็นสากลในการแสดงออกอย่างสงบอย่างชัดเจน และขอยืนหยัดในความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันกับเพื่อนผู้นำนักศึกษาในประเทศไทย ซึ่งปรารถนาในการต่อสู้เพื่อเสรีภาพที่มากขึ้นเช่นเดียวกับเรา" ส่วนในแถลงการณ์เรียกร้องให้จุฬาฯ ยกเลิกการลงโทษที่ไม่เป็นธรรมต่อนิสิต 8 คน มีการอ้างอิงคำพูดของผู้ลงชื่อสนับสนุนหลักหลายคนที่กล่าวถึงนายเนติวิทย์ด้วย ศ. เพอร์รี ลิงก์ ด้านเอเชียตะวันออกศึกษาของมหาวิทยาลัยพรินซ์ตัน กล่าวว่า "เนติวิทย์ โชติภัทร์ไพศาล และเพื่อนนิสิต กำลังใช้สิทธิมนุษยชนอันเป็นสากล ซึ่งควรได้รับการเคารพและสนับสนุนจากทั้งโลก" ด้านอาชีส นานดี้ นักทฤษฎีสังคม และเป็นผู้ที่ติดอยู่ในผลการสำรวจปัญญาชนสาธารณะ 100 อันดับแรกของนิตยสารนโยบายต่างประเทศ กล่าวว่า "ไม่มีมหาวิทยาลัยใดเป็นมหาวิทยาลัยได้อย่างเต็มรูปแบบ หากนักศึกษาไม่มีสิทธิ์เห็นต่างและคัดค้าน" ขณะที่ศ. ลอว์เรนซ์ เอ็ม เคราส์ จากวิทยาลัยการสำรวจอวกาศและพื้นโลก มหาวิทยาลัยอริโซนา กล่าวว่า "ประเทศไทยจะต้องพึ่งพาคนรุ่นใหม่อย่างคุณ เพื่อรักษาประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชนในประเทศ และนำไปสู่อนาคตที่ดีขึ้น" ด้าน จุฬาฯ ได้ออกแถลงการณ์ ในวันเดียวกันว่า "การพิจารณาทางวินัยของกลุ่มนิสิตดังกล่าว เป็นไปตามขั้นตอน และกฎ ระเบียบตามปกติของมหาวิทยาลัย ซึ่งระเบียบทางวินัยเช่นนี้มีในทุกมหาวิทยาลัยชั้นนำทั่วโลก" และย้ำว่า เคารพความคิดเห็นที่แตกต่าง "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมีประวัติอันยาวนานที่ผูกพันกับสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งความเชื่อและประเพณีปฏิบัติที่สืบทอดกันมานี้อาจเป็นเรื่องที่เข้าใจได้ยากสำหรับผู้ที่ยึดถือในแนวคิดเสรีนิยมแบบตะวันตก แม้ว่าจุฬาฯ จะสนับสนุนความคิดเสรีนิยมและเสรีภาพในการแสดงออก แต่มหาวิทยาลัยก็มีรากฐานทางวัฒนธรรมและพันธกิจในการสร้างนิสิตที่เคารพในประเพณีปฎิบัติของสถาบัน ตลอดจนสิทธิเสรีภาพและความคิดของผู้อื่นด้วย จุฬาฯ ขอขอบคุณท่านที่รายงานข่าวด้วยความเข้าใจต่อจุดยืนของมหาวิทยาลัย" แถลงการณ์ระบุ
|
แถลงการณ์เรียกร้องให้จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยยกเลิกคำสั่งลงโทษที่ไม่เป็นธรรมต่อนิสิตทั้ง 8 คน เพื่อเห็นแก่สิทธิมนุษยชน และเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นตามมาตรฐานสากล ด้านจุฬาลงกรณ์ฯ ออกแถลงการณ์ชี้แจงกรณีลงโทษนิสิตยืนยันเคารพความเห็นต่าง และกระบวนการลงโทษเป็นไปตามขั้นตอนที่ถูกต้อง
|
thailand-50472732
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-50472732
|
โป๊ปฟรานซิส : รวมภารกิจสำคัญในไทยของสมเด็จพระสันตะปาปา
|
สำหรับคริสตชนคาทอลิกเกือบ 4 แสนคนในประเทศไทย ช่วงเวลา 3 วันนี้คือการสิ้นสุดการรอคอย 35 ปีนับจากสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2 เยือนไทยเมื่อปี พ.ศ. 2527 ซึ่งภาพที่หลายคนยังจดจำไม่ลืมคือเมื่อพระองค์ทรงก้มลงจูบผืนแผ่นดินไทยหลังลงจากเครื่องบินพระที่นั่ง สำหรับชาวไทยทั้งประเทศนี่คืออีกหนึ่งเหตุการณ์ประวัติศาสตร์ที่บุคคลสำคัญระดับโลกมาเยือนประเทศ และมีหมายกำหนดการเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 สมเด็จพระสังฆราช รวมทั้งพบกับนายกรัฐมนตรี คณะรัฐบาล คณะทูตานุทูต บิชอปและคณะบาทหลวง การเสด็จเยือนประเทศไทยของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสระหว่างวันที่ 20-23 พ.ย. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการเสด็จเยือนเอเชียนี้ อยู่ในความสนใจของคนทั่วโลก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะบุคลิกของพระสันตะปาปาพระองค์นี้ ที่ไม่ว่าจะเดินทางไปที่ใดมักสร้างความประทับใจและมีสีสันให้เป็นที่จดจำ ระหว่างอยู่ในประเทศไทย สมเด็จพระสันตะปาปาจะทรงประกอบพิธีสำคัญ ทรงกล่าวสุนทรพจน์และทรงประทานโอวาทในกิจกรรมใดบ้าง บีบีซีไทยรวบรวมไว้ดังนี้ พบผู้นำศาสนา ตามธรรมเนียมปฏิบัติในทุกครั้งไม่ว่าพระสันตะปาปาจะเสด็จไปเยือนที่ใด นอกจากการพบกับคณะบาทหลวง นักบวชชายหญิง นักพรต สามเณร และบุคคลอื่น ๆ ที่สำคัญของคริสตจักรแล้ว พระองค์จะทรงพบปะบรรดาผู้นำทางศาสนาในประเทศนั้น ๆ ครั้งนี้ในการเยือนไทยก็เช่นกัน วันที่ 21 พ.ย. เวลา 10.00 น. พระสันตะปาปามีหมายกำหนดการเข้าเฝ้าสมเด็จพระอริยวงศาคตญาณ สมเด็จพระสังฆราชสกลมหาสังฆปริณายก ณ วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามราชวรวิหาร ซึ่งเป็นผู้ปกครองบัญชาการคณะสงฆ์ของไทย และเป็นศูนย์รวมจิตใจของเหล่าพุทธศาสนิกชนชาวไทย การพบกันของผู้นำทางศาสนาในครั้งนี้จึงนับว่าเป็นเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อีกเหตุการณ์หนึ่ง ให้กำลังใจผู้ป่วย-ผู้สูงอายุ ปัจจุบันเมืองไทยมีชาวคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกจำนวน 388,468 คน มีเขตศาสนปกครอง 11 เขต มีพระสงฆ์ นักบวช 848 รูป มีวัด 526 แห่ง ศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกกับเมืองไทยมีความสัมพันธ์กันมายาวนาน การพบปะคริสตชนคาทอลิกจึงเป็นเป้าหมายสำคัญ โดยเฉพาะการได้พบกับเหล่าผู้ที่เจ็บป่วย และสูงอายุ เวลา 11.15 น. ในวันที่ 21 พ.ย. สมเด็จพระสันตะปาปาจะเสด็จโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ เยี่ยมอวยพรบรรดาผู้ป่วย ผู้สูงวัย และบุคคลพิการ เป็นการส่วนพระองค์ โดยในพื้นที่บริเวณสวนหย่อมลานออกกำลังกาย ชั้น 4 ของโรงพยาบาลเซนต์หลุยส์ ยังมีการนำหุ่นจำลองขนาดเท่าพระองค์จริงมาตั้ง เพื่อเปิดให้ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าไปชื่นชมและเก็บภาพความประทับใจได้ เข้าเฝ้าในหลวง การเสด็จเยือนไทยครั้งนี้ พระสันตะปาปาได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ให้เข้าเฝ้า ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ในวันที่ 21 พ.ย. เวลา 16.55 น. เป็นการส่วนพระองค์ ความสัมพันธ์ของราชวงศ์ไทยกับศาสนจักรโรมันคาทอลิกนั้น มีมายาวนานกว่า 475 ปี ด้วยในหลวงทรงเป็นองค์อัครศาสนูปถัมภกดูแลทุกศาสนา ย้อนกลับไปเมื่อครั้งสมเด็จพระสันตะปาปา จอห์น ปอลที่ 2 เสด็จเยือนไทยระหว่างวันที่ 10-11 ในปี 2527 ก็ได้มีโอกาสเข้าเฝ้าพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง และพระบาทสมเด็จพระปรเมนทรรามาธิบดีศรีสินทรมหาวชิราลงกรณฯ พระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว ครั้งยังดำรงตำแหน่งมกุฎราชกุมาร ณ พระที่นั่งจักรีมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง นี่จึงเป็นครั้งที่สองที่ประมุขแห่งวาติกันได้พบกับราชวงศ์ไทย เป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์หนึ่งของความสัมพันธ์ไทยกับนครวาติกัน พิธีมิสซา-ท่ามกลางผู้เข้าร่วมกว่า 50,000 คน พิธีมิสซาหรือพิธีบูชาขอบคุณพระเจ้านั้น ถือเป็นหัวใจสำคัญของคริสตชนคาทอลิก โดยในครั้งนี้พระสันตะปาปาจะทรงประกอบพิธีมิสซา ณ สนามศุภชลาศัย สนามกีฬาแห่งชาติ ในเวลา 18.00 น. ของวันที่ 21 พ.ย. โดยมีผู้ที่สนใจเข้าร่วมพิธีหลั่งไหลมาจากทั้งในไทยและประเทศใกล้เคียง โดยคาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานกว่า 50,000 คน โดยนอกจากการประกอบพิธีดังกล่าวแล้วในพื้นที่สนามศุภชลาศัย ยังมีกิจกรรมแปรอักษรจากนักเรียน การแสดงวงโยธวาทิต เดินพาเหรด การแสดงวัฒนธรรมไทย 4 ภาค ตลอดจนการแสดงคอนเสิร์ตให้รักเป็นสะพาน จากเหล่าศิลปินคาทอลิกมากมาย และเมื่อพระสันตะปาปาถึงจะเปลี่ยนนั่งรถ "Pope Mobile" เพื่อทักทายประชาชนผู้เข้าร่วมพิธี พิธีมิสซาเยาวชน อีกหนึ่งพิธีสำคัญที่จะจัดขึ้น ในวันที่ 22 พ.ย. เวลา 17.00 น. คือ พิธีบูชาขอบพระคุณสำหรับเยาวชน ณ อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก โดยคาดว่าจะมีเยาวชนเข้าร่วมพิธีกว่า 4,000 คน โดยพระสันตะปาปาจะประทานโอวาทให้คนรุ่นใหม่ด้วย "You are the Now of God" ไม่ได้เป็นเพียงแค่คำสอน หรือตัวอักษรในสมณลิขิต ของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส แต่สิ่งที่พระองค์ทรงปฏิบัติต่อเยาวชนเป็นที่ประจักษ์ถึงความมุ่งมั่นที่จะลดช่องว่างระหว่างวัยและทรงปลูกฝังจิตสำนึกแก่เยาวชน คนรุ่นใหม่ เพื่อให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ ช่วยกันรักษาโลกใบนี้ ซึ่งเป็นบ้านที่ทุกคนจะต้องอาศัยอยู่ร่วมกัน สถานที่น่าสนใจที่โป๊ปจะเสด็จเยือน วัดนักบุญเปโตร ต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม จะเป็นหนึ่งในสถานที่สำคัญที่สมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิสจะเสด็จเยือนในช่วงเช้าวันที่ 22 พ.ย.นี้ เพื่อพบกับคณะบาทหลวง นักบวช ครูคำสอน ตลอดจนบรรดาบิชอปของไทยและเอเชีย วัดนักบุญเปโตร สามพราน เป็นศูนย์กลางชุมชนชาวคริสต์ใน จ.นครปฐม ที่มีความหนาแน่นเป็นอันดับ 2 รองจากชุมชนท่าแร่ จ. สกลนคร นอกจากนี้ใน อ.สามพรานนี้ยังมีบ้านอบรมหรือบ้านของคณะนักบวชมากที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย สักการสถานบุญราศีนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าข้าม อ.สามพราน จ.นครปฐม เป็นสถานที่ที่พระสันตะปาปาจะเดินทางไปพบกับบรรดาบิชอปของไทยและเอเชีย ในวันที่ 22 พ.ย. นี้ โดยสักการสถานแห่งนี้เป็นที่เก็บอัฐิและหุ่นขี้ผึ้งจำลองของคุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด เพื่อให้ผู้คนได้สักการะและรำลึกถึงท่าน อาคารเป็นสถาปัตยกรรมสมัยใหม่ที่มีโครงสร้าง และรูปทรงซึ่งแฝงไว้ด้วยความหมาย สำหรับคุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด กฤษบำรุง ตามประวัติได้รับศีลบวชเป็นพระเมื่อ พ.ศ.2469 ที่อาสนวิหารอัสสัมชัญ กรุงเทพฯ ท่านได้ทำงานอภิบาลวัดหลายแห่งทั่วประเทศ ถือเป็นบาทหลวง ที่เอาใจใส่งานอภิบาล และมีความกระตือรือร้นในงานธรรมทูต ในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดของการเรียกร้องดินแดนคืนจากฝรั่งเศสนั้น ท่านได้ถูกจับกุม โดยถูกกล่าวหาว่าช่วยฝรั่งเศสในสงครามอินโดจีน และถูกตัดสินจำคุก 15 ปี ต่อมาท่านได้ป่วยเป็นวัณโรคและมรณภาพในเรือนจำบางขวาง เมื่ออายุ 49 ปี แม้ในช่วงที่คุณพ่อนิโคลาส บุญเกิด อยู่ในเรือนจำ ท่านยังได้เผยแพร่คำสอนและโปรดศีลล้างบาปให้นักโทษที่ใกล้ตายถึง 68 คน ถือเป็นการทำหน้าที่ประกาศข่าวดีแก่ผู้ที่อยู่ในเรือนจำให้ได้รับชีวิตใหม่ในองค์พระผู้เป็นเจ้า อาสนวิหารอัสสัมชัญ บางรัก แห่งนี้จะเป็นสถานที่ในการประกอบพิธีมิสซาเยาวชนที่จะเกิดขึ้น ในวันที่ 22 พ.ย.นี้ โดยอาสนวิหารแห่งนี้ซ่อนตัวอยู่ในสนามของโรงเรียนอัสสัมชัญ ในปี ค.ศ. 1809 หัวหน้ามิชชันนารีได้เริ่มการก่อสร้างโบสถ์ให้เป็นรูปร่างขึ้นเป็นครั้งแรก และโบสถ์สไตล์ไทยเดิมนี้ถูกเรียกว่า โบสถ์อัสสัมชัญ เมื่อสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1821 แต่ภายหลัง เปลี่ยนชื่อเป็น อาสนวิหารอัสสัมชัญ อาคารมีความโดดเด่นออกแบบด้วยสถาปัตยกรรมแบบโรมาเนสก์ ลักษณะพิเศษของตัวโบสถ์ คือ โครงสร้างส่วนที่ค้ำจุนวิหาร ซุ้มประตูครึ่งวงกลม ทางเดินหลังคาโค้ง เสารูปแบบต่างๆ ที่รวมกันเรียกความสนใจจากผู้พบเห็นด้วยความน่าเกรงขามและความสงบของตัวอาคาร และน้อยคนนักที่จะรู้ว่า ห้องใต้ดินซึ่งอยู่ใต้สถานที่ศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ เป็นที่เก็บร่างของสังฆราชและเหล่ามิชชันนารีในอดีต น้อยคนที่จะทราบว่าในประเทศไทย มีสถานสมณทูตวาติกันตั้งอยู่บนถนนสาทร ซึ่งจะใช้เป็นที่ประทับตลอดการพำนักในประเทศไทยของพระสันตะปาปา ซึ่งในปัจจุบันนี้พระอัครสังฆราช พอล ชาง อิน-นัม ได้รับแต่งตั้งจากสมเด็จพระสันตะปาปา เบเนดิกต์ ที่ 16 ให้รับหน้าที่พระสมณทูตประจำประเทศไทย,กัมพูชา,พม่าและลาว ที่มา : เว็บไซต์สังฆมณฑลกรุงเทพฯ สังฆมณฑลราชบุรี และสื่อมวลชนคาทอลิกประเทศไทย
|
เวลา 12.30 น. ของวันที่ 20 พ.ย. 2562 เครื่องบินพระที่นั่งของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ซึ่งเดินทางจากสนามบินฟูมิชิโน กรุงโรม จะลงจอดที่ท่าอากาศยานทหาร กองบิน 6 กองบัญชาการกองทัพอากาศ นับเป็นจุดเริ่มต้นของการเสด็จเยือนประเทศไทยอย่างเป็นทางการของประมุขแห่งศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก
|
thailand-57265681
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-57265681
|
งบ 2565 : รัฐบาลตั้งงบ 3.1 ล้านล้านบาท หั่นงบ 28 หน่วย ไม่เว้นกลาโหม-ส่วนราชการในพระองค์
|
นายกฯ ฟังผู้นำฝ่ายค้านในสภาอภิปรายร่าง พ.ร.บ. งบประมาณ เมื่อปีก่อน พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว. กลาโหม จะนำเสนอหลักการต่อที่ประชุมสภาในวันที่ 31 พ.ค. แล้วเปิดให้อภิปรายกัน 3 วัน รวมเวลา 47 ชม. 30 นาที โดยคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิปรัฐบาล) และคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน) ตกลงกันว่าจะจัดสรรเวลาให้อภิปรายฝ่ายละ 22 ชม. ส่วนที่เหลืออีก 3 ชั่วโมงครึ่งเป็นเวลาของประธาน ทว่ายังไม่ทันเปิดอภิปราย พรรคเพื่อไทย (พท.) โดยนายยุทธพงศ์ จรัสเสถียร ส.ส.มหาสารคาม และรองหัวหน้าพรรค ก็ออกมาแถลงเมื่อ 23 พ.ค. ว่า พท. เตรียมลงมติไม่รับหลักการร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ขณะที่พรรคร่วมฝ่ายค้านอื่น ๆ ก็จัดเตรียม "ขุนพล" เปิดอภิปรายชี้ให้เห็นถึงความไม่สมเหตุสมผลในการจัดทำงบประมาณที่ "ไม่ตอบโจทย์ต่อความเดือดร้อนของประชาชน" ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และการกู้เงินชดเชยการขาดดุลงบประมาณสูงขึ้นทุกปี ซี่งถ้านำไปรวมกับเงินกู้ตามพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) ให้อำนาจกระทรวงการคลังกู้เงินฯ วงเงินรวม 1.5 ล้านล้านบาท (ปี 2563 วงเงิน 1 ล้านล้านบาท และปี 2564 วงเงิน 5 แสนล้าน) ก็ทำให้ฐานะการคลังอยู่ในภาวะ "สุ่มเสี่ยงต่อการขาดวินัยการเงินการคลัง" รัฐบาล พล.อ. ประยุทธ์ ตั้งกรอบงบประมาณปี 2565 ไว้ที่ 3,100,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 17.87% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) ลดลงจากปีก่อน 185,962.5 ล้านบาท หรือคิดเป็น 5.66% ทั้งนี้รัฐบาลประมาณการรายได้ไว้ที่ 2,400,000 ล้านบาท และกำหนดวงเงินกู้เพื่อชดเชยการขาดดุลงบประมาณ 700,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 4.04% ของจีดีพี การจัดทำงบประมาณของรัฐบาลอยู่บนพื้นฐานการคาดการณ์ที่ว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2565 จะขยายตัว 4-5% โดยได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการขยายตัวของอุปสงค์ภาคต่างประเทศตามแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจและปริมาณการค้าโลก ส่วนอุปสงค์ในประเทศมีแนวโน้มขยายตัวในเกณฑ์ดี ทั้งการใช้จ่ายภาคครัวเรือน การลงทุนภาคเอกชน และภาคท่องเที่ยวที่มีแนวโน้มกลับมาฟื้นตัวดีขึ้นจากการกลับมาของนักท่องเที่ยวต่างประเทศ หลังการเดินทางระหว่างประเทศเริ่มกลับสู่ภาวะปกติภายใต้เงื่อนไขการคิดค้นวัคซีนสำเร็จและสามารถใช้แพร่หลายทั่วโลกในช่วงปลายปีนี้ สำหรับเสถียรภาพทางเศรษฐกิจในปี 2565 มีแนวโน้ม "อยู่ในเกณฑ์ดี" คาดว่าอัตราเงินเฟ้อจะอยู่ในช่วง 0.7-1.7% ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลประมาณ 5.3% ของจีดีพี ตามการฟื้นตัวของการส่งออกและการท่องเที่ยว ร้านค้าในตลาดกลาง กทม. ปิดตัวลงชั่วคราว เมื่อโควิดระบาดระลอกใหม่ รัฐบาลตั้งงบกลางปี 2565 ไว้ที่ 571,047.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 18.4% ของงบประมาณรวมทั้งหมด โดยงบก้อนนี้มักถูกเปรียบเปรยว่าเป็นการ "ตีเช็คเปล่า" เนื่องจากมีเฉพาะ "หัวข้อ" กับ "วงเงิน" แต่ไม่ระบุรายละเอียดของโครงการ ทำให้สภาไม่มีโอกาสตรวจสอบและกลั่นกรอง อย่างไรก็ตามในปีงบประมาณหน้า รัฐบาลได้ตัดงบกลางในรายการที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 ออกไป หลังเคยขอตั้งงบนี้ครั้งแรกและครั้งเดียวเมื่อปีก่อน วงเงินกว่า 40,000 ล้านบาท ที่มา : บีบีซีไทยสรุปข้อมูลจากร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 โดยเปรียบเทียบกับงบประมาณย้อนหลัง 2 ปี (หน่วยเป็น ล้านบาท) ทั้งนี้ส่วนที่มีดอกจัน (*) คืองบในความดูแลของสำนักงบประมาณ ส่วนที่เหลือเป็นงบในความดูแลของกรมบัญชีกลาง การจัดทำงบปี 2565 ของรัฐบาลยังอยู่ภายใต้ 6 ยุทธศาสตร์หลักอย่างเช่นทุกปี ส่วนงบที่ตั้งไว้ตามแผนงานบูรณาการ 11 แผนงาน ภายใต้งบประมาณรวม 208,177.3 ล้านบาท พบว่า รัฐบาลยังคงทุ่มงบไปกับการพัฒนาด้านคมนาคมและระบบโลจิสติกส์แบบทุกปีที่ผ่านมา ภายใต้วงเงินรวม 110,415.1 ล้านบาท รองลงมาคือการบริหารจัดการทรัพยากรน้ำ 63,251.6 ล้านบาท และเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก 12,275.4 ล้านบาท ปีนี้ยังเป็นอีกครั้งที่งบขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ถูกปรับลดลง จนเหลือ 7,144.3 ล้านบาท ตัดงบกลาโหมกว่าหมื่นล้าน เมื่อภาพรวมของงบประมาณแผ่นดินปี 2565 ลดลงจากปี 2564 ที่ 5.66% ทำให้การจัดสรรงบของหน่วยขอรับงบประมาณต่าง ๆ ถูกปรับลดลงถึง 28 รายการ ไม่เว้นกระทั่งส่วนราชการในพระองค์ที่ถูกปรับลดงบลง กระทรวงแรงงานเป็นหน่วยงานที่ถูกตัดงบในสัดส่วนสูงสุดถึง 28.7% รองลงมาคือจังหวัดและกลุ่มจังหวัด งบลดลง 24.7% และกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) งบหายไป 15.9% ขณะที่กระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบ "ทะลุแสนล้านบาท" ก็ยังคงเป็น 8 กระทรวงเดิม โดยมีกระทรวงศึกษาธิการรั้งตำแหน่งหน่วยงานที่ขอตั้งงบสูงสุด 332,398.6 ล้านบาท หรือคิดเป็น 10.7% ของงบทั้งหมด แม้ปีนี้จะถูกปรับลดงบลงจากปีก่อนถึง 24,051.1 ล้านบาท (ลดลง 6.7%) ก็ตาม เช่นเดียวกับกระทรวงกลาโหมที่ได้รับการจัดสรรเม็ดเงินสูงเป็นอันดับ 4 วงเงิน 203,282 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.6% ของงบทั้งหมด แต่ก็ถูกหั่นงบจากปีก่อนถึง 11,248.6 ล้านบาท (ลดลง 13.4%) โดยทุกเหล่าทัพปรับลดงบตามแผนยุทธศาสตร์พัฒนาศักยภาพการป้องกันประเทศและความพร้อมเผชิญภัยคุกคามทุกมิติ หรือรู้จักในชื่อเรียกว่า "งบจัดหาอาวุธ" ลงหมด แต่ถึงกระนั้นงบประมาณรายจ่ายบุคลากรของกระทรวงกลับเพิ่มขึ้นจากปีก่อนทั้งหมด พล.อ. ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก วันส่งมอบตำแหน่งเมื่อปี 2563 ส่วนกระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบเพิ่มมีเพียง 4 หน่วยงาน ได้แก่ กระทรวงการคลัง 273,941.3 ล้านบาท ได้งบเพิ่มจากปีก่อน 5,273.6 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 2%), กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ 24,664.8 ล้านบาท ได้งบเพิ่ม 2,323 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 10.4%), กระทรวงพลังงาน 2,717.5 ล้านบาท ได้งบเพิ่ม 438.3 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 19.2%) และหน่วยงานขององค์กรอิสระและองค์กรอัยการ 18.468.6 ล้านบาท ได้งบเพิ่ม 704.3 ล้านบาท (เพิ่มขึ้น 4%) ลดงบส่วนราชการในพระองค์ครั้งแรกในรอบ 5 ปี ขณะที่ส่วนราชการในพระองค์ขอตั้งงบประมาณ 8,761.4 ล้านบาท คิดเป็น 0.3% ของงบภาพรวมทั้งประเทศ ลดลงจากปีก่อน 219.5 ล้านบาท โดยถือเป็นปีแรกที่มีการปรับลดงบของส่วนราชการในพระองค์ นับจากปรับรูปองค์กรและจัดระเบียบบริหารใหม่ด้วยการตรา พ.ร.บ. เฉพาะตัวเมื่อปี 2560
|
ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรเตรียมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2565 วงเงิน 3,100,000 ล้านบาท ระหว่างวันที่ 31 พ.ค.-2 มิ.ย. นี้
|
international-42928633
|
https://www.bbc.com/thai/international-42928633
|
พบเมืองใหญ่อารยธรรมมายาในป่ากัวเตมาลา
|
เมืองโบราณทิคาล (Tikal) ของกัวเตมาลา เป็นเพียงส่วนหนึ่งของเมืองโบราณขนาดใหญ่ที่ซ่อนอยู่ในผืนป่า คณะนักวิจัยใช้การยิงแสงเลเซอร์จากเครื่องบินและเฮลิคอปเตอร์ลงไปยังพื้นที่สำรวจ 2,100 ตารางกิโลเมตร เพื่อตรวจสอบบริเวณที่เป็นป่าทึบ โดยข้อมูลดิจิทัลที่ได้จากการสะท้อนกลับของแสงเลเซอร์ ได้เผยให้เห็นแท่นหินที่เป็นรากฐานของอาคารบ้านเรือนกว่า 60,000 หลัง รวมทั้งโครงสร้างของพีระมิดขนาด 7 ชั้น ป้อมปราการ กำแพงเมือง คูน้ำ และทางยกระดับขนาดใหญ่เพื่อการสัญจรไปมาอีกด้วย ศาสตราจารย์สตีเฟน ฮิวสตัน ผู้เชี่ยวชาญด้านโบราณคดีและมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยบราวน์ของสหรัฐฯบอกว่า การค้นพบครั้งนี้ถือว่าเป็นความสำเร็จครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดของวงการศึกษาอารยธรรมมายา ในรอบ 150 ปีที่ผ่านมา มีการค้นพบแท่นหินที่เป็นฐานของบ้านกว่า 60,000 หลัง โดยคาดว่ามีการสร้างบ้านด้วยโครงเสาไม้และมุงด้วยฟางหรือใบพืชบนฐานหินนี้ คณะนักวิจัยในโครงการ LIDAR ได้นำข้อมูลจากแสงเลเซอร์มาสร้างเป็นแผนที่ 3 มิติ ซึ่งแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่า ที่ผ่านมานักโบราณคดีประเมินความยิ่งใหญ่และความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีของอารยธรรมมายาต่ำเกินไป ทั้งที่จริงแล้วอาณาจักรของชาวมายามีอาณาเขตกว้างขวางกว่าที่คาด 3-4 เท่า และอาจมีประชากรสูงสุดถึง 15 ล้านคน ซึ่งเทียบได้กับความเจริญของอารยธรรมกรีกและจีนโบราณ ข้อมูลจากการสำรวจด้วยแสงเลเซอร์ยังชี้ว่า ชาวมายาทุ่มเททรัพยากรเพื่อการป้องกันเมืองมากกว่าที่คิด โดยมีการสร้างกำแพงใหญ่ที่มีคูน้ำล้อมรอบรวมทั้งป้อมปราการจำนวนมาก ข้อมูลจากการสำรวจด้วยเลเซอร์ สามารถนำมาสร้างเป็นแผนที่ 3 มิติของเมืองโบราณที่ซ่อนอยู่ได้ สิ่งค้นพบที่น่าทึ่งอีกอย่างหนึ่งคือทางยกระดับขนาดใหญ่ที่เชื่อมต่อเป็นเครือข่ายกับเมืองโบราณอีกหลายแห่งในแถบนั้น ซึ่งช่วยให้ผู้คนสัญจรไปมาได้โดยสะดวกแม้ในฤดูฝน ทางยกระดับดังกล่าวมีความกว้างพอที่จะใช้ลำเลียงสินค้าจำนวนมาก ในช่วงที่มีการสัญจรไปมาคับคั่งได้ ทั้งนี้ เทคนิคใหม่ในการสำรวจและวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์ ช่วยให้นักโบราณคดีทำงานได้อย่างรวดเร็วขึ้น แทนที่จะต้องใช้เวลาเดินเท้าในป่าและขุดค้นหาร่องรอยของโบราณสถานเป็นเวลานานหลายปี โดยมีการใช้เทคนิคนี้สำรวจซากเมืองโบราณที่ค้นพบใหม่ใกล้กับนครวัดของกัมพูชามาแล้ว ป่าทึบที่มีซากใบไม้ทับถมหนาหลายชั้น ปิดบังไม่ให้เห็นร่องรอยของโบราณสถาน การสำรวจด้วยเลเซอร์เผยให้เห็นโครงสร้างพีระมิด 7 ชั้นที่ซ่อนอยู่ อารยธรรมมายามีความเก่าแก่ราว 3,000 ปี ครอบคลุมพื้นที่กว้างใหญ่ในภูมิภาคอเมริกากลาง ซึ่งรวมถึงทางตอนใต้ของเม็กซิโก พื้นที่ของประเทศกัวเตมาลาและเบลิซทั้งหมด รวมทั้งบางส่วนทางตะวันตกของประเทศฮอนดูรัสและเอลซัลวาดอร์ด้วย โดยชาวมายามีความก้าวหน้าทางวิทยาการอย่างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งในด้านวิศวกรรม คณิตศาสตร์ สถาปัตยกรรม และดาราศาสตร์
|
คณะนักวิจัยในโครงการสำรวจและวัดระยะด้วยแสงเลเซอร์ (LIDAR) ค้นพบร่องรอยของเมืองโบราณขนาดใหญ่ในป่าทึบทางตอนเหนือของประเทศกัวเตมาลา ซึ่งเมืองดังกล่าวเป็นหลักฐานชี้ว่า อารยธรรมมายาในยุคที่รุ่งเรืองสูงสุดเมื่อราว 1,500 ปีก่อน มีอาณาเขตกว้างขวางและมีประชากรจำนวนมากกว่าที่เคยคาดกันไว้ 3-4 เท่า
|
thailand-56052297
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-56052297
|
ชุมนุม 13 ก.พ. : ตร. จับแนวร่วม “ราษฎร” อย่างน้อย 7 คน หลังเกิดเหตุวุ่นวายหน้าศาลฎีกา ขณะที่แกนนำระดมพลเข้า กทม. 20 ก.พ.
|
ความวุ่นวายเกิดขึ้น หลังจากแกนนำราษฎรประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 20.22 น. แต่แนวร่วมบางส่วนยังไม่ยอมกลับบ้าน ในขณะรอผลการเจรจาระหว่างนายอรรถพล บัวพัฒน์ หรือ "ครูใหญ่" แกนนำกลุ่ม "ขอนแก่นพอกันที" และแกนนำกลุ่มราษฎร กับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ว่าจะอนุญาตให้ตัวแทนกลุ่มราษฎรที่เคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมาปักหลักอยู่หน้าศาลฎีกา สนามหลวง เข้าไปทำกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์ภายในศาลหลักเมืองหรือไม่ ได้เกิดเหตุชุลมุนขึ้นในเวลา 19.40 น. เมื่อประชาชนบางส่วนเข้าไปเตะและพยายามฝ่าแนวเครื่องกีดขวางซึ่งเจ้าหน้าที่นำมาวางไว้ อีกทั้งยังมีการขว้างปาสิ่งของจากแนวผู้ชุมนุมใส่แนวเจ้าหน้าที่ มีทั้งพลุสี และมีเสียงดังคล้ายวัตถุแตก ทำให้ผู้ชุมนุมเกิดความแตกตื่น ร้อนถึงบรรดาแกนนำต้องช่วยกันควบคุมสถานการณ์ น.ส.ณัฏฐธิดา มีวังปลา หรือ "พยาบาลแหวน" ซึ่งอยู่แนวหน้าผู้ชุมนุม ตะโกนว่า "ใครรื้อลวดหนามไม่ใช่มวลชนของเรา" หลังความวุ่นวายสงบลง มีการเจรจากันยกสอง ก่อนที่ตำรวจจะเปิดทางให้ตัวแทนราษฎร 4 คน นำโดยนายอรรถพล เข้าไปทำกิจกรรมด้านหน้าศาลหลักเมืองได โดยใจความสำคัญเป็นการเทน้ำลงพื้นในลักษณะของการกรวดน้ำ พร้อมขอให้ศาลหลักเมือง "ปกปักษ์รักษาราษฎร อย่าเห็นแก่บัดพลี... จงเห็นแก่อาณาราษฎร ศักดินาจงพินาศ ประชาราษฎร์จงเจริญ" ทั้งนี้ใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที ก่อนกลับออกมาโดยบอกกับสื่อมวลชนว่า "แม้เทพเทวดาก็ต้องอยู่กับราษฎร" แต่แล้วก็เกิดเหตุไม่คาดชุลมุนขึ้นอีกในเวลา 20.10 น. เมื่อมีผู้ไม่หวังดีเปิดฉากขว้างปาข้าวของจากแนวผู้ชุมนุมใส่แนวตำรวจ มีทั้งขวดน้ำ ก้อนอิฐ พลุควัน และเป็นอีกครั้งที่แกนนำราษฎรอย่างนายอรรถพลต้องประกาศผ่านรถเครื่องขยายเสียงว่า "ถ้ามีการขว้างปาของถือว่าไม่ใช่ราษฎร" ขวดน้ำและก้อนหินที่ถูกปาใส่แนวตำรวจเกลื่อนกราดอยู่บริเวณถนนหน้าศาลฎีกา ในระหว่างนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ประกาศผ่านเครื่องขยายเสียงเป็นระยะว่าพวกเขามาเพื่อป้องกันบุคคลที่ 3 ไม่ให้มาทำร้ายประชาชน และขอร้องประชาชนอย่าทำลายแนวกั้นของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ตามความชุลมุนทั้งหมดเกิดขึ้นภายในเวลาไม่นานหนัก ก่อนที่สถานการณ์จะกลับสู่ภาวะปกติ นายอรรถพลได้ขึ้นปราศรัยเป็นคนสุดท้าย โดยกล่าวตอนหนึ่งว่า หากไม่มีสัญญาณอะไร ในอีก 7 วันข้างหน้า ถนนทุกสายจะมุ่งเข้ากรุงเทพฯ ในวันที่ 20 ก.พ. "ถ้าไม่ปล่อยเพื่อนเรา เจอราษฎรทั้งประเทศแน่นอน" ก่อนประกาศยุติการชุมนุมในเวลา 20.22 น. รุ้ง-ปนัสยา สิทธิจิรวัฒนกุล เขียนข้อความเรียกร้องให้ปล่อยเพื่อนของเธอ ลงยังเครื่องกีดขวางที่ตำรวจนำมาวางไว้หน้าศาลฎีกา ผู้ชุมนุมราษฎรเคลื่อนขบวนจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยมุ่งหน้าศาลหลักเมือง แม้แกนนำแจ้งยุติกิจกรรมแล้ว แต่มวลชนบางส่วนยังไม่ยอมกลับบ้าน ส่งผลให้เกิดการเผชิญหน้ากับตำรวจ และสถานการณ์เริ่มตึงเครียดขึ้นอีก เวลา 21.00 น. มีเสียงดังคล้ายระเบิดดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง ตำรวจประกาศขีดเส้นตายให้ผู้ชุมนุมเดินทางกลับภายในเวลา 21.30 น. พร้อมระดมรถน้ำเข้าพื้นที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่ามีผู้ถูกจับกุมจากเหตุการณ์นี้ไปประมาณ 7-8 คน โดยถูกนำตัวไปยัง สน.ชนะสงคราม ผู้สื่อข่าวถามว่าเสียงดังคล้ายระเบิดที่เกิดขึ้นคืออะไร พ.ต.อ.อรรถวิทย์ สันนิษฐานในเบื้องต้นว่าอาจเป็นประทัดยักษ์ แต่จะดำเนินการเก็บหลักฐานเพื่อตรวจสอบต่อไป พร้อมเปิดเผยว่ามีตำรวจได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้อย่างน้อย 20 นาย รองโฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แถลงว่ามีผู้ถูกจับกุมจากเหตุการณ์นี้ไปประมาณ 7-8 คน การหวนคืนสู่ท้องถนนของผู้ชุมนุมกลุ่มราษฎรเกิดขึ้นหลังจากศาลไม่อนุญาตให้ประกันตัวและฝากขัง 4 แกนนำราษฎร ตั้งแต่วันที่ 9 ก.พ. ที่ผ่านมา ประกอบด้วย นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ หรือเพนกวิน, นายอานนท์ นำภา, นายสมยศ พฤกษาเกษมสุข และนายปติวัฒน์ สาหร่ายแย้ม หรือหมอลำแบงค์ จากกรณีชุมนุมเมื่อวันที่ 19-20 ก.ย. 2563 ที่ ม.ธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ และสนามหลวง การนัดเคลื่อนไหวใหญ่ภายใต้ชื่อ "นับ 1 ถึงล้าน คืนอำนาจให้ประชาชน" เกิดขึ้นตั้งแต่เวลา 15.00 น. ซึ่งนอกเหนือจากการเรียกร้องให้ปล่อยแกนนำราษฎร อีกประเด็นหลักที่ถูกชูขึ้นมาในการชุมนุมวันนี้ (13 ก.พ.) คือเรียกร้องยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ว่าด้วยการหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ผู้ชุมนุมราษฎรต่างนำหม้อและกระทะมาเคาะให้เกิดเสียงดัง สื่อสัญลักษณ์ขับไล่เผด็จการ แบบที่ผู้ประท้วงชาวเมียนมาใช้ต่อต้านเผด็จการทหารที่ก่อรัฐประหารเมื่อ 1 ก.พ. ขณะที่อีกหลายคนร่วมกันเขียนข้อความระบายความในใจลงผืนผ้าสีแดงความยาวราว 30 เมตร อาทิ "ยกเลิก 112" "ชาติ = ประชาชน" "เผด็จการจงพินาศ" เวลา 17.25 น. นายภาณุพงศ์ จาดนอก หรือไมค์ ประกาศเชิญชวนประชาชนให้เข้าไปรื้อถอนต้นไม้และดอกไม้ที่เขาเรียกว่า "สิ่งแปลกปลอม" ออกจากบริเวณรอบอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย โดยให้เหตุผลว่า "อนุสาวรีย์ไม่ได้สวยด้วยดอกไม้ แต่สวยด้วยอุดมการณ์ประชาธิปไตยที่นำเข้ามาในไทย" ทั้งนี้ผู้ชุมนุมบางส่วนได้นำกระถางต้นไม้มาจัดเรียงเป็นคำว่า "112" ด้วย จากนั้นเมื่อเสียงเพลงชาติจบลงพร้อมการชูสามนิ้วของกลุ่มราษฎรในเวลา 18.03 น. ผู้ชุมนุมได้นำผ้าสีแดงขึ้นไปคลุมอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย ซึ่งถือเป็นการจบกิจกรรมไฮไลท์ที่จุดนี้ ตลอดเวลากว่า 5 ชม. ที่กลุ่มราษฎรทำกิจกรรมทั้ง 2 จุด เจ้าหน้าที่ตำรวจได้แจ้งเตือนผ่านรถเครื่องขยายเสียงเป็นระยะ ๆ ห้ามไม่ให้จัดกิจกรรม เพราะเสี่ยงต่อการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และเป็นการฝ่าฝืนกฎหมายหลายฉบับ ทั้งพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน และพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) โรคติดต่อ สร้างความไม่พอใจให้แก่แนวร่วมราษฎร โดยบางส่วนได้โห่ร้องขับไล่เจ้าหน้าที่ตำรวจ และเคลื่อนพลไปประจันหน้ากัน จนเกิดความชุลมุนหลายครั้ง
|
กลุ่มเรียกร้องประชาธิปไตยและให้มีการปฏิรูปสถาบันพระมหากษัตริย์ที่เรียกตัวเองว่า "ราษฎร" ประกาศระดมพลเข้ากรุงเทพฯ ในอีก 7 วันข้างหน้า หาก 4 แกนนำที่ถูกฝากขังอยู่ภายในเรือนจำไม่ได้รับอนุญาตให้ปล่อยตัวออกมา ขณะเดียวกันได้เกิดเหตุชุลมุนหลายครั้ง
|
international-45701384
|
https://www.bbc.com/thai/international-45701384
|
ผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือหนีออกนอกประเทศน้อยลงในยุค คิม จอง อึน
|
ภาพนาทีชีวิตทหารเกาหลีเหนือแปรพักตร์หนีเข้าเกาหลีใต้ นายปัก บยอง ซอก สมาชิกรัฐสภาเกาหลีใต้ ระบุเรื่องนี้โดยอ้างอิงข้อมูลจากกระทรวงรวมชาติว่า เมื่อปีที่แล้ว มีผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือหลบหนีเข้าไปในเกาหลีใต้ 1,127 คน ถือว่าน้อยลงเมื่อเทียบกับเมื่อปี 2011 ที่มีจำนวน 2,706 คน นายปัก ระบุว่า สาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดปรากฏการณ์เช่นนี้มาจากการควบคุมพรมแดนระหว่างเกาหลีเหนือและจีนที่เข้มงวดขึ้น รวมถึงการที่กลุ่มผู้รับจ้างลักลอบพาคนเข้าเมืองโดยผิดกฎหมายเรียกเก็บค่าบริการสูงขึ้น ด้านทางการเกาหลีเหนือยังไม่ออกมาแสดงความเห็นต่อเรื่องนี้ แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะกระเตื้องขึ้นมากในช่วงไม่กี่เดือนมานี้ แต่โดยหลักการแล้วทั้งสองฝ่ายยังคงอยู่ในภาวะสงคราม นับตั้งแต่การสู้รบในสงครามเกาหลียุติลงในปี 1953 เพราะยังไม่มีการลงนามในสนธิสัญญาสันติภาพอย่างเป็นทางการ แม้ความสัมพันธ์ระหว่างเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้จะดีขึ้นมากในระยะหลัง แต่โดยหลักการแล้วทั้งสองฝ่ายยังคงอยู่ในภาวะสงคราม รัฐบาลเกาหลีใต้ ระบุว่า ตั้งแต่ปี 1953 มีคนเกาหลีเหนือเดินทางข้ามพรมแดนเข้าไปในเกาหลีใต้อย่างผิดกฎหมายกว่า 30,000 คน ส่วนใหญ่มักเลือกเดินทางผ่านประเทศจีน ซึ่งมีพรมแดนติดกับเกาหลีเหนือยาวที่สุด และเป็นช่องทางที่ง่ายกว่าการเดินทางข้ามเขตปลอดทหาร (Demilitarized Zone - DMZ) ตรงพรมแดนเกาหลีเหนือและเกาหลีใต้ เมื่อชาวเกาหลีเหนือแปรพักตร์เข้าไปอยู่ในเกาหลีใต้ พวกเขาจะต้องเข้าโครงการฟื้นฟูและจะได้รับความช่วยเหลือในการเริ่มต้นชีวิตใหม่ และมักได้รับสถานะพลเมืองในที่สุด ส่วนเจ้าหน้าที่ระดับสูงจะถูกทางการเกาหลีใต้สอบปากคำอย่างใกล้ชิดเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และให้แน่ใจว่าพวกเขาไม่ได้เป็นสายลับสองหน้า
|
นักการเมืองเกาหลีใต้ระบุว่า จำนวนผู้แปรพักตร์เกาหลีเหนือที่หลบหนีเข้าไปอยู่ในเกาหลีใต้มีจำนวนลดลง นับแต่นายคิม จอง อึน ขึ้นปกครองประเทศเมื่อ 7 ปีก่อน
|
thailand-53018181
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-53018181
|
โควิด-19 : ยกเลิกเคอร์ฟิว ศบค.เห็นชอบและผ่อนปรนมาตรการระยะ 4 เริ่ม 15 มิ.ย.
|
รัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวในเวลา 22.00-04.00 น. ตั้งแต่วันที่ 3 เม.ย.เพื่อควบคุมการระบาดของโควิด-19 ซึ่งขณะนั้นไทยพบผู้ป่วยรายใหม่วันละกว่า 100 ราย ต่อมาวันที่ 17 พ.ค. ได้ปรับลดเวลาเคอร์ฟิวลงเป็นเวลา 23.00-04.00 น. และในวันที่ 1 มิ.ย. ปรับเวลาเคอร์ฟิวอีกครั้งเป็น 23.00-03:00 น. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค.กล่าวว่าที่ประชุม ศบค.ซึ่งมี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นประธานวันนี้ (12 มิ.ย.) มีมติให้ยกเลิกเคอร์ฟิว แต่ยังควบคุมการเดินทางเข้าราชอาณาจักรทั้งทางบก ทางน้ำและทางอากาศ พร้อมกับอนุมัติการผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.นี้ สำหรับผู้ป่วยรายใหม่ในรอบ 24 ชั่วโมง โฆษก ศบค. รายงานว่ามีผู้ป่วยเพิ่ม 4 ราย ทั้งหมดเป็นคนไทยที่เดินทางมาจากประเทศอินเดียและพักอยู่ในสถานกักกันโรคที่รัฐจัดให้ ซึ่งถือว่าเป็นผู้ติดเชื้อ "นำเข้า" ไม่ใช่การติดเชื้อภายในประเทศ โดยขณะนี้ไทยไม่พบผู้ป่วยจากการติดเชื้อในประเทศมา 18 วันแล้ว ข้อมูล ณ วันที่ 12 มิ.ย. ไทยมีผู้ป่วยสะสม 3,129 ราย รักษาหายแล้ว 2,987 ราย เสียชีวิต 58 ราย ผ่อนปรนระยะที่ 4 มีอะไรทำได้บ้าง นพ.ทวีศิลป์อธิบายว่าการผ่อนปรนในระยะที่ 4 เป็นการอนุญาตให้กิจการและกิจกรรมที่ถูกจัดว่ามีความเสี่ยงสูงต่อการติดต่อของโรคให้กลับมาเปิดบริการได้ ดังนั้นทั้งผู้ให้บริการและผู้ใช้บริการจึงต้องปฏิบัติตามมาตรการควบคุมโรคที่กำหนดอย่างเคร่งครัด เพราะมีความเป็นไปได้ว่า "การระบาดระลอก 2" อาจเกิดขึ้น สำหรับกิจการและกิจกรรมที่ได้รับอนุญาตให้ทำและดำเนินการได้ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.เป็นต้นไป ได้แก่ อะไรที่ยังห้ามและยังปิดอยู่บ้าง
|
ศูนย์บริหารสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 (ศบค.) เห็นชอบให้ยกเลิกประกาศห้ามประชาชนออกนอกเคหสถานหรือเคอร์ฟิว ซึ่งบังคับใช้มานานกว่า 2 เดือน และอนุญาตให้กิจการและกิจกรรมที่มีความเสี่ยงสูงกลับมาดำเนินการได้ในการผ่อนปรนมาตรการระยะที่ 4 ตั้งแต่วันที่ 15 มิ.ย.เป็นต้นไป
|
international-52621871
|
https://www.bbc.com/thai/international-52621871
|
นักวิทยาศาสตร์อังกฤษอธิบาย เหตุใดขั้วเหนือสนามแม่เหล็กโลกเคลื่อนที่จากแคนาดาไปยังไซบีเรีย
|
The North Magnetic Pole has moved rapidly in recent years away from Canada towards Russia. นักวิทยาศาสตร์หลายคณะพยายามจะให้คำอธิบายต่อปรากฏการณ์ประหลาดนี้ รวมทั้งศึกษาว่ามันจะส่งผลต่อโลกของเราและสิ่งแวดล้อมอย่างไรบ้าง ซึ่งล่าสุดทีมนักวิจัยจากมหาวิทยาลัยลีดส์ของสหราชอาณาจักรแถลงว่า ได้ทราบถึงสาเหตุที่แน่ชัดซึ่งเปลี่ยนตำแหน่งขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กโลกนี้แล้ว ภาพจำลองสนามแม่เหล็กโลก ซึ่งเกิดจากโลหะหลอมละลายไหลเวียนที่ขอบนอกของแกนโลก รายงานวิจัยดังกล่าวซึ่งตีพิมพ์ในวารสาร Nature Geoscience ระบุว่ามี "กลุ่มก้อน" ของพลังแม่เหล็ก 2 กลุ่มใหญ่อยู่ตรงบริเวณขอบนอกของแกนโลก ซึ่งเกิดจากการไหลเวียนของโลหะหลอมละลายใต้ธรณี โดยรูปแบบการไหลเวียนที่เปลี่ยนแปลงไปจะทำให้กำลังของสนามแม่เหล็กที่อยู่เหนือภูมิภาคนั้นอ่อนลงหรือแข็งแกร่งขึ้นได้ ดร. ฟิล ลิเวอร์มอร์ ผู้นำทีมวิจัยอธิบายว่า "กลุ่มก้อนของพลังแม่เหล็กที่อยู่ใต้แคนาดาอ่อนกำลังลง แต่พลังแม่เหล็กอีกกลุ่มที่อยู่ใต้ไซบีเรียกลับแข็งแกร่งขึ้นเล็กน้อย ทำให้ตำแหน่งขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กโลกเคลื่อนข้ามเส้นแบ่งเขตวันสากล (International Date Line) ไปเมื่อปี 2017 และจะเข้าสู่รัสเซียตอนเหนือในที่สุด ซึ่งจะเรียกว่ารัสเซียชนะการแข่งขันชักเย่อก็ว่าได้" บริเวณที่ฟลักซ์แม่เหล็กเป็นลบ "ชักเย่อ" กัน โดยดึงฝั่งที่อ่อนกำลัง (ซ้าย) ไปสู่ฝั่งที่แข็งแกร่งกว่า (ขวา) ทีมผู้วิจัยทราบถึงสาเหตุดังกล่าว จากการวิเคราะห์ข้อมูลความเปลี่ยนแปลงของรูปทรงสนามแม่เหล็กโลก ที่รวบรวมโดยฝูงดาวเทียมขององค์การอวกาศยุโรป (ESA) ตลอดช่วง 20 ปีที่ผ่านมา และคาดว่าขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กโลกซึ่งเป็นขั้วลบจะยังคงมุ่งหน้าเข้าหาไซบีเรียต่อไป แต่น่าจะค่อย ๆ ชะลอความเร็วลงในที่สุด เมื่อช่วงต้นปี 2019 ได้มีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งขั้วเหนือในแบบจำลองแม่เหล็กโลก (World Magnetic Model - WMM) เป็นการด่วนก่อนกำหนดถึงหนึ่งปี เนื่องจากขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กโลกได้เคลื่อนที่ไปอย่างรวดเร็วกว่าที่คาดไว้หลายเท่า สร้างความสับสนคลาดเคลื่อนให้กับเข็มทิศ ระบบจีพีเอส และระบบนำร่องทางทหารต่าง ๆ ที่ใช้ขั้วสนามแม่เหล็กดังกล่าวในการอ้างอิงพิกัดตำแหน่ง ขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กโลกตั้งอยู่คนละแห่งกับขั้วโลกเหนือ (North pole) ที่เป็นตำแหน่งทางภูมิศาสตร์ แต่ความเปลี่ยนแปลงล่าสุดทำให้ทั้งสองตำแหน่งตั้งอยู่ห่างกันเพียงไม่กี่ร้อยกิโลเมตร ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ ขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กโลกมีอัตราการเคลื่อนตัวโดยเฉลี่ยสูงสุดถึง 50-60 กิโลเมตรต่อปี ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงฉับพลันที่อาจส่งผลกระทบต่อความเข้มของสนามแม่เหล็กโลก เกราะปกป้องสิ่งมีชีวิตจากรังสีอันตรายในอวกาศได้ แต่นักวิทยาศาสตร์ยังคงไม่มีหลักฐานยืนยันในเรื่องนี้
|
เป็นเวลาเกือบสองศตวรรษแล้ว ที่ตำแหน่งขั้วเหนือของสนามแม่เหล็กโลก (North Magnetic Pole) ได้เคลื่อนไปจากจุดที่ค้นพบครั้งแรกในแคนาดาเมื่อปี 1831 โดยตลอดช่วง 30 ปีที่ผ่านมา การเคลื่อนที่ดังกล่าวได้เร่งเร็วขึ้นและมีทิศทางมุ่งตรงไปยังเขตไซบีเรียของรัสเซีย
|
thailand-42971589
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-42971589
|
สมาคมกรรมการบริษัทไทยชี้ ล่าสัตว์ เป็นเรื่อง จรรยาบรรณผู้บริหาร เปรมชัย ต้องชี้แจง บริษัท
|
ภาพถ่ายนายเปรมชัย กรรณสูต (นั่งตรงกลาง) ขณะที่ถูกเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรจับกุมตัว ดร. บัณฑิต นิจถาวร กรรมการผู้อำนวยการสถาบันกรรมการบริษัทไทย แสดงความคิดเห็นในเรื่องนี้ว่า เป็นพฤติกรรมส่วนตัวที่อาจจะไม่ได้ ปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งคงต้องรับผิดชอบไปตามกระบวนการยุติธรรม อย่างไรก็ตาม ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับบริษัทจดทะเบียนในฐานะที่เป็นกรรมการผู้จัดการ ก็ต้องชี้แจงเรื่องนี้ให้คณะกรรมการของบริษัททราบ เพื่อให้คณะกรรมการบริษัทพิจารณาดำเนินการตามนโยบายการกำกับดูแลกิจการของบริษัท และข้อกำหนดจรรยาบรรณ ผู้บริหารและพนักงานของบริษัท "แม้เรื่องที่เกิดขึ้นจะเป็นเรื่องส่วนบุคคล แต่ก็มีประเด็นที่อาจกระทบคะแนนประเมิน CGR ของบริษัทได้ เช่น การคำนึงถึงผู้มีส่วนได้เสีย ซึ่งรวมถึงสิ่งแวดล้อม และข่าวด้านการกำกับดูแลกิจการของบริษัท โดย IOD จะนำข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นมาพิจารณาประกอบการประเมินคะแนนในปีนี้" ดร. บัณฑิต ระบุ CGR หรือ Corporate Governance Report เป็นรายงานการกำกับดูแลกิจการบริษัทในตลาดหลักทรัพย์ ที่ IOD จัดทำขึ้น เพื่อประเมิน 5 เรื่อง คือ สิทธิของผู้ถือหุ้น การปฏิบัติต่อผู้ถือหุ้นอย่างเท่าเทียมกัน การคำนึงถึงบทบาทของผู้มีส่วนได้เสีย การเปิดเผยข้อมูลและความโปร่งใส และ ความรับผิดชอบของคณะกรรมการ อิตาเลียนไทยฯ ได้คะแนนประเมินรวม 4 ดาว จากคะแนนเต็ม 5 ดาว ในรายงาน CGR เมื่อปี 2560 ไอโอดี เป็นองค์กรอิสระที่เน้นการพัฒนาคุณภาพความเป็นมืออาชีพและความโปร่งใส ของกรรมการบริหารบริษัท โดยเฉพาะบริษัท ที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ โดยเน้นส่งเสริมให้เกิดการกำกับดูแลกิจการที่ดีในประเทศไทย ก่อตั้งขึ้นโดยการสนับสนุนของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ธนาคารแห่งประเทศไทย มูลนิธิกองทุนพัฒนาระบบตลาดทุน และธนาคารโลก (World Bank) ก.ล.ต ชี้เป็นเรื่องส่วนตัว นายปริย เตชะมวลไววิทย์ ผู้อำนวยการฝ่ายสื่อสารองค์กรและส่งเสริมความรู้ผู้ลงทุน สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) แถลงเมื่อวันที่ 6 ก.พ. ว่ากรณีดังกล่าวเป็นเรื่องส่วนตัว แต่เมื่อพิจารณาจากการเป็นผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน (บจ.) นั้น ตามกฎหมายหลักทรัพย์ฯ คุณสมบัติของผู้บริหารบริษัทจดทะเบียน จะพิจารณาในเรื่องการบริหารงาน ความซื่อสัตย์สุจริต และความเป็นมืออาชีพในการดำเนินกิจการของบริษัทจดทะเบียนเป็นหลัก ซึ่งในเบื้องต้น ยังไม่พบว่ามีส่วนใดเกี่ยวข้องกับการบริหารงาน ของบริษัทจดทะเบียน ดร. บัณฑิต นิจถาวร ความเห็นของผู้บริหารจากไอโอดีและ กลต. มีขึ้นภายหลังจากข่าว นายเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารและ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ. อิตาเลียนไทยฯ พร้อมพวกอีก 3 คนถูกควบคุมโดยพนักงานสอบสวน สภ.ทองผาภูมิ หลังเจ้าหน้าที่พบคณะของนายเปรมชัย ลักลอบตั้งแคมป์พักแรม ในจุดบริเวณห้วยปะชิ อยู่ระหว่างหน่วยฯ ทิคอง กับหน่วยฯ มหาราช ซึ่งเป็นจุดที่ เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกไม่อนุญาตให้ตั้งแคมป์ ซึ่งได้รับการประกันตัวคนละ 150,000 บาท และได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวในขณะนี้ระหว่างขั้นตอนการสอบสวน ภาครัฐคือลูกค้ารายใหญ่ สำหรับ บมจ. อิตาเลียนไทยฯ มีมูลค่าตลาดราว 2 หมื่นล้านบาท เป็นบริษัทก่อสร้างใหญ่เป็นอันดับ 3 ในหมวดบริษัทรับเหมาก่อสร้างในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย รองจาก บมจ. ช.การช่าง และ ซิโน-ไทย เอ็นจีเนียริ่งแอนด์คอนสตรัคชั่น ซึ่งที่ผ่านมาได้รับผิดชอบโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ของหน่วยงานรัฐหลายโครงการ บริษัทนี้ก่อตั้งโดยกลุ่มนายแพทย์ชัยยุทธ กรรณสูต ชาวไทย และ Mr. Giorgio Berlingieri ชาวอิตาเลียนเมื่อปี 2528 ขณะนี้ผู้ที่ถือหุ้นใหญ่ที่สุดก็คือคนในครอบครัว กรรณสูต โดย นายเปรมชัยถือหุ้นสูงสุดถึง 785,494,526คิดเป็นร้อยละ 14.88 (ข้อมูลจากเว็บไซต์ กลต. เมื่อ 31 มี.ค. 2560) จากรายงานประจำปี 2559 ของบริษัทฯ ระบุว่า เมื่อวันที่ 31 ธ.ค. 2559 ลูกค้าหลักของบริษัท คือ ภาครัฐ ซึ่งหากพิจารณาจากมูลค่างานที่มีอยู่ในส่วนนี้ คิดเป็น 53.4% ขณะที่มูลค่าของงานที่อยู่ในภาคเอกชนอยู่ที่ 46.6% แต่หากพิจารณาจากสัดส่วนในและต่างประเทศ นั้นมูลค่าลูกค้าในประเทศยังมีสัดส่วนสูง 59.7% ขณะที่อยู่ในภาคเอกชน 40.3% ที่มา: บีบีซีไทยรวบรวม โครงการก่อสร้างบีทีเอสเป็นหนึ่งในโครงการรัฐที่ บมจ. อิตาเลียนไทยรับผิดชอบก่อสร้าง นอกจากโครงการที่ได้ลงนามกับภาครัฐและเอกชนไปแล้ว และยังคงดำเนินการอยู่ในขณะนี้แล้ว บมจ. อิตาเลียนไทย ฯ ยังมีแผนที่จะประมูลโครงการรัฐอย่างต่อเนื่อง โดยเว็บไซต์หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ รายงานว่า บริษัทฯ ดังกล่าวเตรียมจะเข้าประมูลรถไฟทางคู่ 9 เส้นทาง เป็นมูลค่า 400,000 ล้านบาท ซึ่งหนังสือพิมพ์ฉับับดังกล่าวรายงานว่า บริษัทดังกล่าว ได้งานไปแล้ว 3 สัญญา คิดเป็นมูลค่า กว่า 22,600 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมี โครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงใต้ สายสีส้ม มูลค่าอีก 200,000 ล้านบาท และยังมีโครงการเกี่ยวข้องทางน้ำอีกหลายโครงการ พลังสังคมโต้กลับ ส่วนความเคลื่อนไหวในสื่อสังคมออนไลน์หลังเกิดกรณี "ทุ่งใหญ่ 2" นายอรรถกร ลิมปรุ่งพัฒนกิจ ได้ตั้งแคมเปญรณรงค์ "ร่วมกันบอยคอตบริษัทไทยอิตาเลียน คดีล่าสัตว์ป่าในทุ่งใหญ่นเรศวรของประธานบริษัท 6 ข้อหา" ในเว็บไซต์ change.org ตั้งแต่วานนี้ (6 ก.พ.) ปรากฏว่าจนถึงเวลา 13.00 น. ของวันที่ 7 ก.พ. มีประชาชนกว่า 18,600 คนร่วมลงชื่อแล้ว ทั้งที่ผู้รณรงค์ตั้งเป้ารวบรวมรายชื่อให้ได้ 5,000 รายชื่อ และไปเสนอแก่กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และนายศศิน เฉลิมลาภ เลขาธิการมูลนิธิสืบนาคะเสถียร เพื่อให้ผลักดันมาตรการคว่ำบาตร หรือมาตรการลงโทษแก่ธุรกิจของนายเปรมชัย นายเอ็ดวิน วิค ผู้ก่อตั้งมูลนิธิเพื่อนสัตว์ป่า กล่าวว่า แม้ว่ากรณีของนายเปรมชัยจะมีพยานแน่นมากๆ แต่ตนเป็นห่วงว่าคดีนี้จะไปไม่ถึงไหนแน่นอน เนื่องจากมองว่ากระบวนยุติธรรมของประเทศไทยมีสองมาตรฐานระหว่างคนดัง คนรวย และคนจน "แค่เก็บเห็ดในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ยังโดนจำคุก 5 ปี อยากจะรู้ว่าการล่าสัตว์จะหนักกว่านั้นไหม" นายเอ็ดวินกล่าว พบปืนจำนวนมากพร้อมงาช้าง ด้านความคืบหน้าในวันนี้ สื่อหลายสำนักให้ความสนใจเกี่ยวกับการเข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้บริหาร บมจ. อิตาเลียนไทยฯ โดยเมื่อเวลาประมาณ 12.00 น. พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ปทส.) ตำรวจภูธรภาค 7 และเจ้าหน้าที่กรมอุทยานฯ นำหมายศาลเข้าตรวจค้นบ้านของนายเปรมชัย กรรณสูต บ้านเลขที่ 12/1, 12/2 และ 12/3 ซอยศูนย์วิจัย 3 แขวงบางกะปิ เขตห้วยขวาง กรุงเทพมหานคร สำนักข่าวไทยรายงานว่า พล.ต.อ. ศรีวราห์ ได้สั่งอายัดอาวุธปืนทั้งหมดที่ตรวจค้นพบ 43 กระบอก แบ่งเป็นปืนยาว 41 กระบอก (ทั้งประเภทปืนลูกซองและปืนไรเฟิล) และปืนพกสั้น 2 กระบอก พร้อมกับกระสุนปืนชนิดต่างๆ เกือบ 2,000 นัด ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่จะนำอาวุธดังกล่าวไปตรวจสอบทะเบียนการครอบครองรวมถึงดีเอ็นเอลายนิ้วมือหาความเชื่อมโยง เนื่องจากนายเปรมชัยมีพฤติการณ์เป็นคนชอบล่าสัตว์ ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจพบงาช้างอีก 2 คู่ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะนำไปตรวจสอบทางนิติวิทยาศาสตร์ว่าเป็นช้างไทยหรือไม่ นอกจากการตรวจสอบบ้านทั้ง 3 หลังของนายเปรมชัยในกรุงเทพมหานครแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจและทหารได้สนธิกำลังกันเพื่อเข้าตรวจค้นในหลายพื้นที่ในวันนี้ ประกอบด้วย บ้านพักของนายเปรมชัยใน จ.ราชบุรี จ.นครราชสีมา และจ.กาญจนบุรี รวมทั้งร้านอาหารสองแห่งที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับผู้บริหารคนดังกล่าว คาดว่าอาจจะมีการนำชิ้นส่วนของสัตว์ป่ามาใช้ในการประกอบอาหาร ได้แก่ ร้านแซ่บอีสาน และท่าทุ่งนา แต่ไม่พบสิ่งที่ผิดกฎหมาย
|
หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานส่งเสริมจริยธรรมและพัฒนาผู้บริหารของไทยเห็นพ้องว่า "กรณีทุ่งใหญ่นเรศวร" ยังคงเป็นเรื่องส่วนตัว โดยผู้บริหารสถาบันกรรมการบริษัทไทย หรือ ไอโอดี ระบุว่าต้องชี้แจงบอร์ดบริหารเพราะเกี่ยวกับเรื่องจรรยาบรรณผู้บริหาร แต่สังคมเรียกร้องให้บอยคอตอิตาเลียนไทย
|
international-44817748
|
https://www.bbc.com/thai/international-44817748
|
ศาลสหรัฐฯ สั่งจอห์นสันฯ จ่ายกว่า 1.5 ล้านล้านบาทให้ผู้ป่วยมะเร็งหญิง
|
จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน กล่าวว่าความปลอดภัยของแป้งทัลคัม ได้รับการยืนยันด้วยหลักฐานทางวิทยาศาสตร์และการศึกษาหลายสิบปี คณะลูกขุนที่ศาลรัฐมิสซูรี ของสหรัฐฯ มีคำตัดสินให้บริษัทฯ จ่ายเงินเป็นค่าชดเชยจำนวน 550 ล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1.8 หมื่นล้านบาท) และอีก 4.1 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐฯ (ราว 1.36 ล้านล้านบาท) เป็นค่าเสียหายเชิงลงโทษ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ยังคงต่อสู้ทางกฎหมายในอีกกว่า 9,000 คดี ที่เกี่ยวข้องกับแป้งเด็กแบรนด์ดัง บริษัทเวชภัณฑ์ยักษ์ใหญ่ กล่าวว่า "ผิดหวังอย่างมาก" กับคำตัดสินของศาลในครั้งนี้ และวางแผนจะอุทธรณ์ต่อไป ระหว่างการพิจารณาคดีที่ใช้เวลานานถึง 6 สัปดาห์ ผู้หญิงหลายคนและสมาชิกในครอบครัว กล่าวว่า พวกเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งรังไข่หลังจากใช้แป้งเด็กและผลิตภัณฑ์ที่มีสารทัลค์ (Talc) เป็นเวลาหลายสิบปี ผู้หญิง 6 คน จากทั้งหมด 22 คนที่ศาลตัดสินให้ได้รับการชดเชยค่าเสียหาย ได้เสียชีวิตไปก่อนหน้านี้ ด้วยโรคมะเร็งรังไข่ ทนายของพวกเธอกล่าวหาว่า จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน รู้ว่าสารทัลค์ที่ใช้ในแป้งทาตัวของบริษัทนั้นปนเปื้อนด้วยสารแอสเบสโทส ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง มาตั้งแต่ทศวรรษ 1970 แต่ไม่ได้เตือนให้ผู้บริโภครับทราบถึงความเสี่ยง ผู้หญิงหลายพันคนอ้างว่าเป็นมะเร็งเพราะใช้ผลิตภัณฑ์ของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน บริเวณอวัยวะเพศ "กระบวนการที่ไม่ยุติธรรม" สารทัลค์ เป็นสารอนินทรีย์ ซึ่งบางครั้งสามารถพบได้ในดินที่อยู่ใกล้กับแร่ใยหินแอสเบสโทส จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ปฏิเสธว่าสินค้าของบริษัทไม่มีสารแอสเบสโทสเจอปน พร้อมยืนยันว่าแป้งและผลิตภัณฑ์ของพวกเขาไม่ได้ก่อให้เกิดโรคมะเร็ง บริษัทเวชภัณฑ์รายใหญ่ของสหรัฐฯ ระบุเพิ่มเติมด้วยว่า มีงานวิจัยหลายชิ้นที่พิสูจน์ว่าสารทัลค์นั้นปลอดภัยต่อมนุษย์ และคำตัดสินครั้งนี้เป็นผลจาก "กระบวนการที่ไม่ยุติธรรม" สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐฯ หรือ เอฟดีเอ (FDA) เคยสั่งให้มีการศึกษาตัวอย่างสารทัลค์ในหลายผลิตภัณฑ์ที่วางขายในประเทศ ระหว่างปี 2009-2010 และไม่พบสารแอสเบสโทสแต่อย่างใด ทนายฝ่ายโจทก์ได้บอกกับศาลรัฐมิสซูรีว่า เอฟดีเอ และ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ได้ใช้วิธีทดสอบที่มีข้อบกพร่อง สำนักงานใหญ่ บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน อยู่ที่เมืองนิวบรันส์วิก รัฐนิวเจอร์ซีย์ ประเทศสหรัฐฯ ด้าน Ovacome องค์กรการกุศลเพื่อผู้ป่วยมะเร็งรังไข่ในสหราชอาณาจักร ซึ่งได้ทำการศึกษาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ระบุว่า ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชี้ชัดถึงความเชื่อมโยงกันระหว่างแป้งทัลคัมกับมะเร็งรังไข่ และในกรณีเลวร้ายที่สุด การใช้สารทัลค์อาจเพิ่มความเสี่ยงเป็นมะเร็งรังไข่ขึ้นราว 1 ใน 3 คำตัดสินที่สร้างสถิติใหม่ คำตัดสินดังกล่าว นับเป็นคำสั่งให้ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จ่ายค่าเสียหายเป็นจำนวนสูงที่สุดนับตั้งแต่บริษัทถูกกล่าวในกรณีนี้ อย่างไรก็ตาม ค่าเสียหายเชิงลงโทษ มักถูกลดลงในการพิจารณาของศาลอุทธรณ์ และ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ก็เคยประสบความสำเร็จในการอุทธรณ์กลับคำพิพากษามาแล้วหลายครั้ง โดยในการอุทธรณ์บางครั้ง ทนายฝ่ายจำเลย ได้อาศัยการทักท้วงในประเด็นเชิงเทคนิคของการพิจารณาคดี เมื่อปีที่แล้ว คณะลูกขุนที่ศาลในรัฐแคลิฟอร์เนีย มีคำตัดสินให้บริษัทจ่ายเงินชดเชยมูลค่า 417 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.38 หมื่นล้านบาท) แก่ผู้หญิงคนหนึ่งที่ยื่นฟ้องว่าป่วยเป็นโรคมะเร็งรังไข่ หลังจากใช้ผลิตภัณฑ์แป้งเด็กของจอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน อย่างไรก็ตาม ผู้พิพากษาได้กลับคำตัดสินดังกล่าวในเวลาต่อมา ขณะที่อีกหลายคดียังไม่ได้รับการตัดสิน ในจำนวนผู้หญิงทั้งหมด 22 คนที่เป็นโจทก์ยื่นฟ้องคดีนี้ หลายคนอาศัยอยู่นอกรัฐมิสซูรี และการนำเสนอกรณีของพวกเธอรวมกันต่อศาลในครั้งเดียวกันนี้ จะเป็นหนึ่งในประเด็นที่ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน สามารถทักท้วงในการอุทธรณ์ จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน ระบุว่า คำตัดสินลงโทษของศาลแห่งนี้ที่ผ่านมา ล้วนได้ถูกอุทธรณ์และกลับคำพิพากษาทั้งหมด นอกจากนี้ "การพิจารณาคดีครั้งนี้ยังมีข้อผิดพลาดมากกว่าในคดีที่ผ่าน ๆ มา"
|
ศาลสหรัฐฯ มีคำสั่งให้ บริษัทเวชภัณฑ์จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน จ่ายเงินชดเชยมูลค่า 4.7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 1.56 ล้านล้านบาท) แก่ผู้หญิง 22 คน ที่ยื่นฟ้องว่าผลิตภัณฑ์แป้งเด็กของบริษัทฯ ทำให้พวกเธอป่วยเป็นโรคมะเร็งรังไข่
|
features-46984463
|
https://www.bbc.com/thai/features-46984463
|
สกัดสารให้รส "อูมามิ" จากเนื้อปลาปักเป้า เล็งใช้ทำอาหารได้ไม่เสี่ยงถูกพิษ
|
ปลาปักเป้าพองตัวสู้ ขณะที่พ่อครัวเตรียมนำไปประกอบอาหาร ความต้องการลิ้มรสเนื้อปลาปักเป้าที่แสนอร่อย ต้องถูกขัดขวางด้วยความเสี่ยงสัมผัสพิษ Tetrodotoxin ที่มีอยู่ในตับ รังไข่ ลูกตา และหนังปลา จนหลายคนรู้สึกกล้า ๆ กลัว ๆ ที่จะกินปลาชนิดนี้ แต่ล่าสุดทีมนักวิทยาศาสตร์นานาชาติจากมหาวิทยาลัยเซี่ยงไฮ้เจียวทงของจีน และมหาวิทยาลัยนอตติงแฮมของสหราชอาณาจักร สามารถค้นพบและสกัดสารให้รสอร่อยหรือ "อูมามิ" ในเนื้อปลาปักเป้าออกมาได้แล้ว ซึ่งในอนาคตจะใช้เป็นต้นแบบในการสังเคราะห์สารให้รสปลาปักเป้า เพื่อนำไปปรุงอาหารที่รับประทานได้อย่างปลอดภัย ไม่ต้องเสี่ยงถูกพิษร้ายแรงกันอีกต่อไป ทีมนักวิทยาศาสตร์มองหาสารประกอบที่ให้รสอูมามิในปลาปักเป้าสายพันธุ์ Takifugu obscurus ซึ่งพบได้ทั่วไปในแถบทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ โดยบดเนื้อเยื่อส่วนกล้ามเนื้อของปลาให้ละเอียด ทำให้สุกก่อนนำไปกรองและเข้าเครื่องหมุนเหวี่ยงสร้างแรงหนีศูนย์กลาง (Centrifuge) เพื่อให้ได้สารสกัดเนื้อปลาปักเป้าที่เป็นของเหลว ผลการวิเคราะห์สารสกัดดังกล่าว พบสารประกอบที่สามารถให้รสได้ 28 ชนิด ในจำนวนนี้ 12 ชนิดซึ่งรวมถึงกรดอะมิโนอิสระ นิวคลีโอไทด์ และไอออนของสารอนินทรีย์ ได้ผ่านการทดสอบจากคณะกรรมการที่เป็นนักชิมรสชาติมืออาชีพแล้วว่า สามารถกระตุ้นการสร้างรสที่เหมือนกับเนื้อปลาปักเป้าขึ้นได้จริง โดยให้ทั้งรสอูมามิและรสชาติที่เข้มข้นหรือ "โคคุมิ" มากเป็นพิเศษ เนื้อปลาปักเป้าดิบแล่เป็นชิ้นบาง ถือว่าเป็นอาหารเลิศรสชนิดหนึ่ง ทีมผู้วิจัยคาดว่า หากมีการพัฒนาสารสังเคราะห์ที่ให้รสเนื้อปลาปักเป้านี้ต่อไป จนมีความใกล้เคียงกับของจริงมากที่สุด จะช่วยให้ผู้ที่หลงใหลในรสชาติของปลาชนิดนี้สามารถลิ้มรสของมันได้ โดยไม่ต้องเสี่ยงอันตรายอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม สื่อมวลชนของญี่ปุ่นบางสำนักรายงานว่า คนบางกลุ่มต้องการลิ้มรสปลาปักเป้าเพราะชื่นชอบความรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เผชิญความเสี่ยง บางคนเสาะหาอวัยวะของปลาส่วนที่มีพิษมากินในปริมาณเล็กน้อย เพราะติดใจความรู้สึกเจ็บแปลบเหมือนเข็มแทงเบา ๆ ที่ริมฝีปาก ซึ่งเกิดจากการสัมผัสพิษนั่นเอง ทั้งนี้ สารพิษ Tetrodotoxin ในปลาปักเป้า เป็นสารพิษทำลายระบบประสาท หลังได้รับพิษประมาณ 20 นาทีถึง 3 ชั่วโมง จะทำให้อาเจียน หายใจขัด กล้ามเนื้อเป็นอัมพาตและเสียชีวิตได้
|
ปลาปักเป้าที่มีพิษร้ายแรงถึงชีวิต กลับเป็นอาหารจานโปรดที่มีราคาแพงในญี่ปุ่นและหลายประเทศในเอเชียตะวันออก ซึ่งจะต้องปรุงโดยผู้เชี่ยวชาญพิเศษที่รู้จักวิธีนำพิษออกและมีใบอนุญาตโดยเฉพาะเท่านั้น แต่ช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมายังคงมีผู้ถูกพิษจากการรับประทานเนื้อปลาปักเป้าอยู่ไม่น้อย
|
thailand-52718193
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-52718193
|
การบินไทย : รัฐบาลสั่ง ก.คลัง ลดสัดส่วนถือหุ้นลงเหลือ 48% ให้ 3 เดือน แผนฟื้นฟูการบินไทยต้องเสร็จ
|
นายวิษณุ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อเย็นวันที่ 21 พ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล หลังการหารือกับนายอุตตม สาวนายน รมว.คลัง และนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ว่าทั้งสองได้มาขอความเห็นว่าจะดำเนินการอย่างไรหลังมติคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 19 พ.ค. ซึ่งเขาได้ขอให้ทั้งสองไปคิดกันต่อ โดยแนวทางเป็นไปตามกฎหมาย "ณ วันนี้ นาทีนี้การบินไทยถือว่ายังเป็นรัฐวิสาหกิจอยู่ และรัฐยังควบคุมอยู่ แต่ถ้าหาก กระทรวงการคลังขายหุ้น 3 % ให้กับผู้อื่นไปสัดส่วนลดลงจาก 51 % จะเหลือ 48 % การบินไทยจะพ้นจากการเป็นรัฐวิสาหกิจ ซึ่งกระทรวงการคลัง และกระทรวงคมนาคมจะไปยุ่งเกี่ยวกับการบินไทยไม่ได้แล้ว เพราะเป็นเพียงผู้ถือหุ้นร่ายใหญ่ ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่ายังมีอีก 52 %ถ้าเขารวมกันติดเขาก็ใหญ่กว่า มันเป็นเหมือนบริษัทมหาชนธรรมดา" นายวิษณุกล่าวกับผู้สื่อข่าว เขาเสริมว่า จากนี้กระทรวงการคลังต้องขายหุ้นในการบินไทย เพื่อลดสัดส่วนหุ้นลง ให้การบินไทยหลุดจากรัฐวิสาหกิจ เป็นบริษัทมหาชน จากนั้นบอร์ดการบินไทยชุดใหม่ที่เกิดจากสัดส่วนการขายหุ้นของกระทรวงการคลังจะไปจัดการกันเอง เพื่อตัดสินใจเข้าสู่แผนฟื้นฟู และเสนอแผนฟื้นฟู กระทรวงการคลังจะไปชักใยอะไรไม่ได้แล้ว ส่วนการเสนอตัวบุคคลที่จะมาเป็นผู้จัดทำแผน กระทรวงการคลังสามารถเสนอชื่อได้ เนื่องจากยังถือหุ้นใหญ่อยู่ ขายหุ้นออก ไม่ต้องขอ ครม. อีก นายวิษณุ กล่าวว่า ครม. ได้อนุญาตให้กระทรวงการคลังขายหุ้น ลดสัดส่วนการถือลงแล้ว ไม่ต้องมาขออนุญาตอีกครั้งเนื่องจากให้พ้นจากความเป็นรัฐวิสาหกิจโดยเด็ดขาด ส่วนการเสนอรายชื่อผู้จัดทำแผนนั้น โดยนิตินัยไม่ต้องเสนอผ่านนายกฯ แต่โดยพฤตินัยกระทรวงการคลังก็ยังถือหุ้นใหญ่ในการบินไทย ต่อจากนี้ไปครม.หรือนายกฯจะมีอะไรก็เป็นการสั่งกระทรวงการคลัง ไม่ใช่สั่งการบินไทยอีกต่อไป ในเรื่องจำนวนสมาชิกของคณะผู้จัดทำแผนจะต้องมี 15 คนตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่าไม่มีใครตอบได้ว่าตัวเลข 15 คนนี้มาจากไหน อาจเป็น 20 คน 30 คนหรือ 40 คนก็ได้ ซึ่งบอร์ดใหม่ของการบินไทยจะเป็นผู้เสนอ 3 เดือนเห็นแผน เมื่อถามย้ำว่าจะต้องใช้ระยะเวลาอีกนานหรือไม่กว่าจะไปถึงขั้นตอนการได้บุคคลที่จะเข้ามาบริหารแผนฟื้นฟูการบินไทยนั้น นายวิษณุ กล่าวว่า ใช้เวลานานไม่ได้อยู่แล้ว ประมาณ 3 เดือนจะต้องได้ผู้บริหารแผนฟื้นฟู ซึ่งอาจจะเร็วกว่า 3 เดือนก็ได้ เมื่อเข้าสู่คดีล้มละลายก็เป็นเรื่องระหว่างศาลกับเจ้าหนี้ บางครั้งอาจเป็นลูกหนี้ด้วย เบื้องต้นลูกหนี้ต้องไปจัดทำแผนและนำมาให้เจ้าหนี้ดูว่ายอมรับหรือไม่ ถ้าเจ้าหนี้ไม่ยอมรับก็ล้ม แต่ถ้าเจ้าหนี้ยอมรับก็ส่งให้ศาล ถ้าศาลยอมรับก็เดินหน้า แต่ถ้าศาลไม่ยอมรับก็ล้ม อย่างไรก็ตาม นายกฯในฐานะถืออำนาจฝ่ายผู้ถือหุ้นใหญ่ คือ กระทรวงการคลัง นายกฯจะเอารายชื่อผู้จัดทำแผนตามที่บอร์ดการบินไทยใหม่เสนอหรือไม่ เป็นเรื่องที่บอกกระทรวงการคลังไปก็ต้องทำตาม และขึ้นอยู่กับเจ้าหนี้ด้วย ครม. ว่าอย่างไรเมื่อ 19 พ.ค. ครม. ได้เห็นชอบตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอเพื่อเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการ บริษัทการบินไทย จำกัด (มหาชน) ตาม พ.ร.บ.ล้มละลาย โดยการยื่นขอฟื้นฟูกิจการจะดำเนินการโดยศาลล้มละลายกลาง "มันเป็นการตัดสินใจที่ยากลำบาก แต่ทั้งนี้ เป็นการตัดสินใจที่ผมรู้ว่าจะเป็นประโยชน์กับประเทศชาติและประชาชน โดยปัญหาการบินไทยทุกคนทราบอยู่แล้วว่ามีหนี้สินจำนวนมาก และมี 3 แนวทาง คือ 1.หาเงินให้การบินไทยดำเนินการต่อ 2.ให้เข้าสู่สถานะการล้มละลาย 3.เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของศาล" นายกรัฐมนตรีกล่าว พล.อ.ประยุทธ์ยอมรับว่า การฟื้นฟูที่ผ่านมาไม่ได้มีประสิทธิภาพมากนัก เพราะมีข้อกฎหมายหลายอย่าง ทั้ง พ.ร.บ.แรงงาน และพ.ร.บ.รัฐวิสาหกิจ ส่งผลให้วันนี้จำเป็นต้องหามาตรการที่เหมาะสม ในเวลาต่อมานายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมแถลงข่าวรายละเอียดเพิ่มเติมถึงมติครม.ดังกล่าว ในจำนวนนั้นคือ การกำหนดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังลดลงให้น้อยกว่า 50% ซึ่งจะทำให้การบินไทยหลุดพ้นการเป็นรัฐวิสาหกิจโดยเด็ดขาด เข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของศาล ดีที่สุด โดยวันนี้ครม. ได้พิจารณาร่วมกับ คนร. โดยใช้ทางเลือกที่ 3 คือ การเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูของศาล ซึ่งเป็นแนวทางที่ดีที่สุด และมีขั้นตอนอีกหลายขั้นตอน เพื่อแก้ปัญหาภายในองค์กร และประกอบการต่อไปเพื่อให้ฟื้นฟูขึ้นมาอย่างที่วาดหวัง "วันนี้ถึงเวลาแล้วที่จะต้องกล้าเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู โดยการยื่นเข้าสู่กระบวนการต่อศาล โดยได้หารือกันอย่างรัดกุม โดยช่วงเวลานี้ที่ประเทศไทย และทั้งโลกกำลังเผชิญภาวะวิกฤต รายได้หายไป กับหายนะโควิด ดังนั้นเราต้องรักษาเงินตราของประเทศเอาไว้ เพื่อใช้ในการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนในช่วงเวลาข้างหน้าต่อจากนี้ ทั้งเกษตรกรที่ตกทุกข์ได้ยาก ผู้ประกอบการเอสเอ็มอี ที่เผชิญภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ ช่วยเหลือคนหาเช้ากินค่ำ อาชีพอิสระด้วย"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว นายกรัฐมนตรีกล่าวอีกว่า การตัดสินใจเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟู โดยไม่ปล่อยให้การบินไทยล้มละลาย ซึ่งอาจทำให้พนักงานมากกว่า 20,000 คนถูกลอยแพ พวกเราคงไม่อยากให้เกิดเหตุการณ์เช่นนั้น ดังนั้น รัฐบาลพร้อมสนับสนุนการดำเนินการเต็มที่ เพื่อให้ดำเนินกิจการต่อไปได้ แม้จะไม่ได้รับเงินจากรัฐบาล เปิดทางมืออาชีพมาฟื้นฟู "ขอให้การบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูภายใต้คำสั่งของศาล โดยศาลจะพิจารณาแต่งตั้งมืออาชีพเข้ามาบริหารฟื้นฟูการบินไทย ผมคาดหวังเช่นเดียวกันว่า เมื่อมีมืออาชีพมาบริหาร ดูแลการฟื้นฟู การบินไทยจะกลับมาเป็นสายการบินแห่งชาติ ที่คนไทยเคยภาคภูมิใจ และกลับมาเป็นองค์กรที่สร้างความรุ่งเรืองให้กับประเทศไทยได้"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว นายกรัฐมนตรี กล่าวเพิ่มเติม วิธีการดังกล่าว ถือเป็นวิธีการเดียว ที่จะทำให้การบินไทยจะยังคงสามารถประกอบกิจการและดำเนินการต่อได้ พนักงานการบินไทยจะมีงานทำต่อไป ด้านการปรับโครงสร้าง ของการบินไทยควรทำสำเร็จจะเกิดขึ้นด้วย ในการเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูนี้ ส่วนรายละเอียดต่างๆ จะเป็นไปตามที่ศาลกำหนด และจะมีการแจ้งให้ทราบต่อไป โดยให้กระทรวงคมนาคมแถลงในรายละเอียดให้ทราบอีกครั้งต่อไป "หวังว่า การช่วยเหลือครั้งนี้ จะช่วยให้การบินไทยกลับมาเป็นสายการบินที่กลับมาแข็งแกร่งได้อีกครั้ง"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว ที่มา : ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย สหภาพฯ ค้านการลดสัดส่วนของ ก.คลัง กลุ่มสหภาพแรงงานออกแถลงการณ์ ไม่เห็นด้วยในการลดสัดส่วนการถือหุ้นของกระทรวงการคลังและจะคัดค้านจนถึงที่สุด โดยพวกเขาให้เหตุผลว่า อาจส่งผลให้เจ้าหนี้ยื่นคัดค้านการร้องขอต่อศาลในการขอฟื้นฟูกิจการ โดยอาศัยบทบัญญัติในกฎหมายล้มละลายได้ เนื่องจากการที่บริษัทฯ สามารถออกหุ้นกู้ และ/หรือขอกู้เงินจากสถาบันการเงิน ทั้งในและต่างประเทศ เจ้าหนี้และนักลงทุนมีความเชื่อมั่นในบริษัทฯ ได้ก็โดยอาศัยสถานะความเป็นรัฐวิสาหกิจของบริษัทฯ ดังนั้นการลดสัดส่วนหุ้นของกระทรวงการคลัง ในช่วงที่บริษัทฯ กำลังจะเข้าแผนฟื้นฟูฯ จึงเป็นการทำลายความเชื่อมั่นของบริษัทฯ ในสายตาของเจ้าหนี้และนักลงทุน นอกจากนี้ สหภาพฯ ยังระบุอีกว่า การลดสัดส่วนหุ้นของกระทรวงการคลังลงเหลือต่ำกว่า 50% จะส่งผลทำให้สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจการบินไทยถูกยุบไปตามกฎหมาย (พ.ร.บ.แรงงานรัฐวิสาหกิจสัมพันธ์ 2543) ซึ่งจะส่งผลทำให้พนักงานของบริษัทฯ ไม่ได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายคุ้มครองแรงงานในช่วงการดำเนินการตามแผนฟื้นฟูฯ อย่างไรก็ตาม ในแถลงการณ์ของสหภาพฯ ได้ระบุว่าเห็นด้วยกับข้อเสนอให้เสนอบริษัทการบินไทย ใช้กระบวนการฟื้นฟูกิจการ ตามกระบวนการศาลล้มละลายกลาง เพราะจะส่งผลดีกับ บมจ. การบินไทยที่จะสามารถฟื้นฟูได้จริงและสามารถกลับมาดำเนินธุรกิจได้อย่างมีประสิทธิภาพและผลกำไรดีกว่าเดิม ทริสเรทติ้งปรับลดอันดับความน่าเชื่อถือลงอีก หลังทราบมติ ครม. ทริสเรทติ้ง องค์กรจัดอันดับความน่าเชื่อถือของบริษัท ลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ "C" จากเดิมที่ระดับ "BBB" และยังคง "เครดิตพินิจ" แนวโน้ม "Negative" หรือ "ลบ" โดยอันดับเครดิตที่ถูกปรับลดลงสะท้อนความคาดการณ์ที่บริษัทจะพักชำระหนี้ ที่อนุมัติให้บริษัทการบินไทยยื่นขอฟื้นฟูกิจการ ต่อศาลล้มละลายกลาง เมื่อศาลล้มละลายกลางรับพิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการจะส่งผลให้บริษัทการบินไทยเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูกิจการของศาลล้มละลายกลางโดยบริษัท จะพักชำระหนี้ (Automatic Standstill) เจ้าหนี้ทุกรายตามกฎหมาย ซึ่งหมายถึงบริษัทการบินไทยจะหยุดชำระหนี้จนกว่าแผนฟื้นฟูกิจการ จะได้รับการเห็นชอบจากทุกฝ่าย ทั้งนี้ เมื่อเกิดการพักชำระหนี้ตามกระบวนการของศาล หรือมีการผิดนัดชำระหนี้อื่นใดก่อนหน้านั้น อันดับเครดิตของบริษัทจะได้รับการปรับลดลงสู่ระดับ "D" หรือ "Default" ทริสเรทติ้งคง "เครดิตพินิจ" แนวโน้ม "Negative" หรือ "ลบ" สำหรับอันดับเครดิตองค์กรและตราสารหนี้ของบริษัทการบินไทยโดยสะท้อนถึงความเป็นไปได้ที่อันดับเครดิตของบริษัทจะถูกปรับลดลงสู่ระดับ "D" ก่อนหน้า เมื่อสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ทริสเรทติ้ง ได้ลดอันดับเครดิตองค์กรและหุ้นกู้ไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีหลักประกันของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เป็นระดับ "BBB" จากเดิมที่ระดับ "A" โดยอันดับเครดิตที่เปลี่ยนไปสะท้อนถึงความไม่แน่นอนที่เพิ่มสูงขึ้นและความมั่นใจของทริสเรทติ้งว่ารัฐบาลจะให้การสนับสนุนการชำระหนี้แก่บริษัทลดลง "ทริสเรทติ้งเชื่อว่าบริษัทจะยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลต่อไปในฐานะที่เป็นรัฐวิสาหกิจ แต่การพิจารณาที่จะให้บริษัทการบินไทยยื่นขอปรับโครงสร้างธุรกิจผ่านศาลล้มละลายได้ลดทอนความเชื่อมั่นของทริสเรทติ้งที่รัฐบาลจะให้ความช่วยเหลือที่จำเป็นเพื่อให้บริษัทสามารถชำระหนี้ทั้งหมดได้ตามกำหนด ในขณะที่การปรับโครงสร้างธุรกิจของบริษัทโดยผ่านกระบวนการทางศาลซึ่งจะเป็นวิธีการหนึ่งที่จะเปลี่ยนแปลงรูปแบบการดำเนินธุรกิจของบริษัทนั้นจะสร้างความเสียหายต่อเจ้าหนี้และความน่าเชื่อถือของบริษัท"
|
หลังหารือร่วม คลัง-คมนาคม-ทำเนียบ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ระบุ คลังต้องลดสัดส่วนถือหุ้นลง 3% เหลือ 48% เพื่อให้พ้นสภาพการเป็นรัฐวิสาหกิจ
|
international-41395580
|
https://www.bbc.com/thai/international-41395580
|
บีบีซีเปิดบริการข่าวสารภาคภาษาเกาหลีแล้ว
|
การขยายบริการข่าวสารในภาคภาษาเกาหลี เป็นหนึ่งในโครงการขยายบริการข่าวสารเพิ่มเติมใน 12 ภาษา ซึ่งบีบีซีได้รับทุนสนับสนุนจากรัฐบาลสหราชอาณาจักรมูลค่า 291 ล้านปอนด์สำหรับโครงการดังกล่าว นางฟรานเชสกา อันส์เวิร์ธ ผู้อำนวยการบีบีซีภาคบริการโลก ระบุว่า การเปิดให้บริการข่าวสารภาคภาษาเกาหลีมีจุดมุ่งหมายเพื่อเข้าถึงผู้รับข่าวสารในเกาหลีเหนือเป็นหลัก เนื่องจากรัฐบาลเกาหลีเหนือปิดกั้นประชาชนไม่ให้เข้าถึงข่าวสารที่ไม่ถูกจำกัดควบคุมและเป็นกลาง "บีบีซีภาคภาษาเกาหลีจะดำเนินงานบนพื้นฐานของความยุติธรรมและเป็นกลาง ตามมาตรฐานของบีบีซีซึ่งได้รับความไว้วางใจมานานจากผู้รับข่าวสารทั่วทุกมุมโลก" ผู้อำนวยการบีบีซีภาคบริการโลกกล่าว บรรยายกาศที่กรุงเปียงยาง ซึ่งบีบีซีตั้งเป้าหมายให้ประชาชนชาวเกาหลีเหนือเข้าถึงข่าวสารที่เป็นกลาง ก่อนหน้านี้ นางอันส์เวิร์ธเปิดเผยกับหนังสือพิมพ์เดอะการ์เดียนว่า บีบีซีมีความกังวลอยู่บ้างในการเปิดบริการข่าวสารภาคภาษาเกาหลีในช่วงเวลาที่สถานการณ์ความตึงเครียดเรื่องเกาหลีเหนือกำลังขึ้นสู่จุดสูงสุด ทั้งยังมีเสียงคัดค้านจากสถานทูตเกาหลีเหนือในกรุงลอนดอนอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งเหล่านี้ยิ่งเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่บีบีซีจะต้องนำข่าวสารที่ถูกต้อง และเป็นกลา งให้เข้าถึงประชาชนเกาหลีเหนือ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีความต้องการข่าวสารจากโลกภายนอกมากที่สุดกลุ่มหนึ่งให้ได้ ผู้สื่อข่าวของบีบีซีภาคภาษาเกาหลี จะปฏิบัติงานโดยประจำการที่กรุงโซลของเกาหลีใต้ รวมทั้งที่กรุงลอนดอนของสหราชอาณาจักร และที่กรุงวอชิงตันของสหรัฐฯ โดยนำเสนอข่าวสารที่หลากหลาย ทั้งข่าวความเคลื่อนไหวประจำวัน ข่าวสารทางธุรกิจ ข่าวกีฬา และประเด็นทางวัฒนธรรม ผู้สื่อข่าวของบีบีซีภาคภาษาเกาหลีบางส่วน จะประจำการที่กรุงโซลของเกาหลีใต้ บีบีซีภาคภาษาเกาหลีจะออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงคลื่นสั้นทุกวันในเวลา 15.30 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (22.30 น. ตามเวลาไทย) และจะออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงคลื่นขนาดกลางในเวลา 16.30 น. ตามเวลามาตรฐานกรีนิช (23.30 น. ตามเวลาไทย) ด้วยเช่นกัน ส่วนข่าวสารภาคภาษาเกาหลีทางออนไลน์ สามารถติดตามได้ที่ www.BBC.com/Korean
|
บีบีซีภาคบริการโลก (BBC World Service) เริ่มเปิดให้บริการข่าวสารในภาคภาษาเกาหลี โดยมีการออกอากาศทางวิทยุกระจายเสียงคลื่นสั้นและคลื่นขนาดกลาง รวมทั้งเผยแพร่ข่าวสารทางเว็บไซต์แล้วในวันนี้ (26 ก.ย.)
|
thailand-43357828
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-43357828
|
"คนอยากเลือกตั้ง" จี้ คสช.ยุติบทบาทช่วงการเลือกตั้ง นัดชุมนุมอีก 24 มี.ค.
|
นักศึกษา นักกิจกรรมและประชาชน ราว 300 คนเข้าร่วมกิจกรรม "รวมพลัง ถอนราก คสช." ที่ตั้งพื้นที่ปราศรัยที่สนามฟุตบอล มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ จัดโดยกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย กลุ่มพลเมืองโต้กลับ กลุ่มประชาธิปไตยศึกษา และเครือข่ายนักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตยและสิทธิมนุษยชน มหาวิทยาลัยเกษตร ซึ่งเป็นกิจกรรมตามโรดแมปของ "คนอยากเลือกตั้ง" ที่จัดครั้งแรกเมื่อวันที่ 27 ม.ค. กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง เริ่มกิจกรรมในวันนี้ ด้วยการตั้งโต๊ะแถลงข่าว ในเวลา 16.35 น.ขีดเส้นการเลือกตั้งต้องมีขึ้นเดือนพฤศจิกายนนี้เท่านั้น พร้อมยื่น 3 เงื่อนไข สู่การเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรม ยุติการสืบทอดอำนาจของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) โดยให้ คสช.ยุติบทบาท รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนสถานะ เป็น รัฐบาลรักษาการ และยกเลิกประกาศ คำสั่ง คสช. ที่ปิดกั้นบรรยาการทางการเมือง ประกาศและคำสั่ง คสช. และหัวหน้า คสช. ที่กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ยื่นคำขาดให้ยกเลิก เนื่องจากจำกัดสิทธิเสรีภาพประชาชนและเป็นอุปสรรคต่อการสร้างบรรยากาศทางการเมืองที่เหมาะสมในการเลือกตั้ง คือ ประกาศ คสช.ที่ 57/2557 ห้ามดำเนินกิจการพรรคการเมือง และคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ห้ามชุมนุมทางการเมืองตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป นายรังสิมันต์ โรม สมาชิกกลุ่มที่เรียกตัวเองว่ากลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย (DRG) กล่าวย้ำจุดยืนของกลุ่มคนอยากเลือกตั้งว่าการเลือกตั้งต้องมีขึ้นในเดือน พ.ย. ปีนี้ แม้เมื่อเร็ว ๆ นี้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จะออกมาประกาศชัดเจนว่าจะจัดเลือกในเดือน ก.พ. ปี 2562 เนื่องด้วยเหตุผลของการประกาศใช้ พรป.ส.ส. ที่ต้องเลื่อนออกไปอีก 3 เดือน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า พล.อ. ประยุทธ์ มีความตั้งใจ ไม่ให้การเลือกตั้งตามที่เคยให้คำมั่นเอาไว้หลายครั้ง นายรังสิมันต์ กล่าวอีกว่า ในห้วงของการเข้าสู่การเลือกตั้งและการกลับไปสู่การเป็นประชาธิปไตยของประเทศ ต้องยุติการดำรงอยู่ คสช. และมีเพียง รัฐบาลรักษาการเท่านั้น พร้อมชี้ว่าที่ผ่านมา การเลือกตั้งก็สามารถจัดขึ้นได้ในรัฐบาลปกติ "เอาทหารออกจากการเมือง การเลือกตั้งสามารถดำเนินต่อไปได้ วันนี้เราไม่ต้องการให้ทหารอยู้ในการเมืองอีกต่อไปแล้ว" ข้อเรียกร้องให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ทำหน้าที่เพียงรักษาการ ยังรวมถึงการไม่อนุมัติโครงการใด ๆ ที่จะมีผลผูกพัน ครม.ชุดต่อไป เว้นแต่ที่กำหนดในงบประมาณประจำปีเท่านั้น ไม่แต่งตั้งปลดออก โยกย้ายข้าราชการ เว้นแต่ได้รับการเห็นชอบจาก กกต. รวมถึงการไม่ใช่ทรัพยากรและบุคลากรภาครัฐ กระทำการใดๆ ให้มีผลต่อการเลือกตั้ง นางรังสิมันต์ ยังกล่าวอีกว่า พร้อมเปิดกว้างจากพรรคการเมืองทุกฝ่าย เข้ามาร่วมเคลื่อนไหว เนื่องจากการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นไม่ได้ หากไม่มีการกำหนดวันเลือกตั้งที่ชัดเจน ส่วนที่รัฐบาลประกาศว่า เดือน มิ.ย. จะมีการเชิญทุกฝ่ายหารือไทม์ไลน์เลือกตั้งนั้น ทางกลุ่มยืนยันว่า จะไม่ร่วมกิจกรรมใด ๆ ที่รองรับความชอบธรรมของ คสช. นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือจ่านิว แกนนำกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า START UP PEOPLE กล่าวว่า รัฐบาล พล.ประยุทธ์ ต้องดำรงสถานะเป็นเพียงรัฐบาลรักษาการเท่านั้น เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งอย่างจริงใจและบริสุทธิ์ยุติธรรม เป็นธรรมต่อทุกฝ่าย การเลือกตั้งในขณะที่ยังมี คสช.ไม่มีหลักประกันใดๆ ที่จะมีการเลือกตั้งที่ยุติธรรมและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย ดังที่เห็นมาแล้วว่า 4 ปีที่ผ่านมา ของ คสช. ได้ใช้อำนาจพิเศษกระทำการเกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดินจำนวนมาก นายสิริวิชญ์ กล่าวต่อว่า ข้อเสนอนี้เป็นทางออกและทางลงของคสช. ถ้าคสช.คิดจะทำก็เป็นไปได้ หากไม่รับข้อเสนออาจจะยกระดับขับไล่คสช.ออกไป หลังจากนั้น ได้มีการจัดกิจกรรมเชิงสัญลักษณ์จุดธูปไล่ คสช. โดยนายเอกชัย หงส์กังวาน และกิจกรรมถอนราก คสช. สลับการขึ้นปราศรัย ของนักศึกษา นักกิจกรรม อาทิ นายภูมิวัฒน์ แสงกสิวิทย์ จากกลุ่มฟื้นฟูประชาธิปไตย นายปิยรัฐ จงเทพ นายพริษฐ์ ชิวารักษ์ นักศึกษาคณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ น.ส.ณัฎฐา มหัทธนา นายอานนท์ นำภา ทนายความและสมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับ โดยมีประชาชนฟังการปราศรัยภายในสนามฟุตบอล นายอานนท์ นำภา ทนายความและสมาชิกกลุ่มพลเมืองโต้กลับ ได้ขึ้นปราศรัยในเวลา 19.00 น. ชี้ว่า หากยังมี คสช. อยู่ในระหว่างที่มีการเลือกตั้ง อาจจะได้เห็นภาพที่ทหารเข้าเยี่ยมเคาะประตูบ้านผู้สมัคร ส.ส. และการที่คำสั่งหัวหน้า คสช.ที่ 3/2558 ห้ามชุมนุมทางการเมืองเกิน 5 คน ยังไม่ถูกยกเลิก บรรดาพรรคการเมืองต่าง ๆ ก็ต้องยื่นขออนุญาตปราศรัย หาเสียง ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่ คสช.จะอนุญาต และท้ายที่สุดหากฝ่ายประชาธิปไตยชนะเลือกตั้ง หัวหน้าคสช.อาจใช้อำนาจตามมาตรา 44 สั่งให้การเลือกตั้งเป็นโมฆะ นายอานนท์ ยังกล่าวโจมตีระบบและกติกาการเลือกตั้ง ว่า ไม่สะท้อนเจตนารมย์ของประชาชน แม้จะมีการเลือกตั้ง แต่ตั้งรัฐบาลไม่ได้ พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนให้กดดันพรรคการเมืองให้แสดงจุดยืนไม่ให้มีการสืบทอดอำนาจของ คสช. พ.ต.อ.พิทักษ์ สุทธิกุล ผู้กำกับ สน.ชนะสงคราม กล่าวว่าได้จัดกำลังตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบดูแลความสงบเรียบร้อยการชุมนุม 45 นาย ไปจนถึงเวลา 21.00 น. โดยประเมินตัวเลขผู้ร่วมกิจกรรมอยู่ที่ 300 คน ทั้งนี้กลุ่มผู้จัดกิจกรรมได้นัดชุมนุมอีกครั้งในวันที่ 24 มี.ค.นี้
|
กลุ่มคนอยากเลือกตั้ง ยื่น 3 เงื่อนไข สู่การเลือกตั้งให้ คสช.ยุติบทบาท รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ เปลี่ยนสถานะ เป็น รัฐบาลรักษาการ ยกเลิกประกาศ คำสั่ง คสช. ที่ปิดกั้นบรรยากาศทางการเมืองช่วงเลือกตั้ง
|
thailand-50582558
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-50582558
|
อาวุธ : ผู้ค้า-ผู้ผลิต ไทย-เทศ เห็นโอกาสเติบโตสูงในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในภูมิภาค แม้เศรษฐกิจชะลอตัว
|
บทวิเคราะห์ในรายงานของ GlobalData ระบุว่า ภาพรวมระหว่างปี 2558 - 2562 งบประมาณด้านกลาโหมของไทยเพิ่มขึ้น 5.53% นอกจากนี้อีก 5 ปีข้างหน้าค่าใช้จ่ายด้านนี้ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอีกด้วย ส่วนเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 ในวาระแรก ซึ่งมีงบกลาโหม 2.3 แสนล้านบาทรวมอยู่ด้วย เพิ่มขึ้น 2.7% จากปีนี้ ไม่เพียงไทยที่กำลังเพิ่มขีดความสามารถของกองทัพให้มีความทันสมัย ชาติต่าง ๆ ในภูมิภาคล้วนเดินไปในทิศทางเดียวกัน ส่วนผู้ผลิตอาวุธทั้งหน้าเก่าและหน้าใหม่ต่างเติบโต เสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เข้าสู่ตลาดมากมาย ภาพที่สะท้อนได้อย่างดี คือ งานแสดงอาวุธนานาชาติ Defense and Security 2019 ที่จัดขึ้นที่ไทยระหว่างวันที่ 18 -21 พ.ย. ที่ผ่านมาคือมีขนาดใหญ่กว่าครั้งที่ผ่านมาเมื่อสองปีที่แล้วถึง 35% โดยมีผู้ผลิตชั้นนำกว่า 500 บริษัท จาก 60 ประเทศทั่วโลกเข้าร่วม ทิม แวน ลูเวิน รองประธานฝ่ายบริการหลังการขายประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ของ ฮันนีเวลล์ แอโรสเปซ บอกกับบีบีซีไทยในระหว่างการจัดงานนี้ว่า ฝูงบินของกองทัพอากาศและกองทัพเรือมีอายุการใช้งานเฉลี่ยราว 20-30 ปีหรือมากกว่า ถือว่าเป็นระยะเวลายาวนานสำหรับอากาศยานโดยเฉพาะการใช้ในการสู้รบ และยิ่งทำให้การบำรุงรักษามีความจำเป็นอย่างยิ่ง ในขณะเดียวกันค่าใช้จ่ายก็สูงด้วย เครื่องบินรบ F-16 "สำหรับฮันนีเวลล์เอง พร้อมเปิดโอกาสใหม่ ๆ เพื่อนำเสนอแนวทางแก้ปัญหา (Solution) เพื่อสนับสนุนตามความต้องการในการพัฒนาเพิ่มประสิทธิภาพฝูงบินเหล่านั้นได้" ผู้บริหารของบริษัทผลิตเทคโนโลยีด้านการป้องกันประเทศแห่งนี้กล่าว สำหรับบริษัทสัญชาติสหรัฐฯ รายนี้มีความสัมพันธ์อันยาวนานในอุตสาหกรรมป้องกันประเทศในไทยมากว่า 2 ทศวรรษ โดยเล็งเห็นโอกาสในการขยายบริการหลังการขายกลุ่มยุทธภัณฑ์ทั้งในไทยและภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน บริษัทแห่งนี้ได้ร่วมพัฒนาระบบอิเล็กทรอนิกส์การบินสำหรับเครื่องบินลำเลียง C-130 Hercules และเฮลิคอปเตอร์ UH-60 Blackhawk การให้บริการระบบนำทาง TALIN (Tactical Advanced Land Inertial Navigator) สำหรับยุทโธปกรณ์ภาคพื้นที่กองทัพบกของไทย นอกจากนี้ยังมีโปรแกรมสนับสนุนยุทธภัณฑ์ในเครื่องบินขับไล่ F-16 Fighting Falcon และเครื่องบินฝึก T-50 Golden Eagle ของกองทัพอากาศของไทย เล็งหาพันธมิตรท้องถิ่นเพื่อตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงในไทย ผู้บริหารฮันนีเวลล์ แอโรสเปซ บอกอีกว่า หากพิจารณาจากงบประมาณด้านกลาโหมของไทยเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา จึงมองว่าเป็นโอกาสในการรองรับการเติบโตระยะยาวทั้งภายในประเทศไทยและภูมิภาคอาเซียน "บริษัทกำลังเล็งหาพันธมิตรท้องถิ่นจะจัดตั้งศูนย์ซ่อมบำรุงในไทย รองรับยุทธภัณฑ์ต่าง ๆ เพื่อ เพิ่มประสิทธิภาพการปฏิบัติการของกองทัพอากาศไทย และย่นระยะเวลาบำรุงรักษาและลดต้นทุนการซ่อมบำรุง" เขากล่าว ทิม แวน ลูเวิน รองประธานฝ่ายบริการหลังการขายประจำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก ของบริษัท ฮันนีเวลล์ แอโรสเปซ หากพิจารณาในด้านภูมิศาสตร์แล้ว ประเทศไทยถือว่าเป็นจุดยุทธศาสตร์ที่ดีเพราะอยู่ใกล้กับประเทศมาเลเซีย ซึ่งบริษัทมีสำนักงานใหญ่ประจำภูมิภาคอาเซียน และมีศูนย์กระจายสินค้าอีกด้วย ซึ่งจะเอื้อต่อการตอบสนองความต้องการของกองทัพไทย ที่มียุทโธปกรณ์ที่ต้องการบำรุงรักษาอย่างต่อเนื่อง หากพิจารณาในภูมิภาคอาเซียน ผู้บริหารของบริษัทฮันนีเวลล์ ระบุว่า เป็นตลาดสำคัญ เช่นเดียวกันกับ สิงคโปร์ อินโดนีเซีย และมาเลเซีย และโดยตั้งเป้าเติบโตตัวเลขหลักเดียว (single-digit growth) แต่ในอัตราสูงกว่า อัตราการเพิ่มขึ้นของงบประมาณของไทย Thales พร้อมขับเคลื่อนระบบดิจิทัลให้กองทัพ เธลีส (Thales) บริษัทจัดหาระบบเทคโนโลยี บริการและผลิตภัณฑ์ให้กับลูกค้าในแวดวงการบินและอากาศยาน การขนส่ง คือ ผู้ประกอบการอีกรายหนึ่งที่เข้าร่วมงาน จัดแสดงอาวุธครั้งนี้ในไทย เธลีส เปิดเผยถึงการเพิ่มขีดความสามารถให้กับกองทัพด้วยการเพิ่มขีดความสามารถในการสื่อสารในสนามรบ โดยภายในปลายปีนี้ สถาบันเทคโนโลยีการป้องกันประเทศของไทย (สทป.) จะได้รับมอบยานเกราะลำเลียงพลทหารราบรุ่น BTR 3C S ชุดแรก ที่ได้รับการยกระดับด้วยการติดตั้งระบบ C5I ที่ทันสมัย ที่ประกอบด้วย การทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ การสั่งการ การควบคุม การสื่อสาร และข้อมูลการรบ จากบริษัท นี่ถือว่าเป็นโครงการแรกที่ส่งมอบให้กับ สทป. ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของบันทึกข้อตกลงที่ลงนามระหว่าง สทป. เธลีสและ พันธมิตรทางธุรกิจอย่าง บริษัทดาต้าเกท มาตั้งแต่ปีที่แล้ว เมื่อวันที่ 11 มิ.ย. ที่ผ่านมา Thales ได้ส่งมอบเรือล่าทำลายทุ่นระเบิดให้แก่กองทัพเรือจำนวน 2 ลำ คือ ร.ล.บางระจัน และ ร.ล.หนองสาหร่าย โดยเรือทั้งสองลำนี้สร้างขึ้นในปี 2523 แต่ได้รับการอัพเกรดด้วยเทคโนโลยีล่าสุด มาสซิโม มารินซี ผู้อำนวยการประจำประเทศไทยของ Thales ระบุในแถลงการณ์ว่า บริษัทจะยังคงเดินหน้าต่อไปเพื่อช่วยเพิ่มพูนทักษะ และความเชี่ยวชาญด้านความมั่นคง ของประเทศไทย ด้วยระบบดิจิทัลผ่านความร่วมมืออย่างใกล้ชิดกับภาคอุตสาหกรรมในประเทศ โดยจัดให้มีการฝึกอบรมและการถ่ายทอดเทคโนโลยีอย่างต่อเนื่อง ผู้ประกอบการไทยครวญรัฐหนุนน้อย แม้ว่างบประมาณด้านป้องกันประเทศเพิ่มขึ้นทุกปี แต่ก็มีเสียงสะท้อนจากผู้ประกอบการไทยที่ต้องการได้รับการสนับสนุนโดยเฉพาะด้านการวิจัยและพัฒนา หนึ่งในจำนวนนั้นคือ บริษัท ชัยเสรีเม็ททอลแอนด์รับเบอร์ จำกัด ผู้ผลิตยานยนต์หุ้มเกราะของไทยมาแล้วกว่า 50 ปี นพรัตน์ กุลหิรัญ ผู้ก่อตั้งบริษัท บอกกับบีบีซีไทยว่า ธุรกิจของเธอสามารถพัฒนาขีดความสามารถในการผลิตยุทโธปกรณ์เพื่อการส่งออกได้แล้ว และ เธอต้องการให้บริษัทอื่น ๆ สามารถผลิตชิ้นส่วนยุทโธปกรณ์ไปขายต่างประเทศได้มากขึ้นเช่นกัน ในงาน Defense & Security 2019 บริษัท ชัยเสรีเม็ททอลแอนด์รับเบอร์ จำกัด เปิดตัวรถหุ้มเกราะรุ่นใหม่ First Win "ในปัจจุบัน แนวโน้มทุกประเทศพยายามทำในประเทศด้วยตัวเอง เพื่อความมั่นคงของประเทศทั้งนั้น แต่ที่ผ่านมา ผู้ประกอบการไทยยังไม่ได้รับความสนับสนุนด้านการวิจัยและพัฒนา รวมทั้งด้านวิชาการเท่าที่ควร" เธอระบุ นพรัตน์ ซึ่งมีฉายาว่า "มาดามรถถัง" บอกว่า สิ่งหนึ่งที่สะท้อนให้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน คือ ความแตกต่างของจำนวนสั่งซื้อรถหุ้มเกราะ First Win จากบริษัทของเธอ จากกองทัพ 2 ประเทศ โดย กองทัพไทยสั่งเพียง 19 คัน ตลอด 10 ปีผ่านมา ในขณะที่ กองทัพมาเลเซียสั่งซื้อกว่า 200 คัน "จากประสบการณ์ที่ผ่านมา ทุกประเทศมีการวิจัยและพัฒนาตลอด เพราะเล็งเห็นความสำคัญของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศต้องเป็นสิ่งที่ประเทศต้องผลิตได้เอง การใช้ผลิตภัณฑ์ในประเทศเป็นสิ่งที่ทุกประเทศปรารถนา และถือว่าสิ่งเหล่านี้คือความมั่นคง" เธอกล่าว "ฉันปรารถนาที่จะให้กระทรวงกลาโหมหรือหน่วยงานของไทย ซื้อหรือใช้สินค้าที่ผลิตในประเทศเพิ่มขี้น" แนวโน้มงบประมาณป้องกันประเทศยังเติบโต ข้อมูลจากสถาบันวิจัยสันติภาพระหว่างประเทศสต็อกโฮล์ม หรือ SIPRI ที่เผยแพร่เมื่อเดือน เม.ย. ที่ผ่านมา ระบุว่า ทั่วโลกค่าใช้จ่ายด้านทหารปีที่แล้วมีมูลค่าราว 1.82 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (หรือราว 55 ล้านล้านบาท) ยังคงเติบโตราว 2.6% จากปี 2560 โดยมูลค่าดังกล่าวนี้คิดเป็นสัดส่วน 2.1% ของจีดีพีทั้งโลก ประเทศที่ใช้จ่ายมากที่สุดได้แก่ สหรัฐฯ จีน ซาอุดีอาระเบีย อินเดีย และฝรั่งเศส โดยรวมกันแล้วคิดเป็นสัดส่วน 60% ของค่าใช้จ่ายทางทหารทั้งหมดของโลก สำหรับประเทศไทยนั้น เมื่อปีที่แล้ว อันดับมีการเปลี่ยนแปลงจากลำดับที่ 31 ของโลก มาเป็นอันดับที่ 29 โดยมีค่าใช้จ่ายด้านกลาโหมกว่า 2 แสนล้านบาท ขณะที่เมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมาสภาผู้แทนราษฎรได้ผ่านร่าง พ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 ในวาระแรก ซึ่งมีงบกลาโหม 2.3 แสนล้านบาทรวมอยู่ด้วย เพิ่มขึ้น 2.7% จากปีนี้ จากบทคัดย่อของรายงานเรื่อง "อนาคตของอุตสาหกรรมป้องกันประเทศของไทย - จุดดึงดูดทางการตลาด ภูมิทัศน์การแข่งขัน และการคาดการณ์ถึงปี 2014 (Future of the Thai Defense Industry - Market Attractiveness, Competitive Landscape and Forecasts to 2024) เผยแพร่โดย GlobalData ซึ่งเป็นผู้ให้บริการข้อมูลวิเคราะห์เชิงลึกในอุตสาหกรรมต่าง ๆ ระบุว่า ระหว่างปี 2558 - 2562 งบประมาณด้านกลาโหมของไทยเพิ่มขึ้น 5.53% และไทยถือเป็นหนึ่งในประเทศในภูมิภาคอาเซียนที่ยังคงมีอัตราการเพิ่มของการใช้จ่ายงบประมาณทางทหารอย่างต่อเนื่อง และคาดว่าในปี 2567 งบประมาณด้านกลาโหมจะเพิ่มเป็น 8.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ฯ หรือราว 2.6 แสนล้านบาท จากการที่งบประมาณที่ถูกจัดสรรให้กับภารกิจด้านการป้องกันประเทศจะเพิ่มสูงขึ้น หลายฝ่ายทั้งนักวิชาการและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้าน ต่างตั้งข้อสังเกตว่า มีความจำเป็นหรือไม่ ในขณะที่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของไทยในปีนี้และปีหน้าคาดว่ายังคงอยู่ในภาวะชะลอตัว อันเป็นผลจากผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน รวมทั้งภาคการส่งออกที่ยังไม่ขยายตัว และ คาดว่าจะอยู่ในภาวะชะลอตัวลง เมื่อวันที่ 18 พ.ย. ที่ผ่านมา สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือ จีดีพี ไตรมาสที่ 3/2562 ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ขยายตัวเพียง 0.1% จากไตรมาส 2 เท่านั้น ส่วนภาพรวมจีดีพีปีนี้คาดว่าจะโตเพียง 2.6% ซึ่งเป้าดังกล่าวถูกปรับลงเป็นครั้งที่ 2 ในรอบปี หลังจากเดือนสิงหาคมที่ผ่านมา สศช. ได้ปรับประมาณการณ์ไปแล้วที่ 2.7-3.2% การคาดการณ์เดิมที่ 3.3-3.8% ขณะที่คาดการณ์การเติบโตของจีดีพีปีหน้า คาดว่าจะขยายตัวได้ 2.7-3.7%
|
ผู้ประกอบการในอุตสาหกรรมอาวุธ และป้องกันประเทศ ทั้งไทยและนานาชาติ ระบุ งบกลาโหมที่เพิ่มอย่างต่อเนื่อง คือโอกาสทางธุรกิจที่จะนำเสนอผลิตภัณฑ์ และบริการ ใหม่ ๆ ต่อกองทัพไทย ในจังหวะที่อุปกรณ์ที่มีอยู่เดิมเริ่มเสื่อมอายุ และต้องการยกระดับเพิ่มประสิทธิภาพ แม้ภาวะเศรษฐกิจของประเทศอยู่ในช่วงซบเซา
|
international-49411525
|
https://www.bbc.com/thai/international-49411525
|
อาวุธนิวเคลียร์ : โลกจะเป็นอย่างไรต่อไปเมื่อสหรัฐฯ กลับมาทดสอบขีปนาวุธพิสัยกลาง
|
กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ เผยแพร่ภาพการทดสอบขีปนาวุธ วานนี้ (20 ส.ค.) กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ หรือเพนตากอน เปิดเผยว่า สหรัฐฯ ประสบความสำเร็จในการทดสอบขีปนาวุธที่ยิงจากฐานทดสอบบนเกาะซาน นิโคลัส นอกชายฝั่งนครลอสแอนเจลิส ซึ่งอยู่ภายใต้การควบคุมของกองทัพเรือสหรัฐฯ เมื่อวันอาทิตย์ โดยขีปนาวุธดังกล่าวเป็นขีปนาวุธตามแบบและไม่ได้ติดตั้งอาวุธนิวเคลียร์ "ขีปนาวุธถูกยิงจากฐานยิงจรวดเคลื่อนที่ภาคพื้นดินไปยังเป้าหมายที่กำหนด ซึ่งอยู่ห่างออกไปกว่า 500 กิโลเมตร" แถลงการณ์ของกระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ ระบุ และว่าจะรวบรวมข้อมูลที่จากการทดสอบครั้งนี้ส่งให้ส่วนงานที่ทำหน้าที่พัฒนาอาวุธพิสัยกลางของกระทรวงกลาโหมต่อไป อย่างไรก็ดี ทันทีหลังจากนั้น สำนักข่าวแทส (TASS) ของทางการรัสเซีย ได้เผยแพร่คำให้สัมภาษณ์ของนายเซอร์เก รยาบคอฟ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศรัสเซีย ที่กล่าวหาสหรัฐฯ ว่าสร้างความตึงเครียดทางการทหารอย่างโจ่งแจ้ง แต่รัสเซียจะไม่ตอบโต้ต่อการยั่วยุของสหรัฐฯ สนธิสัญญาไอเอ็นเอฟเป็นข้อตกลงห้ามการยิงขีปนาวุธพิสัยสั้นและกลาง ระยะ 500-5,500 กิโลเมตร ทั้งอาวุธนิวเคลียร์และอาวุธที่ไม่ได้มีอานุภาพทำลายล้างสูง แต่ไม่รวมแบบที่ยิงจากทะเล สนธิสัญญาฉบับนี้ลงนามโดยอดีตผู้นำสหภาพโซเวียตและสหรัฐฯ ช่วงสงครามเย็น เมื่อปี 1987 เกิดอะไรขึ้นกับสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (INF) ในอดีตรัสเซียถูกกล่าวหาว่าละเมิดข้อตกลงในสนธิสัญญาฉบับนี้ แต่เมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา สหรัฐฯ และองค์การสนธิสัญญาแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ระบุว่า มีหลักฐานว่ารัสเซียกำลังดำเนินการผลิตขีปนาวุธร่อน (cruise missile) รุ่น 9M729 หรือที่นาโตเรียกว่า SSC-8 แต่รัสเซียปฏิเสธข้อกล่าวหานี้ โดยประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ระบุว่า การกล่าวหารัสเซียว่ากำลังเดินหน้าอาวุธนิวเคลียร์เป็นข้ออ้างของสหรัฐฯ ที่จะถอนตัวออกจากสนธิสัญญา เมื่อเดือน ก.พ. ที่ผ่านมา นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ได้กำหนดให้วันที่ 2 ส.ค. เป็นเส้นตายที่สหรัฐฯ จะถอนตัวออกจากข้อตกลงหากรัสเซียไม่ทำตามข้อตกลง ไม่นานหลังจากนั้น รัสเซียได้ถอนตัวออกจากสนธิสัญญานี้ที่อดีตผู้นำสหภาพโซเวียตได้ลงนามไว้ และเมื่อวันที่ 2 ส.ค. สหรัฐฯ ได้ถอนตัวออกจากสนธิสัญญาฉบับนี้ตามที่ขู่ไว้ โดยนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐฯ ระบุว่า รัสเซียต้องเป็นผู้รับผิดชอบต่อการสิ้นสุดของสนธิสัญญาแต่เพียงผู้เดียว ด้านรัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย กล่าวว่า การตัดสินใจของสหรัฐฯ "เป็นความผิดพลาดร้ายแรง" การสิ้นสุดลงของสนธิสัญญาประวัติศาสตร์ที่ลงนามโดยนายมิคาอิล กอร์บาชอฟ อดีตผู้นำสหภาพโซเวียต และประธานาธิบดีโรนัลด์ เรแกน ของสหรัฐฯ เมื่อปี 1987 สร้างความกังวลว่าอาจนำไปสู่การแข่งขันการพัฒนาและสะสมอาวุธครั้งใหม่ระหว่างสหรัฐฯ รัสเซีย และจีน ขีปนาวุธร่อน (cruise missile) ตัวใหม่ รุ่น 9M729 ของรัสเซีย สร้างความกังวลแก่นาโตและพันธมิตร นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กล่าวว่า สนธิสัญญาฉบับที่ไม่อาจประเมินค่าได้นี้ได้สูญสิ้นลงแล้ว และการถอนตัวออกจากสนธิสัญญาของทั้งสองชาติจะยิ่งเพิ่มภัยคุกคามจากขีปนาวุธ เขายังเรียกร้องให้ทุกฝ่ายมองหาข้อตกลงควบคุมอาวุธระหว่างนานาชาติฉบับใหม่ ขณะที่นายเยนส์ สโตลเตนแบร์ก เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ หรือนาโต ระบุว่า พันธมิตรในภูมิภาคแอตแลนติกควรจะหาวิธีการร่วมกันเพื่อรับมือกับความเสี่ยงที่จะเกิดจากขีปนาวุธของรัสเซีย อีกทั้งนาโตไม่ต้องการการแข่งขันทางอาวุธครั้งใหม่ ขณะเดียวกันก็ยืนยันว่าพันธมิตรนาโตยังไม่มีแผนตั้งฐานปล่อยขีปนาวุธของชาติพันธมิตรในภูมิภาคยุโรป เมื่อเดือน ก.ค. เลขาธิการองค์การนาโต กล่าวกับบีบีซีว่า ขีปนาวุธของรัสเซียเป็นอาวุธเคลื่อนที่ได้ สามารถยิงขีปนาวุธนิวเคลียร์ไปยังประเทศแถบยุโรปได้ในไม่กี่นาที และยากต่อการตรวจจับ
|
การกลับมาเริ่มทดสอบขีปนาวุธร่อนพิสัยกลางของสหรัฐฯ หลังจากถอนตัวออกจากสนธิสัญญาอาวุธนิวเคลียร์พิสัยกลาง (INF) เพียงไม่กี่สัปดาห์ ได้สร้างความกังวลว่าอาจนำไปสู่การแข่งขันสะสมอาวุธของชาติมหาอำนาจ
|
international-51523506
|
https://www.bbc.com/thai/international-51523506
|
ผู้ที่สูญเสียพ่อจากเหตุวางระเบิดในบาหลี ได้พบหน้าฆาตกรผู้ก่อเหตุ
|
แรงระเบิดซึ่งทำให้เกิดความเสียหายมหาศาลในบาหลี อินโดนีเซีย เมื่อปี 2002 เกิดขึ้นจากการระเบิดรถยนต์ "ผมได้ยินว่า คุณกระทำในนามของอิสลาม ส่วนไหนของอิสลามที่บอกว่า คุณควรเข่นฆ่า" การิล ผู้สูญเสียพ่อเมื่อ 17 ปีก่อน ถามฆาตกร พ่อของการิล เป็นหนึ่งในผู้เสียชีวิต 202 คน จากเหตุวางระเบิดในเมืองบาหลีปี 2002 เขาเล่าว่า "ในบรรดาพี่น้องทั้งหมด ผมจดจำพ่อได้มากที่สุด ในฐานะลูกคนโต พ่อรักผมมาก พ่อพาผมไปเตะฟุตบอล ทุกวันอาทิตย์ ไม่มีอาทิตย์ไหนที่ไม่ไป" นี่คือการโจมตีที่สร้างความเสียหายบริเวณใจกลางของ กูตา ซึ่งเป็นย่านยอดนิยมที่สุดของนักท่องเที่ยวในบาหลี พ่อของการิล กำลังขับแท็กซี่ในขณะที่เกิดเหตุระเบิด เขามีอายุเพียง 10 ขวบ ตอนที่ต้องไปหาศพพ่อ "จำไม่ได้เลย มันไหม้ไปหมด" การิล เล่า วันนี้ การิล และแม่ของเขากำลังจะไปพบ อาลี อิมรอน มือวางระเบิดบาหลีฆาตกรที่สังหารพ่อ การิล สูญเสียพ่อจากเหตุวางระเบิดในบาหลี ขณะเขามีอายุ 10 ขวบ "ผมอยากจะเข้าใจว่าทำไมถึงมีคนทำเรื่องแบบนี้ได้" "ผมโกรธมาก ผมอยากจะให้พวกคุณทุกคนถูกประหารชีวิต ถูกฆ่าโดยไม่ต้องได้รับการยกเว้นใด ๆ" เขากล่าวต่อหน้าฆาตกร อาลี กล่าวว่า "ผมไม่ได้ภูมิใจกับสิ่งที่ผมทำเลย ตอนที่เราวางแผนวางระเบิด ผมถามคนอื่น ๆ ว่า เรามีความชอบธรรมหรือไม่ ในการโจมตีหรือแก้แค้นอเมริกา ด้วยการวางระเบิดโจมตีชาวตะวันตกในบาหลีในนามของจีฮัด แล้วมันถูกต้องตามหลักศาสนาอิสลามหรือไม่" "คำตอบก็คือ 'ใช่ เราชอบธรรม' ตามที่โอซามา บิน ลาเดน บอกว่า มันถูกต้อง" อาลี กล่าว "เพื่อนของผมมีพ่อพาพวกเขาไปโรงเรียน พี่น้องของผมไม่มีพ่อ" การิล กล่าวขณะร่ำไห้ แม่ของการิล กล่าวว่า "ลูกชายของฉันเก็บกดความรู้สึกเหล่านี้ไว้มานานหลายปี สิ่งต่าง ๆ ที่คุณเพิ่งบอกเขาไป ฉันไม่รู้ว่า เขาจะเจ็บปวดมากแค่ไหน นั่นคือเหตุผลที่เรามา เพื่อที่เขาจะได้ปลดเปลื้อง" อาลีบอกว่า "สิ่งเดียวที่ผมทำได้ก็คือ เมื่อไหร่ก็ตามที่ผมได้รับโอกาสผมจะขอโทษเหยื่อและครอบครัวของพวกเขาและผู้ที่ได้รับผลกระทบทุกคน" "ผมขอโทษครับ" อาลี กล่าวกับการิลและแม่ของเขา "ผมให้อภัยคุณ" การิล กล่าว "ขอบคุณมากครับ ได้โปรดให้อภัยผมด้วย เป็นบุตรของพระอัลเลาะห์ต่อไป" อาลี กล่าว "ผมหวังว่าพระอัลเลาะห์จะให้อภัยในบาปของคุณ" การิล กล่าว "สาธุ ขอบคุณครับ ขอบคุณ" อาลี กล่าว
|
พ่อของการิล เสียชีวิตจากเหตุวางระเบิดในบาหลี ขณะที่เขายังเรียนชั้นประถม การโจมตีก่อการร้ายที่เลวร้ายที่สุดของอินโดนีเซียครั้งนั้น ทำให้มีผู้เสียชีวิตมากกว่า 200 คน การิล ได้มีโอกาสพบหน้าฆาตกร ผู้ที่สังหารพ่อของเขา ซึ่งกำลังรับโทษจำคุกตลอดชีวิต
|
thailand-52237424
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-52237424
|
ไฟป่าเชียงใหม่ : เมื่อสัตว์ป่ากลายเป็นเหยื่อไฟป่า
|
ภาพการช่วยเหลือ เรนเจอร์ กลายเป็นกระแสที่พูดถึงภัยไฟป่าผ่านสื่ออย่างกว้างขวาง นับตั้งแต่กลางเดือนมีนาคม 2563 เป็นต้นมา เขตอุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุยต้องเผชิญกับวิกฤตไฟป่าอย่างต่อเนื่องในแทบจะทุกฝั่งของพื้นที่อุทยานฯ ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองเชียงใหม่นัก ไฟป่าครั้งนี้ไม่เพียงคร่าชีวิตของเจ้าหน้าที่และชาวบ้านอาสาสมัครดับไฟป่าไปแล้วอย่างน้อย 6 คน และบาดเจ็บอีกหลายคน แต่ยังทำให้สัตว์ป่าจำนวนไม่น้อยต้องตายและบาดเจ็บ ซึ่งขณะนี้ยังไม่มีการประเมินจำนวนอย่างเป็นทางการ แต่สัตว์ป่าจำนวนหนึ่งถูกส่งมาที่คลินิกสัตว์ป่าของสำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ตั้งแต่เดือน มี.ค. โดยมาจากหลายจังหวัดทั้งลำปาง แพร่ และ เชียงใหม่ สมชาย บริสุทธิ์ หัวหน้าฝ่ายสุขภาพสัตว์ ส่วนอนุรักษ์สัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 เชียงใหม่ ซึ่งรับผิดชอบ 8 จังหวัดภาคเหนือ บอกกับบีบีซีไทยว่า นับตั้งแต่เกิดไฟป่าขึ้นเมื่อเดือน ม.ค.และรุนแรงขึ้นในเดือน มี.ค. เป็นต้นมา มีประชาชนและอาสาสมัครนำสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บหรือพลัดหลงจากแม่เพราะไฟป่ามาให้สำนักงานฯ ดูแลอย่างน้อย 4 ชนิด รวม 11 ตัว คลินิกสัตว์ป่าซึ่งตั้งอยู่ที่ ต.แม่เหียะ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ มีสัตวแพทย์ 2 คน สัตวบาล 2 คน และเจ้าหน้าที่ภาคสนามอีก 6 คน มีภารกิจช่วยเหลือสัตว์ป่าที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งมาจากหลายสาเหตุ ก่อนที่จะปล่อยกลับคืนสู่ป่าหรือส่งต่อไปยังหน่วยงานที่รับผิดชอบดูแลรักษาต่อไป คลินิกสัตว์ป่าแห่งนี้ได้รับมองลูกแมวดาวทั้งหมด 8 ตัว มาจากหลายหลายแห่งที่พลัดหลงจากจากเหตุการณ์ไฟป่าในภาคเหนือ สัตว์ป่าที่ถูกส่งมายังคลินิกฯ ช่วงที่เกิดไฟป่าส่วนใหญ่เป็นลูกสัตว์ป่าที่พลัดหลงจากพ่อแม่ ได้แก่ลูกแมวดาว 8 ตัว ลูกลิงเสน 1 ตัว ลูกหมาไม้ 1 ตัว และอีเห็น 1 ตัว ทั้งหมดได้รับการตั้งชื่อจากเจ้าหน้าที่เพื่อให้ง่ายต่อการจดจำ บีบีซีไทยพาไปรู้จักบรรดา "ผู้รอดชีวิต" ที่อยู่ในความดูแลของคลินิกสัตว์ป่าและเป็นตัวแทนของสัตว์ป่าอีกจำนวนมากที่กำลังได้รับผลกระทบอย่างหนัก แมวดาว : น้องแตงกวา น้องแตงไทย น้องซานต้า น้องปุย และน้องฝ้าย น้องปุย และน้องฝ้าย นับตั้งแต่เกิดไฟป่า มีลูกแมวดาวถูกส่งมาให้คลินิกฯ ดูแลทั้งหมด 8 ตัว จากหลายจุด ดังนี้ ลิงเสน : น้องเผือก "น้องเผือก" พลัดหลงจากแม่ ชาวบ้านพบเห็นบริเวณป่า อ. ฝาง จ.เชียงใหม่ ในสภาพยังไม่หย่านม ในช่วงต้นเดือนเมษายน มีชาวบ้านพบลูกลิงเสนตัวหนึ่ง บริเวณป่าใน อ. ฝาง จ.เชียงใหม่ จึงนำมาส่งที่คลินิกฯ เจ้าลูกลิงยังไม่หย่านม ไม่ได้รับบาดเจ็บ คาดว่าพลัดหลงกับแม่ช่วงเกิดไฟป่า ทีมสัตวแพทย์ตั้งชื่อให้ว่า "น้องเผือก" เพราะตัวของมันมีสีขาว ๆ คลินิกจะต้องอนุบาลเจ้าเผือกต่อไปจนกว่ามันจะโตและสามารถปล่อยกลับคืนสู่ป่าได้ แต่ถ้ามันไม่สามารถเรียนรู้สัญชาตญาณของสัตว์ป่าได้ ก็อาจต้องส่งไปยังสถานีเพาะเลี้ยงสัตว์ป่าต่อไป อีเห็นข้างลาย : เรนเจอร์ อีเห็นข้างลาย เพศผู้ตัวเต็มวัย ได้รับบาดเจ็บสาหัส ตาถลนออกมา เจ้าหน้าที่เจอมันระหว่างดับไฟป่าที่อุทยานแห่งชาติดอยสุเทพ-ปุย อำเภอเมือง จ.เชียงใหม่ สัตว์แพทย์สันนิษฐานว่าบาดแผลตามตัวอาจเกิดจากการหลบหนีไฟป่า รวมทั้งต่อสู้กับสัตว์อื่นมาก่อน และตั้งชื่อให้มันว่า "เรนเจอร์" น.สพ.บุรฉัตร ตันประดิษฐ์ ผู้ดูแลเจ้าเรนเจอร์บอกกับบีบีซีไทยว่า เจ้าเรนเจอร์น่าจะอายุมากแล้ว มีอาการอ่อนเพลียและอดอาหารมานาน เขายังบอกไม่ได้ว่าอาการของมันจะดีขึ้นหรือไม่ หมาไม้ : น้องคำอุ่น สมาชิกล่าสุดของคลินิกสัตว์ป่า ลูกหมาไม้ อายุไม่ถึง 1 เดือน เป็นสมาชิกตัวล่าสุดของคลินิกสัตว์ป่า ชาวบ้านบนดอยปุยพบมันเข้าและนำมาส่งเจ้าหน้าที่เมื่อวันที่ 8 เม.ย. น.สพ.บุรฉัตรบอกว่า เนื่องจากสถานการณ์ไฟป่ายังไม่จบ ทางเจ้าหน้าที่จึงยังประเมินไม่ได้ว่าจำนวนสัตว์ป่าที่ได้รับผลกระทบจะมากหรือน้อยกว่าปีที่แล้ว สัตว์ป่าที่ถูกส่งมาที่คลินิกอาจจดูน่าสงสาร แต่ก็ยังโชคดีกว่าสัตว์อีกหลายตัว ที่มีคนมาเจอและส่งมันมารักษาได้ทันเวลา เขาฝากคำแนะนำถึงผู้ที่พบเจอสัตว์ป่าบาดเจ็บในพื้นที่ภาคเหนือว่า "กรณีที่พบเจอสัตว์ป่าได้รับบาดเจ็บ หากว่าอยู่ไกลจากคลินิกฯ ก็สามารถโทรศัพท์ปรึกษาสัตวแพทย์ว่าต้องทำอย่างไร เพื่อปฐมพยาบาลช่วยชีวิตสัตว์ป่าเหล่านั้นก่อนที่จะมาถึงคลินิก น่าจะเป็นวิธีที่ดีและทำให้พวกเขาปลอดภัยมากขึ้น" ผู้ที่พบเจอสัตว์ป่าได้รับบาดเจ็บในพื้นที่ภาคเหนือ ติดต่อคลินิกสัตว์ป่า สำนักบริหารพื้นที่อนุรักษ์ที่ 16 ได้ที่เบอร์โทรศัพท์ 098 794 2022
|
หลายคนคงยังจำภาพสุดสะเทือนใจของโคอาลาหลายสิบตัวที่บาดเจ็บจากไฟป่าในออสเตรเลียเมื่อไม่กี่เดือนก่อนได้ ภาพคล้าย ๆ กันนั้นกำลังเกิดขึ้นกับสัตว์ป่าหลายตัวที่ได้รับผลกระทบจากไฟป่าในภาคเหนือของไทยในขณะนี้
|
international-42327944
|
https://www.bbc.com/thai/international-42327944
|
เหตุใด “เรือมรณะ” เกาหลีเหนือจึงเกยหาดในญี่ปุ่น
|
ทว่าในช่วงไม่กี่เดือนมานี้มีผู้พบเรือลึกลับพร้อมลูกเรือชาวเกาหลีเหนือที่ยังมีชีวิตอยู่ติดมาด้วย แต่ละคนอยู่ในสภาพต้องการความช่วยเหลือ เรือเรือมรณะคืออะไร? เรือเหล่านี้ได้ชื่อว่าเป็นเรือมรณะก็เพราะเรือที่พบมักอยู่ในสภาพว่างเปล่า มีเพียงโครงกระดูกที่ติดมากับเรือ แต่เมื่อเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมามีผู้พบเรือเข้ามาเกยฝั่งที่ท่าเรือในเมืองยูริฮอนโจ พร้อมลูกเรือ 8 คนที่ยังมีชีวิตอยู่ ทุกคนอ้างว่าเป็นชาวประมงชาวเกาหลีเหนือ และเรือเกิดปัญหาขัดข้อง จนถูกคลื่นซัดเข้ามายังน่านน้ำญี่ปุ่น นอกจากนี้เจ้าหน้าที่ชายฝั่งญี่ปุ่นยังพบเรืออีกลำที่มีชาย 10 คน เดินทางมาด้วย เรือเหล่านี้ส่วนใหญ่อยู่ในสภาพจวนเจียนใกล้จะพัง ไม่มีเครื่องยนต์ที่ทันสมัยหรือแม้แต่อุปกรณ์นำร่อง เรือมาจากไหน? นักสังเกตการณ์คาดกันว่าเรือไม้ที่พบพร้อมโครงกระดูกและซากศพน่าจะเป็นเรือประมงของเกาหลีเหนือที่ออกมาหาปูยักษ์ ปลาหมึกและปลิงทะเล ร่องรอยที่ปรากฏบนเรือชี้ให้เห็นว่าเป็นเรือหาปลาของกองทัพเรือเกาหลีเหนือ ซึ่งมีส่วนในอุตสาหกรรมประมงด้วย ส่วนเรือที่พบพร้อมลูกเรือที่ยังมีชีวิตนั้น ลำหนึ่งมีแผ่นจารึกยืนยันว่าเป็นของกองทัพจริง อะไรคือสาเหตุทำให้ลูกเรือเสียชีวิต? เจ้าหน้าที่ของญี่ปุ่นพยายามสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิต แต่ซากศพอยู่ในสภาพเน่าเปื่อยจนแทบจะพิสูจน์ไม่ได้ ขณะเดียวกันเชื่อกันว่าการต้องลอยลำกลางทะเลในสภาพอากาศเย็นจัดช่วงฤดูหนาว เพราะหลงทางหรือออกทะเลไกลเกินไปโดยมีเสบียงอาหารเพียงน้อยนิดน่าจะเป็นสาเหตุการเสียชีวิต สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่าในปีนี้มีชาวประมงชาวเกาหลีเหนือที่ยังมีชีวิตได้รับการช่วยเหลือมากกว่า 40 คน ทำไมชาวประมงยอมเสี่ยงชีวิต? ในขณะที่นานาชาติเพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือหลังการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์หลายครั้ง เกาหลีเหนือก็ตกอยู่ในสภาพถูกกดดันให้ต้องเสาะหาผลผลิตทางการเกษตรและอาหารมากขึ้น สื่อญี่ปุ่นรายหนึ่งตั้งสมมุติฐานว่าชาวประมงถูกกดดันให้หาปลาให้ได้ในปริมาณมากตามที่ถูกสั่งการลงมา สิ่งที่จะทำให้สถานการณ์เรื่องนี้อาจเลวร้ายลงอีกก็คือการที่เกาหลีเหนือได้ขายสิทธิในการทำประมงในน่านน้ำของตัวเองให้จีนไปแล้วตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว ซึ่งหมายความว่าชาวประมงเกาหลีเหนือเองเหลือพื้นที่ทำประมงเพียงเล็กน้อยเท่านั้น และต้องออกไปทำประมงในน่านน้ำที่ไกลออกไป ความต้องการหาปลาให้ได้มาก ๆ เพื่อทำกำไร ก็อาจเป็นอีกเหตุผลหนึ่ง นักวิเคราะห์หลายคนบอกว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่แรงงานเกาหลีเหนือพยายามทำงานให้ได้เกินเป้าที่รัฐกำหนด และยิ่งทำได้มากก็จะยิ่งได้ผลตอบแทนมากจากระบบกึ่งทุนนิยมนี้ และนี่ก็อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้คนยอมเสี่ยงแม้แต่การออกไปผจญภัยในทะเลกว้างโดยหวังผลเพียงเพื่อจะได้มีชีวิตที่ดีขึ้นเท่านั้น
|
ช่วงสองสามปีที่ผ่านมามีผู้พบ "เรือมรณะ" ลึกลับหลายต่อหลายลำ มาเกยหาดที่ชายฝั่งด้านตะวันตกของญี่ปุ่น เชื่อกันว่าเป็นเรือหาปลาที่ลอยลำมาจากเกาหลีเหนือ โดยสิ่งที่พบบนเรือมีเพียงโครงกระดูกและซากศพ
|
international-40990767
|
https://www.bbc.com/thai/international-40990767
|
ผู้คนนับหมื่นร่วมต้านการชุมนุมฝ่ายขวาที่บอสตัน
|
ตำรวจปะทะกับผู้ประท้วงต่อต้านฝ่ายขวาบางส่วน กลุ่มผู้ประท้วงต่อต้านฝ่ายขวาหลายหมื่นคนรวมตัวกันที่ศูนย์กีฬาเมืองบอสตัน จากนั้นพากันเดินขบวนไปตามท้องถนน มุ่งหน้าไปยังย่านบอสตัน คอมมอน ซึ่งเป็นสถานที่ตั้งเวทีปราศรัยของกลุ่มอนุรักษ์นิยมฝ่ายขวา อย่างไรก็ตาม ตำรวจปราบจลาจลได้กั้นให้ฝูงชนล้อมเวทีดังกล่าวอยู่แต่รอบนอก โดยไม่สามารถเข้าถึงที่ชุมนุมของฝ่ายขวาซึ่งมีผู้มาร่วมงานปราศรัยแต่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น เกิดการปะทะกันระหว่างตำรวจกับผู้ประท้วงต่อต้านฝ่ายขวาบางส่วน และมีผู้ถูกจับกุม 33 ราย หลังมีการขว้างปาก้อนหินและขวดบรรจุปัสสาวะใส่เจ้าหน้าที่ แต่ในที่สุดตำรวจสามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้ และต่อมามีคำสั่งให้ฝ่ายขวายกเลิกงานชุมนุม ก่อนที่ตำรวจจะนำตัวผู้เข้าร่วมงานฝ่าวงล้อมของกลุ่มผู้ประท้วงออกไปได้โดยปลอดภัย ผู้ประท้วงต่อต้านฝ่ายขวาหลายหมื่นคน พากันเดินขบวนไปยังย่านบอสตัน คอมมอน นายมาร์ตี วอลช์ นายกเทศมนตรีเมืองบอสตัน กล่าวขอบคุณบรรดาผู้ประท้วงต่อต้านฝ่ายขวาที่พากันออกมาแสดงพลังโดยร่วมกันส่งสารแห่งความรัก ไม่ใช่ความเกลียดชัง "เพื่อโต้กลับพวกขบวนการคนขาวเป็นใหญ่และพวกนาซีที่พากันมาจนถึงเมืองของเรา ผมอยากขอบคุณทุกคนที่มาในวันนี้" ด้านผู้จัดงานชุมนุม "เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น" ของฝ่ายขวาชี้แจงว่า การนำเสนอข่าวที่ผิดพลาดของสื่อมวลชน ทำให้กลุ่มของตนถูกมองว่ามีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มที่จัดการชุมนุมของขบวนการชาตินิยมผิวขาวที่เมืองชาร์ล็อตส์วิลล์ ซึ่งเป็นสาเหตุให้มีผู้ออกมาต่อต้านจำนวนมาก ผู้จัดงานชุมนุมฝ่ายขวาออกแถลงการณ์ทางหน้าเฟซบุ๊กว่า "เรายังคงยืนยันว่า บุคคลทุกคนมีสิทธิในการแสดงความคิดเห็นได้อย่างเสรี และเราจะปกป้องสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐาน เราจะไม่ยอมให้พื้นที่เวทีของเราแก่พวกเหยียดเชื้อชาติหรือพวกไม่อดทนอดกลั้นต่อความเห็นต่างโดยเด็ดขาด เราขอประณามการเมืองที่ใช้การกดขี่และความรุนแรง" นับแต่เกิดเหตุปะทะที่เมืองชาร์ล็อตส์วิลล์เป็นต้นมา ความขัดแย้งตึงเครียดระหว่างฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาในสหรัฐฯยิ่งทวีความรุนแรงขึ้น โดยเมืองหลายแห่งมีแผนการรื้อถอนอนุสาวรีย์ของสมาพันธรัฐในยุคสงครามกลางเมือง ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่ทาสและเหยียดเชื้อชาติ แต่ฝ่ายต่อต้านแผนการดังกล่าวก็พากันออกมาแสดงพลังมากขึ้น
|
ชาวอเมริกันจำนวนมากถึงราว 30,000 คน พากันมาร่วมแสดงพลังต่อต้านการชุมนุม "เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น" ซึ่งจัดโดยกลุ่มอนุรักษ์นิยมฝ่ายขวาที่เมืองบอสตันของสหรัฐฯ เนื่องจากในงานชุมนุมดังกล่าวจะมีผู้ฝักใฝ่แนวคิดคนขาวเป็นใหญ่ สมาชิกขบวนการคู คลักซ์ แคลน (เคเคเค) และผู้แทนฝ่ายขวาจัดอีกหลายคนขึ้นกล่าวปราศรัย
|
thailand-54928003
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-54928003
|
โควิด-19: ศบค.ชุดเล็กเตรียมเสนอลดวันกักตัวลง 10 วันอีกครั้ง สัปดาห์หน้า
|
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ อธิบดีกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เปิดเผยวันนี้ (13 พ.ย.) ว่า คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ภายใต้ศูนย์บริหารสถานการณ์แพร่ระบาดของโรคติดต่อเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ "ศบค. ชุดเล็ก" ได้เห็นชอบในหลักการที่จะลดจำนวนวันกักกันโรคผู้ที่เดินทางเข้าไทย โดยระหว่างนี้ได้ส่งเรื่องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปจัดทำรายละเอียดในภาคปฏิบัติเพิ่มเติม ก่อนที่จะนำเสนอต่อ ศบค.ชุดใหญ่สัปดาห์หน้า ด้านนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวเสริมว่าเรื่องนี้ สธ. ไม่สามารถตัดสินใจฝ่ายเดียวได้ จำเป็นต้องให้ข้อมูลแก่ ศบค. และขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ ศบค. "ในทางการแพทย์สามารถลดระยะเวลาการกักตัวลดลงจาก 14 วัน เหลือ 10 วันอยู่ในวิสัยในการควบคุมโรคได้ แต่ที่ยังไม่สามารถทำได้เนื่องจากทุกครั้งเมื่อมีการนำเสนอความคิดนี้ ก็เกิดเหตุการณ์ติดเชื้อขึ้นมา จึงทำให้ประชาชนกังวล เราจึงต้องฟังเสียงประชาชนด้วย" นายอนุทินให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวหลังกล่าวเปิดงานสัมมนา "เปิดประเทศปลอดภัย คนไทยอยู่รอด" นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯ และรมว.สาธารณสุข รมว.สธ. ยืนยันด้วยว่าประเทศไทยมีความพร้อมในการควบคุมและรับมือกับการระบาดของโควิด-19 ทั้งในส่วนยารักษาโรค สถานที่คัดกรอง และบุคลากรทางการแพทย์ และพร้อมที่จะเปิดประเทศเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ แม้ว่าขณะนี้วัคซีนต้านโรคโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ 2019 หรือโควิด-19 จะยังอยู่ระหว่างการพัฒนา "เราสู้กันมา 10 เดือนแล้ว และเราเป็นฝ่ายตั้งรับไม่ได้แล้ว ต้องเป็นฝ่ายรุก" นายอนุทินกล่าว สธ. ได้เตรียมความพร้อมในทุกด้าน รวมทั้งได้ลงนามร่วมกับสถาบันพัฒนาวัคซีนชั้นนำเพื่อเข้าไปมีส่วนร่วมในการเข้าถึงวัคซีน มีการจัดสรรงบประมาณร่วมคิดค้น ซึ่งได้รับการเห็นชอบโดยรัฐบาลและรัฐสภา ดังนั้นเมื่อมีวัคซีนได้ ประเทศไทยจะอยู่ในลำดับต้น ๆ ที่จะเข้าถึงวัคซีนและนำมาให้กับคนไทยได้ นายอนุทินกล่าว "แม้ว่าจะมีการคิดค้นวัคซีนแล้ว เราก็ต้องรออย่างน้อยอีก 6 เดือน ดังนั้นในระหว่างนี้เราต้องการ์ดอย่าตก" เขากล่าวย้ำ ความมั่นคงในเรื่องยาและอุปกรณ์ในระดับสูง รมว.สาธารณสุข ยังยืนยันอีกว่า ประเทศไทยมีความพร้อมอย่างมาก หากพิจารณาจากสำรองยารักษาโรคโควิด หรือ ยาฟาวิพิราเวียร์ ปัจจุบันมีอยู่ 610,000 เม็ด และอยู่ในสถานะผู้ให้ผู้บริจาคได้ หากได้รับการติดต่อจากประเทศเพื่อนบ้านเพื่อแบ่งปันยาเหล่านี้เพื่อไปรักษาผู้ป่วยนอกจากนี้ ยังมียาฉีดอีกกว่า 710 หลอด ในส่วนของ หน้ากาก N-95 สำหรับบุคคลากรทางการแพทย์มีกว่า 2.73 ล้านชิ้น ซึ่งมากเพียงพอที่จำให้พวกเขาปลอดภัยในการรักษาระดับประชิดได้ ประกอบกับมีชุดป้องกันการติดเชื้อ (PPE) จากเดิมมีไม่ถึง 70,000 ชุดทั่วประเทศ แต่รัฐบาลภัยใต้ความร่วมมือกับสมาคมอุตสาหกรรมสิ่งทอไทย ทำให้สามารถผลิตได้เอง รวมกับการนำเข้ารวมอย่างน้อย 1.75 ล้านชิ้น เพียงพอรับมือสถานการณ์ได้ แต่กำลังการผลิตของโรงงานในประเทศไทยขณะนี้อยู่ที่ 60,000 ชุดต่อวัน สำหรับบุคคลทั่วไป การเข้าถึงหน้ากากอนามัยก็มากขึ้น จากเดิมที่ต้องเผชิญปัญหาเรื่องการกักตุนจนทำให้ราคาพุ่งไปถึงกว่า 20 บาทต่อชิ้น ตอนนี้สามารถปรับมาสู่ภาวะปกติ โดยกำลังการผลิตปัจจุบัน จากโรงงาน 60 แห่งมีศักยภาพในการผลิต 7.4 ล้านชิ้นต่อวัน นายอนุทินบอกว่าจากการอุบัติขึ้นของโรคโควิด-19 ก็ช่วยให้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการบริการสาธารณสุขมากขึ้น และด้วยความพร้อมทั้งหมดจึงคาดว่าการระบาดระลอก 2 อาจจะไม่เกิดขึ้นในไทย ด้วยการคัดกรองที่มีประสิทธิภาพ และการตรวจตราผู้ที่ลักลอบเข้าประเทศตามตะเข็บชายแดน นายกฯ เสนอ 4 ประเด็นให้อาเซียนร่วมรับมือโควิด-19 นายอนุชา บูรพชัยศรี โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ ได้สรุปผลการประชุมสุดยอดอาเซียน ครั้งที่ 37 และการประชุมสุดยอดที่เกี่ยวข้อง ผ่านระบบการประชุมทางไกล ของพล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา ในวันที่ 12 พ.ย. ว่า การรับมือกับการแพร่ระบาดและผลกระทบจากโควิด-19 ยังเป็นภารกิจสำคัญและเร่งด่วนที่อาเซียนต้องร่วมมือกัน ซึ่งนายกรัฐมนตรีเสนอ 4 ประเด็นสำคัญ ประกอบด้วย 1.การร่วมเสริมสร้างความร่วมมือด้านสาธารณสุข สร้างความมั่นคงและการพึ่งพาตนเองด้านวัคซีน เพื่อให้วัคซีนโควิด-19 เป็นสินค้าสาธารณะ ไทยได้ร่วมมือด้านการพัฒนาวัคซีนกับภาคส่วนต่าง ๆ และพร้อมแบ่งปันไปยังประเทศสมาชิกอาเซียน ให้ใช้ประโยชน์จากกองทุนอาเซียน เพื่อสนับสนุนการกระจายวัคซีนในภูมิภาคของเราในอนาคต ไทยยินดีสนับสนุนคลังสำรองอุปกรณ์ทางการแพทย์อาเซียนสำหรับภาวะฉุกเฉินด้านสาธารณสุข และพร้อมสมทบเวชภัณฑ์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็น ตลอดจนพร้อมที่จะเป็นที่ตั้งของศูนย์อาเซียนด้านภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขและโรคอุบัติใหม่ 2. ส่งเสริมแนวทางการฟื้นฟูและเยียวยาผลกระทบจากโควิด-19 แบบบูรณาการ ภูมิภาคของเราจะฟื้นตัวและปรับตัวกับความปกติใหม่ New Normal พร้อมร่วมรับรองกรอบการฟื้นฟูที่ครอบคลุมของอาเซียน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่ได้รับผลกระทบอย่างรุนแรง อาทิ SMEs เนื่องจากเป็นกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจที่สำคัญในภูมิภาค และสนับสนุนการจัดทำกรอบข้อตกลงระเบียงการเดินทางของอาเซียน 3.เสนอให้อาเซียนควรเตรียมความพร้อมในระยะยาวเพื่อยืนหยัดและต้านทานต่อความท้าทายใหม่ ๆ สร้างความเข้มแข็งจากฐานราก ผ่านการบูรณาการระดับภูมิภาค และส่งเสริมความเชื่อมโยงของห่วงโซ่อุปทาน เชื่อมโยงการทำธุรกรรมทางการค้าดิจิทัลในอาเซียนอย่างครบวงจร การสานต่อการส่งเสริมความยั่งยืนในทุกมิติ 4. อาเซียนต้องร่วมมือรักษาเสถียรภาพในภูมิภาค เพื่อสร้างบรรยากาศที่เอื้อต่อการรับมือกับการแพร่ระบาดและการฟื้นฟูเศรษฐกิจจากโควิด-19 ที่ทุกฝ่ายต้อง "แสวงจุดร่วม สงวนจุดต่าง" เพื่อป้องกันการเผชิญหน้าในภูมิภาคและเพิ่มพูนความร่วมมือที่เป็นประโยชน์แก่ทุกฝ่าย (win-win cooperation)
|
คณะกรรมการเฉพาะกิจพิจารณาการผ่อนคลายการบังคับใช้มาตรการในการป้องกันและยับยั้งการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 หรือ ศบค. ชุดเล็ก เห็นชอบในหลักการลดจำนวนวันกักตัวผู้ที่เดินทางเข้าประเทศไทยจาก 14 เหลือ 10 วัน แต่ต้องทำรายละเอียดเพิ่มเติมเสนอต่อ ศบค.ชุดใหญ่สัปดาห์หน้า
|
thailand-49996715
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-49996715
|
คณากร เพียรชนะ : อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 9 ยืนยัน "ไม่มีเจตนาแทรกแซงคดี"
|
นับเป็นการแสดงความเห็นครั้งแรกของนายเพิ่มศักดิ์หลังจากเหตุการณ์เมื่อวันที่ 4 ต.ค. ที่นายคณากรยิงตัวเองได้รับบาดเจ็บหลังอ่านคำพิพากษาและเผยแพร่แถลงการณ์กล่าวหาบุคคลในสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 9 ว่ามีพฤติกรรมแทรกแซงคดีโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย โดยคดีล่าสุดคือคดีที่ชายมุสลิม 5 คน เป็นจำเลยในคดีฆาตกรรม 5 ศพที่ อ.บันนังสตา จ.ยะลา เหตุเกิดเมื่อเดือน มิ.ย. 2561 นายสราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม เป็นผู้ถ่ายทอดคำพูดของนายเพิ่มศักดิ์ระหว่างการให้สัมภาษณ์พิเศษผู้สื่อข่าวในรายการข่าวสามมิติ ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ไทยทีวีสีช่อง 3 เมื่อคืนวันที่ 9 ต.ค. "ได้คุย (กับนายเพิ่มศักดิ์) หลายครั้งแล้ว ตั้งแต่เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 4 ต.ค. ก็ได้ติดต่อกับท่านโดยตลอด ท่านก็รายงานความคืบหน้า รายงานเหตุการณ์ ส่งข้อมูลให้สำนักงานศาลโดยตลอด ท่านเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และมองว่าการปฏิบัติหน้าที่ที่ผ่านมาทำไปตามระบบ และไม่มีเจตนาที่จะแทรกแซง" นายสราวุธอ้างคำพูดของอธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 9 นายเพิ่มศักดิ์ยังกล่าวกับเลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมด้วยว่า หากนายคณากรยืนยันคำพิพากษายกฟ้องในคดีนี้ ก็สามารถยืนยันตามนั้นได้ เพียงแต่ที่เขาทักท้วงไปนั้นก็เพื่อให้กระบวนการต่าง ๆ มีการพิจารณาโดยรอบคอบ สราวุธ เบญจกุล เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรม ระบุอธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 "เสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น" "ท่าน (เพิ่มศักดิ์) ไม่คาดคิดและเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมาก" นายสราวุธกล่าว พร้อมกับสรุปว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นอาจเกิดจาก "การสื่อสารที่คลาดเคลื่อน" นายสราวุธกล่าวเพิ่มเติมว่าคณะอนุกรรมการวิสามัญสอบข้อเท็จจริงที่คณะกรรมการตุลาการ (ก.ต.) มีคำสั่งตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 7 ต.ค. จะหาความจริงทั้งหมดในกรณีนี้และนำมารายงานต่อที่ประชุม ก.ต. ซึ่งหลังจากนั้น "ก็คงบอกสังคมได้ว่าเกิดอะไรขึ้นและจะแก้ไขอย่างไร" ชี้แจงประเด็นในแถลงการณ์ของ "คณากร" นายสราวุธยังได้กล่าวถึงข้อกล่าวหาในแถลงการณ์ของนายคณากรใน 2 ประเด็นหลัก คือ นายสราวุธชี้แจงประเด็นนี้ว่า ระบบตัดสินคดีและทำคำพิพากษาของศาลเป็นระบบ "องค์คณะ" ในศาลจังหวัดมีผู้พิพากษา 2 คนเป็นองค์คณะในการตัดสินคดี "หัวหน้าศาลหรืออธิบดีผู้พิพากษาจะไปสั่งผู้พิพากษาให้ตัดสินตามความต้องการไม่ได้ เพราะไม่ใช่ระบบข้าราชการพลเรือนที่บังคับบัญชาตามลำดับชั้น แต่เราสร้างกลไกให้คำพิพากษามีมาตรฐานและได้รับการกลั่นกรองจากผู้ที่มีประสบการณ์สูงกว่าเพื่อเป็นการคุ้มครองประโยชน์ของประชาชน" กลไกที่นายสราวุธกล่าวถึงนั้น คือให้อธิบดีผู้พิพากษาในเขตอำนาจรับผิดชอบให้ความเห็นต่อคำพิพากษาได้ "สมมติว่าองค์คณะบอกว่ายกฟ้อง แต่อธิบดีผู้พิพากษาเห็นควรให้ลงโทษ สิ่งที่อธิบดีฯ ทำได้คือให้คำแนะนำ หากองค์คณะยังยืนยันว่าต้องยกฟ้อง อธิบดีฯ ก็จะทำความเห็นแย้งซึ่งไม่ได้กระทบกับผลคำพิพากษา เพราะผลของคำพิพากษาจะเป็นไปตามที่องค์คณะตัดสิน แต่ความเห็นแย้งนี้มีประโยชน์สำหรับการใช้สิทธิในการอุทธรณ์ฎีกาต่อไป" นายสราวุธอธิบาย เขากล่าวด้วยว่า ในคดีความมั่นคงนั้นฝ่ายบริหาร ตำรวจ-ทหารไม่เคยมาแทรกแซงการทำหน้าที่ของศาล ศาลมีความเป็นกลางและมีอิสระในการพิพากษา "เราจะลงโทษคนตามพยานหลักฐาน เราจะไม่ลงโทษคนโดยมีเหตุสงสัยหรือไม่แน่ใจว่าจำเลยกระทำความผิดจริง ลงโทษไม่ได้ครับ...ถ้าหลักฐานไม่ชัดเจน ถึงเขาทำผิดจริง เราก็ลงโทษไม่ได้" นายคณากร เพียรชนะ ยังคงพักรักษาตัวอยู่ที่ รพ.ยะลา หลังก่อเหตุยิงตัวเองเมื่อวันที่ 4 ต.ค. 2562 ประเด็นที่นายคณากรกังวลว่า หากไม่แก้ไขคำพิพากษาให้เป็นไปตามความเห็นของอธิบดีผู้พิพากษาอาจถูกย้ายอย่างไม่เป็นธรรมนั้น นายสราวุธชี้แจงว่า การแต่งตั้งโยกย้ายผู้พิพากษาเป็นอำนาจของ ก.ต. ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นายคณากรจะถูกอธิบดีผู้พิพากษาสั่งย้าย "ก.ต.เป็นองค์กรที่กำหนดนโยบายบริหารงานบุคคลและเป็นหลักประกันความอิสระของผู้พิพากษา การแต่งตั้งโยกย้าย การลงโทษผู้พิพากษาเป็นอำนาจ ก.ต. ทั้งนั้น อธิบดีผู้พิพากษาภาคจะย้ายผู้พิพากษาในเขตอำนาจตัวเอง ถ้าผู้พิพากษาไม่ยินยอมนี่ย้ายไม่ได้นะครับ...ประธานศาลฎีกาจะสั่งย้ายผู้พิพากษาโดยไม่ได้รับความยินยอมยังทำไม่ได้เลย จะทำได้ก็ต่อเมื่อ ก.ต. ให้ความเห็นชอบเท่านั้น เพราะฉะนั้นที่บอกว่าถ้าไม่ทำตามแล้วจะถูกย้ายนี่เป็นไปไม่ได้เลย ก.ต.จะเป็นหลักประกันให้ผู้พิพากษาทั้งหมดว่าท่านจะได้รับการคุ้มครองและปฏิบัติหน้าที่โดยอิสระ" เลขาธิการสำนักงานศาลยุติธรรมกล่าว "ผมมั่นใจว่าผู้พิพากษา 5,000 กว่าคนในประเทศไทยทำหน้าที่ด้วยความอิสระ ปราศจากการแทรกแซง ถ้ามีการร้องเรียนว่ามีการแทรกแซง สำนักงานศาลจะดำเนินการและรายงานที่ประชุม ก.ต.และประธานศาลฎีกาในฐานะผู้บังคับบัญชาโดยทันที" นายสราวุธกล่าวทิ้งท้าย
|
นายเพิ่มศักดิ์ สายสีทอง อธิบดีผู้พิพากษาศาลภาค 9 ซึ่งเป็นผู้ที่นายคณากร เพียรชนะ ผู้พิพากษาหัวหน้าคณะชั้นต้นในศาลจังหวัดยะลากล่าวหาว่าเป็นผู้สั่งแก้ไขคำพิพากษาโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ยืนยันว่าเขาไม่มีเจตนาแทรกแซงคดีและทำตามระเบียบทุกประการ พร้อมกับแสดงความเสียใจต่อเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
|
international-51859486
|
https://www.bbc.com/thai/international-51859486
|
ไวรัสโคโรนา : กรรมการผู้อำนวยการใหญ่การบินไทย-ผอ.สุวรรณภูมิ ลาออก
|
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ทำหนังสือแจ้งตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยว่า นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ ได้ยื่นหนังสือขอลาออกจากตำแหน่งกรรมการผู้อำนวยการใหญ่และกรรมการบริษัท โดยทางบริษัทมีมติให้ลาออกได้ มีผลตั้งแต่วันที่ 11 เม.ย. โดยไม่ได้ชี้แจงเหตุผลแต่อย่างใด การบินไทยเป็นอีกหนึ่งสายการบินที่ได้รับผลกระทบเสียหายร้ายแรงจากวิกฤตโรคโควิด-19 และเมื่อปลายเดือน ก.พ. บริษัทได้พยายามรับมือด้วยการลดเงินเดือนพนักงานระดับผู้บริหารลง 15-25 เปอร์เซ็นต์แล้ว และเมื่อวันที่ 2 มี.ค.บริษัทการบินไทยรายงานผลประกอบการในปี 2562 ขาดทุน 1.2 หมื่นล้านบาท นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) แถลงข่าวชี้แจงต่อสื่อมวลชน เว็บไซต์ นิเคอิ เอเชียน รีวิว รายงานว่า นายสุเมธซึ่งเข้ารับตำแหน่งผู้อำนวยการใหญ่เมื่อปี 2560 ได้พยายามฟื้นฟูวิกฤตด้วยการปฏิรูปการปฏิบัติการให้มีประสิทธิผลมากขึ้น โดยในแผนฟื้นฟูรวมถึงการจัดซื้อเครื่องบินใหม่ 38 ลำเพื่อให้การบริหารจัดการฝูงบินเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น บริษัทคาดว่าการดำเนินงานแผนฟื้นฟูจะทำให้กลับมาทำกำไรได้อย่างยั่งยืนภายในปี 2565 แต่ต้องมาเผชิญอุปสรรคจากการระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ผู้สื่อข่าวรายงานว่าราคาหุ้นของการบินไทยเคลื่อนไหวต่ำสุดในการซื้อขายวันนี้ อยู่ที่หุ้นละ 3.68 บาท อีกด้านหนึ่ง นายนิตินัย ศิริสมรรถการ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า น.ท.สุธีรวัฒน์ สุวรรณวัฒน์ ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ได้ยื่นหนังสือลาออกจากตำแหน่งในวันนี้ ซึ่งตนได้ยับยั้งการลาออกแล้ว โดย น.ท.สุธีรวัฒน์ ได้ขอลาหยุดงานเป็นเวลา 7 วัน เพื่อกลับไปตัดสินใจเรื่องดังกล่าวอีกครั้ง
|
การลาออกจากตำแหน่งของผู้บริหารระดับสูงของสายการบินแห่งชาติและท่าอากาศยานนานาชาติแห่งหลักของประเทศ มีขึ้นในขณะที่อุตสาหกรรมการบินและท่องเที่ยวกำลังอยู่ในสภาพย่ำแย่เพราะพิษโคโรนาไวรัส
|
international-51854541
|
https://www.bbc.com/thai/international-51854541
|
ดาราศาสตร์: ดาวเคราะห์ก๊าซนอกระบบสุริยะมีฝนตกเป็นเหล็กหลอมเหลว
|
ภาพจากฝีมือศิลปิน แสดงให้เห็นฝนเหล็กหลอมเหลวที่ตกลงในฝั่งด้านมืดของดาว Wasp-76b ดาวเคราะห์ดังกล่าวมีชื่อว่า Wasp-76b อยู่ห่างจากโลกไป 640 ปีแสง โดยเป็นดาวเคราะห์ก๊าซที่คล้ายกับดาวพฤหัสบดี แต่มีขนาดใหญ่กว่า 2 เท่า และมีอุณหภูมิสูงกว่ามาก เพราะตั้งอยู่ในตำแหน่งที่ใกล้ชิดติดกับดาวฤกษ์ศูนย์กลาง จนทำให้ใช้เวลาโคจรวนรอบดาวฤกษ์ของตนเองสั้นมากเพียง 43 ชั่วโมงเท่านั้น Wasp-76b โคจรวนรอบดวงอาทิตย์ของมันโดยหันหน้าเพียงด้านเดียวเข้าหาอยู่เสมอ (tidal-locking) ทำให้ฝั่งที่ได้รับแสงสว่างหรือด้านที่เป็นเวลากลางวันอยู่ตลอดกาลมีอุณหภูมิร้อนแรงถึง 2,400 องศาเซลเซียส ในขณะที่ด้านตรงข้ามซึ่งมืดมิดอยู่ตลอดเวลา มีอุณหภูมิต่ำกว่าที่ 1,400 องศาเซลเซียส Espresso คือเครื่องวิเคราะห์จำแนกสารตัวใหม่ ที่นำมาติดตั้งกับกล้องโทรทรรศน์ VLT ที่ประเทศชิลี มีการตีพิมพ์รายงานการค้นพบนี้ลงในวารสาร Nature โดยดร. เดวิด เอห์เรนไฮซ์ ผู้นำทีมวิจัยระบุว่า ได้ใช้อุปกรณ์ตรวจวิเคราะห์และจำแนกสารที่มีชื่อว่า Espresso ซึ่งติดตั้งอยู่กับกล้องโทรทรรศน์ VLT ในประเทศชิลี ในการค้นหาและศึกษาลักษณะพิเศษทางเคมีของดาวเคราะห์ดังกล่าว เครื่องมือวิเคราะห์สาร Espresso พบว่า มีไอระเหยเข้มข้นของธาตุเหล็ก ซึ่งเป็นโมเลกุลที่แตกตัวในชั้นบรรยากาศร้อนจัดด้านสว่างของดาว ถูกพัดพาไปยังด้านมืดฝั่งตรงข้ามด้วยกระแสลมแรงที่มีความเร็วสูงสุดถึง 18,000 กม./ชม. เป็นประจำ เฟรเดริก พีเทอร์ส นักเขียนนิยายภาพเชิงวิทยาศาสตร์ ได้จินตนาการถึงบรรยากาศยามค่ำคืนท่ามกลางสายฝนเหล็ก กระแสลมดังกล่าวซึ่งเกิดจากอุณหภูมิที่แตกต่างกันสุดขั้วระหว่างด้านมืดและด้านสว่าง ได้หอบเอาไอระเหยของธาตุเหล็กไปยังส่วนของชั้นบรรยากาศที่เย็นกว่า จนเกิดการควบแน่นและตกลงมาเป็น "ฝนเหล็ก" ที่ฝั่งด้านมืดของดาว โดยอุณหภูมิในฝั่งนี้แม้จะต่ำกว่าด้านสว่าง แต่ก็ยังคงสูงพอที่จะทำให้ฝนเหล็กอยู่ในสถานะโลหะหลอมเหลวได้ "ลองจินตนาการดูว่า แทนที่ฝนจะตกลงมาเป็นหยดน้ำชุ่มฉ่ำแบบที่เราคุ้นเคยกันบนโลก ดวงดาวที่อยู่ไกลโพ้นกลับมีพายุฝนเทกระหน่ำลงมาเป็นเหล็กหลอมเหลวและร้อนจัดแทน" ดร. เอห์เรนไฮซ์ กล่าว ภาพจำลองดาวเคราะห์ก๊าซ Wasp-76b ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ชิดติดกับดาวฤกษ์ของมันอย่างมาก
|
แม้จะฟังดูเหมือนนิยายวิทยาศาสตร์ แต่ดาวเคราะห์ที่มีสภาพภูมิอากาศแปลกประหลาด เช่นมีฝนตกเป็นแร่ธาตุต่าง ๆ หรืออัญมณีล้ำค่านั้นมีอยู่จริง โดยล่าสุดทีมนักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยเจนีวาของสวิตเซอร์แลนด์ ได้ค้นพบดาวเคราะห์นอกระบบสุริยะที่ร้อนจัดดวงหนึ่ง ซึ่งดาวดวงนี้มีฝนตกเป็นเหล็กหลอมเหลวอยู่เสมอ
|
international-49432572
|
https://www.bbc.com/thai/international-49432572
|
เจ้าชายแอนดรูว์ : มิตรภาพที่น่ากังขากับผู้ต้องหากระทำความผิดทางเพศ
|
คดีของเจฟฟรีย์ เอปสตีน ทำให้เจ้าชาวแอนดรูว์ของอังกฤษ ทรงตกเป็นที่สนใจของคนทั่วโลก เจฟฟรีย์ เอปสตีน ถูกกล่าวหาว่าล่วงละเมิดทางเพศและค้าบริการทางเพศเด็กหญิง ดังนั้นการที่เจ้าชายแอนดรูว์ทรงคบค้าสมาคมกับบุคคลอย่างเอปสตีนจึงทำให้พระองค์ตกเป็นเป้าถูกวิพากษ์วิจารณ์ เจ้าชายแอนดรูว์ พระชันษา 59 ปี ดยุคแห่งยอร์ก เป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สองในสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 และเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ หลังจากมีผู้นำคลิปวิดีโอที่ปรากฏภาพของเจ้าชายแอนดรูว์เสด็จออกจากแมนชั่นฉาวของเจฟฟรีย์ เอปสตีน ในนครนิวยอร์ก ออกมาเผยแพร่ ทำให้สื่ออังกฤษพากันเรียกร้องให้พระองค์ทรงชี้แจงว่า รู้เรื่องราวเกี่ยวกับข้อกล่าวหาต่าง ๆ ของเอปสตีนมากน้อยแค่ไหน ผู้กระทำความผิดทางเพศ เจฟฟรีย์ เอปสตีน ถูกตัดสินว่ากระทำความผิดทางเพศเมื่อปี 2008 ก่อนที่จะถูกตั้งข้อหาค้ามนุษย์เพื่อการบริการทางเพศซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่รุนแรงกว่า เมื่อต้นเดือนสิงหาคม 2019 เอปสตีน ฆ่าตัวตายในเรือนจำ นสพ.เดอะเมล ของอังกฤษ ฉบับวันอาทิตย์ ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอที่ปรากฏภาพของเจ้าชายแอนดรูว์ ขณะอยู่ที่แมนชั่นหรูในย่านแมนฮัตตันของเจฟฟรีย์ เอปสตีน มีรายงานว่า คลิปวิดีโอนี้เป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในปี 2010 หรือสองปี หลังจากที่เอปสตีนถูกตัดสินว่า มีความผิดครั้งแรก เวอร์จิเนีย โรเบิร์ตส์ อ้างว่า เธอมีเพศสัมพันธ์กับเจ้าชายแอนดรูว์ ซึ่งเป็นข้อกล่าวหาที่ทางสำนักพระราชวังปฏิเสธ ในคลิปวิดีโอปรากฏภาพของ เจฟฟรีย์ เอปสตีน เป็นคนแรก โดยเขาออกมาจากที่พักพร้อมกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งดูจะยังเป็นผู้เยาว์ จากนั้นในอีกราว 1 ชั่วโมงต่อมา ก็ปรากฏภาพของเจ้าชายแอนดรูว์ ทรงเปิดประตูออกจากด้านใน แมนชั่น พร้อมกับหญิงสาวอีกคนหนึ่ง เธอออกจากที่พักดังกล่าว ขณะที่เจ้าชายแอนดรูว์ ทรงโบกพระหัตถ์ร่ำลา ยอมรับผิดเพื่อลดโทษ ในปี 2008 เอปสตีน อดีตผู้จัดการกองทุนเก็งกำไร ได้ยอมรับสารภาพในข้อหาซื้อบริการทางเพศ และข้อหาซื้อบริการทางเพศจากผู้เยาว์ หลังจากที่ได้ทำความตกลงกับทางการสหรัฐฯ เอปสตีนก็รอดพ้นจากการถูกตั้งข้อหาที่จะนำไปสู่ การไต่สวนภายใต้กฎหมายระดับประเทศไม่ใช่ระดับรัฐ ซึ่งอาจทำให้เขาถูกตัดสินจำคุกตลอดชีวิตได้ โดยข้อตกลงที่ทำส่งผลให้เขาได้รับโทษจำคุกที่เบาลงมาก คือเพียง 13 เดือน ก่อนจะถูกปล่อยตัว ในฐานะผู้กระทำ ความผิดทางเพศที่ถูกขึ้นทะเบียน ซึ่งมีการบันทึกข้อมูลรายละเอียดส่วนบุคคล พร้อมประวัติทางอาชญากรรม ในขณะนั้น สื่อสหรัฐฯ ออกมาวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักว่าเป็นการกระทำเพื่อปกปิดความผิดของ เอปสตีน และทำให้การสอบสวนของสำนักงานสอบสวนกลางหรือเอฟบีไอ ที่กำลังสืบว่า มีเหยื่อรายอื่นอีกหรือไม่ และบุคคลที่มีอิทธิพลอื่น ๆ ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้หรือไม่ ต้องยุติลง เจ้าชายแอนดรูว์ (ซ้าย) ยังทรงติดต่อกับเจฟฟรีย์ เอปสตีน หลังจากที่เขาถูกตัดสินว่าผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเพศ เจฟฟรีย์ เอปสตีน คบค้าสมาคมกับบรรดาเศรษฐีและบุคคลที่ทรงอิทธิพลจำนวนมาก ก่อนที่เขาจะถูกดำเนินคดีอาญาครั้งแรก โดยบุคคลดังกล่าวยังรวมถึงอดีตประธานาธิบดีบิล คลินตัน และประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ อย่างไรก็ดี เมื่อชื่อเสียงเริ่มแปดเปื้อน เพื่อนฝูงซึ่งเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงหลายคนก็ตีตัวออกห่าง แต่เจ้าชายแอนดรูว์ยังทรงติดต่อกับเขาอยู่ ข้อกล่าวหาของเวอร์จิเนีย โรเบิร์ตส์ นอกจากคลิปวิดีโอดังกล่าวแล้ว ยังปรากฏภาพถ่ายของเจ้าชายแอนดรูว์เมื่อปี 2001 ทรงโอบเวอร์จิเนีย โรเบิร์ตส์ ผู้หญิงที่กล่าวอ้างในเอกสารที่ยื่นต่อศาลสหรัฐฯ ว่า เจ้าชายแอนดรูว์ ทรงมีเพศสัมพันธ์กับเธอ ขณะที่เธอมีอายุ 17 ปี โดยเหตุการณ์เกิดขึ้นหลังจากที่เจฟฟรีย์ เอปสตีน ได้แนะนำเธอให้รู้จักกับ เจ้าชายแอนดรูว์ อย่างไรก็ดี สำนักพระราชวังบักกิงแฮม ได้ออกมาปฏิเสธ เช่นเดียวกับศาลสหรัฐฯ ที่ไม่รับพิจารณาข้อกล่าวหานี้ เจ้าชายแอนดรูว์ ทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่ 2 ของสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งอังกฤษ และเจ้าชายฟิลิป ดยุคแห่งเอดินบะระ พระสวามี หลังจากเดอะเมลเผยแพร่คลิปดังกล่าวเมื่อวันอาทิตย์ ทางสำนักพระราชวังได้ออกแถลงการณ์ว่า"เจ้าชายแอนดรูว์ไม่ทรงสนับสนุนการหาประโยชน์จากมนุษย์อย่างไม่เป็นธรรม และการออกมาระบุว่า พระองค์ทรงยอมรับ มีส่วนร่วม หรือสนับสนุนพฤติกรรมดังกล่าว ล้วนเป็นเรื่องที่น่ารังเกียจ" อย่างไรก็ตาม เรื่องหนึ่งที่ดูเหมือนจะทรงไม่สามารถโต้แย้งได้ก็คือ เจ้าชายแอนดรูว์ยังคงติดต่อคบหากับ ผู้ที่กระทำความผิดเกี่ยวทางเพศอยู่ต่อไปอีก แม้เรื่องราวของบุคคลเหล่านี้ได้ปรากฏต่อสาธารณชนแล้วก็ตาม และจนถึงขณะนี้ก็ยังไม่มีคำชี้แจงใด ๆ จากทางสำนักพระราชวังและเจ้าชายแอนดรูว์เอง แม้ว่าเจฟฟรีย์ เอปสตีน จะเสียชีวิตไปแล้ว การสืบสวนเกี่ยวกับข้อกล่าวหาลักลอบค้าบริการทางเพศและเรื่องที่เกี่ยวข้องยังคงไม่ยุติลง ทำให้คนทั่วโลกเฝ้ารอว่า ทางสำนักพระราชวังอังกฤษจะมีคำแถลงออกมาอย่างไรในอนาคต ไมเคิล โคล อดีตผู้สื่อข่าวราชสำนักของบีบีซี เห็นว่าราชวงศ์อังกฤษยังรับมือกับข้อกล่าวหาต่าง ๆ ในเรื่องนี้ไม่ดีพอ "ต้องมีคำตอบ" ''แค่ออกมาปฏิเสธอย่างแข็งกร้าวนั้นไม่ได้ผล" เขากล่าวกับรายการนิวส์ไนท์ ของบีบีซี ''เรื่องนี้ต้องมีคำตอบ" "นี่เป็นเรื่องที่ร้ายแรงมาก และจะยิ่งแย่ลงไปอีกทั้งต่อเจ้าชายและทางสำนักพระราชวังบักกิงแฮม" ไมเคิล โคล คาดว่าผู้ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์เพื่อบริการทางเพศของเอปสตีน จะฟ้องคดีความทางแพ่งในสหรัฐฯ อย่างน้อย 1 คดี หรือมากกว่านั้น ซึ่งจะทำให้เจ้าชายแอนดรูว์ทรงต้องเข้าสู่กระบวนการไต่สวนตามระบบยุติธรรมของสหรัฐฯ ทนายความในสหรัฐฯ กำลังขอให้เจ้าชายทรงให้การในฐานะที่ทรงเป็นพยานสำคัญในคดีลักลอบค้าบริการทางเพศของเอปสตีน ไมเคิล โคล กล่าวว่า "ไม่ว่าคุณจะอยู่สูงขนาดไหน ในระบบยุติธรรมของสหรัฐฯ กฎหมายก็อยู่เหนือคุณ" สำนักพระราชวัง สนับสนุนเจ้าชายแอนดรูว์อย่างหนักแน่น และปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
|
การฆ่าตัวตายในเรือนจำของสหรัฐฯ ของเจฟฟรีย์ เอปสตีน นักการเงินและมหาเศรษฐีผู้ทรงอิทธิพล ระหว่างรอการไต่สวนข้อกล่าวหาอาชญากรรมทางเพศ ได้จุดประกายความสนใจในตัวเจ้าชายแอนดรูว์ สมาชิกราชวงศ์อังกฤษ ซึ่งกำลังถูกตั้งคำถาม เกี่ยวกับข้อกล่าวหาว่าทรงมีเพศสัมพันธ์กับผู้เยาว์
|
international-46728776
|
https://www.bbc.com/thai/international-46728776
|
บริษัทในจีนโคลนสุนัขชื่อดัง และให้บริการรับโคลนสัตว์เลี้ยง
|
เทคโนโลยีทางพันธุกรรมทำให้สุนัขเหล่านี้มีลักษณะเหมือนกัน ก่อนที่จะเป็นสุนัขโด่งดังในสื่อจีน จูซ เคยเป็นสุนัขพันธุ์ทางข้างถนน เหอ จวิน เจ้าของและผู้ฝึกสอนของจูซ เล่าว่า "จูซ ได้แสดงในภาพยนตร์และละครหลายเรื่อง มีผู้ชื่นชอบจำนวนมาก มันเป็นส่วนหนึ่งของทรัพย์สินทางปัญญาที่มีอิทธิพลทางสังคม เราจึงอยากรักษารูปลักษณ์ของมันไว้ต่อไป" แต่เพราะจูซ ถูกตอนตั้งแต่เล็กและไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ ทำให้ Sinogene บริษัทโคลนนิ่งของจีน ต้องเข้ามาช่วย ด้วยเงิน 50,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ พวกเขาสามารถโคลนด้วยเซลล์จากท้องของจูซได้ พวกเขาใช้เซลล์ตัวอย่างในการพัฒนาเป็นตัวอ่อนซึ่งถูกฝังลงในแม่อุ้มบุญ 2-3 เดือนต่อมา "ลิตเติ้ล จูซ" ก็ถือกำเนิดขึ้น เหอ จวิน บอกว่า "เราเชื่อว่า มันจะแสดงได้ดีกว่า จูซ เพื่อนผมต่างบอกว่า นี่คือ สุนัขที่แพงที่สุด เราจะต้องเอาใจใส่มันมากกว่าสุนัขตัวอื่น" ในอนาคต Sinogene ต้องการตัดต่อพันธุกรรมเพื่อเพื่อเปลี่ยนแปลงลักษณะของสัตว์ด้วย จีนมีอุตสาหกรรมเทคโนโลยีชีวภาพที่ก้าวหน้ามาก แต่ยังเป็นที่ถกเถียงกันอยู่ โดยในเดือน พ.ย. ที่ผ่านมา นักวิทยาศาสตร์คนหนึ่งในเซินเจิ้น อ้างว่าได้ตัดต่อยีนของทารก ผลงานของ เฮ่อ เจี้ยนขุย ถูกโจมตี ว่าผิดกฎหมาย ละเมิดจริยธรรม และไม่ผ่านการตรวจสอบทางวิทยาศาสตร์ แต่อนาคตของพันธุศาสตร์ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อ ลิตเติ้ล จูซ มันยังคงร่าเริงสนุกสนาน
|
จูซ เป็นสุนัขที่โด่งดังจากการแสดงในภาพยนตร์และละครหลายสิบเรื่องของจีน เจ้าของของมันต้องการให้มีสุนัขที่มีลักษณะเหมือนจูซ แต่ตัวมันเองถูกตอนตั้งแต่เล็กและไม่สามารถสืบพันธุ์ได้ ทำให้เจ้าของของจูซต้องพึ่งบริษัทโคลนนิ่ง
|
international-49797769
|
https://www.bbc.com/thai/international-49797769
|
เกรียตา ทุนแบร์ย นักกิจกรรมหญิงวัย 16 ปี ตำหนิผู้นำโลกในที่ประชุมยูเอ็น ไม่ใส่ใจแก้ปัญหาสภาพภูมิอากาศโลก
|
การประชุมพิเศษนี้มีชื่อว่า Climate Action โดยการเปิดการประชุมครั้งนี้มีขึ้นโดยไร้เงาผู้นำสำคัญของโลกหลายคน เช่น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ รวมทั้งผู้นำบราซิล และซาอุดีอาระเบีย "นี่มันไม่ใช่เรื่องที่ถูกต้อง ฉันไม่ควรมาอยู่ตรงนี้ ฉันควรกลับไปเรียนหนังสือที่อีกฟากของมหาสมุทร" นักรณรงค์เพื่อสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดน วัย 16 ปี ซึ่งพักการเรียนเพื่อมาเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมเป็นเวลา 1 ปี กล่าวต่อบรรดานักการเมืองและผู้นำโลกด้วยท่าทีเดือดดาล "พวกคุณมาฝากความหวังไว้กับคนหนุ่มสาว พวกคุณกล้าดียังไง" "พวกคุณขโมยความฝันและวัยเด็กของฉันไปด้วยคำพูดที่เลื่อนลอย แต่ฉันก็ยังถือว่าโชคดี...ผู้คนกำลังเผชิญความทุกข์ยาก ผู้คนกำลังล้มตาย ระบบนิเวศกำลังล่มสลาย" "พวกเรากำลังอยู่ในช่วงเริ่มต้นของการสูญพันธุ์ครั้งใหญ่ แต่สิ่งที่พวกคุณเอาแต่พูดถึงก็คือเรื่องเงินทองและการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ไม่สิ้นสุด กล้าดียังไง!" ในตอนหนึ่ง สาวน้อยเกรียตา กล่าวว่า ในการพูดคุยกับบรรดาผู้นำทั้งหลาย ผู้ใหญ่มักพูดว่าได้ยินและเข้าใจในสิ่งที่เยาวชนบอก "แต่ไม่ว่าฉันจะเศร้าและโมโหเพียงใด ฉันไม่อยากจะเชื่อคำพูดเหล่านั้น เพราะหากพวกคุณเข้าใจถึงสถานการณ์จริง แล้วยังคงไม่ยอมทำอะไร ก็หมายความว่าพวกคุณเป็นคนไม่ดี และฉันจะไม่ยอมเชื่อ" นอกจากนี้ เกรียตา ยังกล่าวถึงเป้าหมายที่นายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ กำหนดไว้ในการประชุมครั้งนี้โดยขอให้ประเทศต่าง ๆ ขยายคำมั่นที่จะแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศด้วยว่า "คงจะไม่มีการแก้ปัญหาหรือแผนการใด ๆ มาเสนอให้สอดคล้องกับตัวเลขที่นำเสนอในวันนี้ เพราะตัวเลขเหล่านี้มันน่าอึดอัดใจเกินไป และพวกคุณก็ไม่เป็นผู้ใหญ่พอที่จะพูดมันไปตามความเป็นจริง" เกรียตา ยังได้ตำหนิผู้นำโลกที่เพิกเฉยและล้มเหลวในการหยุดยั้งปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ "พวกคุณทำให้เราผิดหวัง...แต่คนหนุ่มสาวเริ่มจะเข้าใจการทรยศของพวกคุณ...สายตาของคนรุ่นใหม่ทุกดวงจะจับจ้องไปที่พวกคุณ และหากพวกคุณเลือกที่จะไม่ทำตามสิ่งที่พวกเราคาดหวังอีก ฉันบอกได้เลยว่า พวกเราไม่มีวันจะให้อภัยพวกคุณ!" ในการประชุมว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลกในวันที่ 23 ก.ย. ผู้นำหลายชาติประกาศแผนการช่วงบรรเทาสาเหตุที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น หรือแผนการร่วมมือกันของหลายประเทศในการจัดการกับปัญหานี้ โดยผู้นำจากจีน อินเดีย ฝรั่งเศส เยอรมนี และสหราชอาณาจักร กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุม แต่ผู้นำญี่ปุ่น และออสเตรเลีย ไม่เข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เนื่องจากสนับสนุนการใช้ถ่านหิน ก่อนหน้าที่ผู้นำโลกจะหารือกันในการประชุมครั้งนี้ ได้มีการเผยแพร่ข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่เผยให้เห็นถึง สัญญาณและผลกระทบของโลกร้อนกำลังเร่งตัวขึ้น ข้อมูลที่รวบรวมโดยองค์การอุตุนิยมวิทยาโลก (World Meteorological Organization--WMO) ระบุว่า ช่วงเวลา 5 ปี ตั้งแต่ปี 2014-2019 เป็นช่วงเวลาที่โลกร้อนที่สุดเท่าที่เคยบันทึกสถิติ โดยพบว่า 1.อุณหภูมิโลกเพิ่มขึ้น 1.1 องศาเซลเซียสตั้งแต่ปี 1850 แต่ในช่วงระหว่างปี 2011-2015 เพิ่มขึ้น 0.2 องศาเซลเซียส 2.การปล่อยคาร์บอนสู่ชั้นบรรยากาศระหว่างปี 2015-2019 เพิ่มขึ้น 20% เทียบกับช่วง 5 ปีก่อนหน้านั้น 3.ระดับน้ำทะเลตั้งแต่ปี 1993 จนถึงปัจจุบัน เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 3.2 มิลลิเมตรต่อปี แต่ในช่วงเดือน พ.ค. 2014-2019 เพิ่มขึ้น 5 มิลลิเมตรต่อปี ส่วนช่วง 10 ปี ตั้งแต่ปี 2001-2016 เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4 มิลลิเมตรต่อปี เพตเตรี ทาอาเลส เลขาธิการ WMO ระบุว่า ในการจำกัดอุณหภูมิโลกไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 2 องศาเซลเซียส เมื่อเทียบกับระดับในช่วงก่อนปฏิวัติอุตสาหกรรม จำเป็นต้องเพิ่มความพยายามเป็น 3 เท่า และหากต้องการจำกัดไม่ให้เพิ่มขึ้นเกิน 1.5 องศาเซลเซียส ต้องเพิ่มความพยายามเป็น 5 เท่าจากปัจจุบัน ผู้ประท้วงจะขนหุ่นเติมลมรูปนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ ของญี่ปุ่น ไปประท้วงที่หน้าตึกสหประชาชาติ เพราะนายอาเบะสนับสนุนถ่านหิน
|
เกรียตา ทุนแบร์ย นักรณรงค์ด้านสิ่งแวดล้อมชาวสวีเดน ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์เปิดการประชุมสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศโลก ที่นครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ตำหนิผู้นำนานาชาติว่า ทรยศต่อคนรุ่นเยาว์ด้วยการนิ่งเฉยต่อปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศที่กำลังคุกคามโลก
|
international-53651314
|
https://www.bbc.com/thai/international-53651314
|
โควิด-19: วัคซีนจะพร้อมใช้งานได้เมื่อไหร่
|
นักวิทยาศาสตร์กำลังเร่งคิดค้นวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 โดยปกติการพัฒนาวัคซีนต้องใช้เวลานานหลายปีบางชนิดอาจเป็นหลายสิบปี ขณะนี้ทั่วโลกมีผู้พยายามพัฒนาวัคซีนนี้มากกว่า 150 ราย บางรายมีความคืบหน้า ได้ผลเป็นที่น่าพอใจ ทำให้เกิดการตอบสนองของระบบภูมิคุ้มกันด้วยการสร้างแอนติบอดี (สารภูมิต้านทาน) ที-เซลล์ และไม่มีผลข้างเคียงรุนแรง แอนติบอดีคือโปรตีนคุ้มกัน คอยต่อสู้กับเชื้อโรคร้าย ที-เซลล์ บางชนิดช่วยฆ่าเซลล์ที่ติดเชื้อและอีกหลายชนิดช่วย บี-เซลล์ สร้างแอนติบอดีให้ถูกชนิดเพื่อต่อสู้กับเชื้อไวรัสได้ ยังไม่แน่ชัดว่าภูมิคุ้มกันต้านโรคโควิด-19 จะคงอยู่ได้นานแค่ไหน เรารู้จักไวรัสโคโรนาอื่น ๆ 6 สายพันธุ์ ที่ก่อให้เกิดโรคในมนุษย์ มานานแล้ว ภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติที่ใช้ต่อสู้กับไวรัสโคโรนา 4 สายพันธุ์ที่พบบ่อยนั้นโดยทั่วไปคงอยู่ได้เพียงไม่กี่ปี อาจต้องมีการฉีดวัคซีนโรคโควิด-19 เพื่อกระตุ้นภูมิคุ้มกันเป็นประจำ นักวิทยาศาสตร์กำลังทำหลายทางเพื่อผลิตวัคซีนและวัคซีนหลายชนิดที่ใช้ทดลองกับมนุษย์ก็มาจากการใช้รหัสพันธุกรรมของไวรัสร่วมด้วย การทดลองวัคซีนอื่น ๆ ในมนุษย์และสัตว์ ยังใช้วิธีการดั้งเดิมคือการใช้ไวรัสที่หมดฤทธิ์แล้วหรืออ่อนแอ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ว่าอาจคิดค้นวัคซีนได้มากกว่าหนึ่งชนิดซึ่งหากเป็นเช่นนั้น ก็อาจจะเป็นประโยชน์อย่างมากเพราะแต่ละชนิดอาจจะให้ผลต่างกันในประชากรต่างกลุ่ม แม้การคิดค้นวัคซีนจะก้าวหน้าแต่ยังไม่มีใครยืนยันว่าจะคิดค้นวัคซีนที่ให้ผลในการป้องกันโรค เมื่อยังไม่มีวัคซีน ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็อาจติดเชื้อไวรัสนี้ นักวิทยาศาสตร์บางคนหวังว่า จะมีวัคซีนจำนวนจำกัดพร้อมใช้ได้ก่อนสิ้นปีนี้ แต่ส่วนใหญ่คาดว่าจะพัฒนาวัคซีนได้สำเร็จในช่วงกลางปี 2021 เมื่อหน่วยงานกำกับดูแลอนุมัติให้ใช้วัคซีนได้แล้วก็จะมีการผลิตวัคซีนหลายพันล้านโดสแต่ยังอาจมีเรื่องให้ต้องปวดหัวคือการจัดส่งและบริหารจัดการในระดับโลกที่ต้องอาศัยความร่วมมือ เพื่อไม่ให้คนยากจนที่สุดพลาดโอกาสเข้าถึงวัคซีน เจ้าหน้าที่สาธารณสุขอาจเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีนก่อน แต่ใครจะเป็นคนกลุ่มถัดไป ? หมายเหตุ เนื้อหานี้ผลิตขึ้นโดยการสนับสนุนจากเวลล์คัมทรัสต์
|
ขณะนี้กำลังมีผู้พัฒนาวัคซีนป้องกันโรคโควิด-19 มากกว่า 150 ราย ทั่วโลก การทดลองได้ผลเป็นที่น่าพอใจ เมื่อคิดค้นวัคซีนได้แล้ว ก็จะมีการผลิตวัคซีนหลายพันล้านโดสส่งกระจายไปทั่วโลก ใครจะเป็นคนกลุ่มแรกที่ได้รับวัคซีน
|
features-54452103
|
https://www.bbc.com/thai/features-54452103
|
ไข่เต่าปลอมไฮเทคติดจีพีเอส ช่วยนักอนุรักษ์จับขโมยได้คาหนังคาเขา
|
ไข่เต่าปลอมจะถูกนำไปวางผสมปนเปกับของจริงที่แม่เต่าไข่ทิ้งไว้ในหลุมตามชายหาด เพื่อให้เจ้าหน้าที่สามารถติดตามหัวขโมยที่นำมันไปขายได้ถึงแหล่งส่งมอบสินค้า ซึ่งบางครั้งอยู่ไกลออกไปกว่าร้อยกิโลเมตร ไข่เต่าปลอมไฮเทคถูกคิดค้นขึ้นเมื่อไม่กี่ปีก่อนโดย ดร. คิม วิลเลียมส์ - กีเยน นักวิทยาศาสตร์ประจำองค์กรอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมในประเทศนิการากัว เธอได้รับแรงบันดาลใจจากละครซีรีส์แนวสืบสวนสอบสวน ที่ตำรวจมักจะแอบติดตั้งอุปกรณ์จีพีเอสกับสิ่งของหรือสินค้าที่คนร้ายทำการเคลื่อนย้าย เพื่อให้ล่วงรู้ความเคลื่อนไหวของขบวนการนอกกฎหมายได้ ไข่เต่าปลอมไฮเทคที่จะนำไปปะปนกับไข่เต่าทะเลของจริงเพื่อจับขโมย ล่าสุดมีการวิจัยถึงประสิทธิผลของไข่เต่าปลอมนี้ โดยดร. เฮเลน ฟีซีย์ จากมหาวิทยาลัยเคนต์ของสหราชอาณาจักร ได้ตีพิมพ์ผลการศึกษาลงในวารสาร Current Biology ระบุว่าสิ่งประดิษฐ์นี้ช่วยลดปัญหาการลักลอบค้าไข่เต่าทะเลลงได้อย่างมาก ทั้งยังไม่เป็นอันตรายต่อไข่เต่าของจริงที่ยังไม่ได้ฟักเป็นตัวด้วย ก่อนหน้านี้ไข่เต่าที่ชายหาดบางแห่งของคอสตาริกาถึง 90% ไม่มีโอกาสจะได้ฟักเป็นลูกเต่า เนื่องจากมีการลักลอบนำไปขายเป็นอาหารที่คนนิยมบริโภค แต่หลังจากนักอนุรักษ์ใช้ไข่เต่าปลอมซึ่งส่งสัญญาณบอกพิกัดตำแหน่งของมันชั่วโมงละครั้ง เจ้าหน้าที่ตำรวจก็สามารถติดตามแกะรอยหัวขโมยไปจนถึงแหล่งรับซื้อได้ จากการทดลองใช้ไข่เต่าปลอมติดจีพีเอส 101 ใบ หลอกล่อคนร้ายที่ชายหาด 4 แห่ง พบว่าในจำนวนนี้ 25% ไม่ถูกนำออกไปจากหลุม หรือถูกคัดแยกทิ้งไปเสียก่อนที่ตำรวจจะติดตามไปถึงจุดหมายปลายทาง แต่อย่างไรก็ตาม ไข่เต่าปลอมที่หัวขโมยนำติดตัวไป ทำให้มีการจับกุมผู้ลักลอบค้าทั้งขบวนการได้ถึง 5 ครั้ง โดยติดตามแกะรอยได้ไกลที่สุดถึง 137 กิโลเมตร "ความผิดฐานลักลอบค้าสัตว์ป่าหรือของป่า มีโทษหนักกว่าการขุดเอาไข่เต่าในเขตหวงห้ามเพียงอย่างเดียว ซึ่งอุปกรณ์นี้ช่วยให้เราแกะรอยติดตามและทลายขบวนการค้าไข่เต่าได้ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ" ดร. ฟีซีย์ กล่าว
|
ประเทศคอสตาริกาในภูมิภาคอเมริกากลาง แก้ปัญหาการลักลอบค้าไข่เต่าทะเลซึ่งเป็นการทำลายระบบนิเวศและสิ่งแวดล้อม ด้วยการใช้ไข่เต่าปลอมไฮเทคที่ผลิตด้วยเครื่องพิมพ์สามมิติ แถมสอดไส้อุปกรณ์ส่งสัญญาณจีพีเอสไว้ภายในด้วย
|
international-49920269
|
https://www.bbc.com/thai/international-49920269
|
พบทารกในครรภ์มี “มือตุ๊กแก” กล้ามเนื้อชุดพิเศษที่สลายไปก่อนคลอด
|
ภาพสแกนมือซ้ายของทารกในครรภ์ แสดงให้เห็นกล้ามเนื้อชุดพิเศษที่คล้ายกับของสัตว์เลื้อยคลาน รายงานการค้นพบดังกล่าวตีพิมพ์เผยแพร่ในวารสาร Development โดยทีมนักชีววิทยาประจำมหาวิทยาลัยฮาวเวิร์ด (Howard University) ของสหรัฐฯ ระบุว่า "มือตุ๊กแก" ที่ทารกในครรภ์มีอยู่เพียงชั่วคราวนั้น อาจจะเป็นร่องรอยที่เหลืออยู่จากบรรพบุรุษที่เป็นสัตว์เลื้อยคลานในอดีตเมื่อ 250 ล้านปีที่แล้ว ก่อนที่จะมีวิวัฒนาการมาเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมอย่างเช่นมนุษย์ในปัจจุบัน มีการสแกนภาพสามมิติของกล้ามเนื้อมือ ซึ่งได้จากทารกในครรภ์ 15 ราย พบว่าชุดกล้ามเนื้อดังกล่าวไม่มีอยู่ในสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมและมนุษย์วัยผู้ใหญ่ ทำให้สันนิษฐานได้ว่าเป็นลักษณะทางกายภาพชั่วคราว ที่ตกทอดมาจากบรรพบุรุษและยังคงหลงเหลือให้เห็น เช่นเดียวกับไส้ติ่ง ฟันคุด และกระดูกก้นกบในมนุษย์ อย่างไรก็ตาม ทีมผู้วิจัยยังไม่ทราบแน่ชัดว่า เหตุใดกล้ามเนื้อมือชุดดังกล่าวจึงสลายไปเป็นส่วนใหญ่เมื่อทารกในครรภ์เติบโตขึ้น แต่พบว่ากล้ามเนื้อของสัตว์เลื้อยคลานที่เหลืออยู่ได้กลายเป็นส่วนหนึ่งของชุดกล้ามเนื้อนิ้วหัวแม่มือ ซึ่งส่งผลให้นิ้วนี้สามารถขยับเคลื่อนไหวได้แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพเหนือกว่านิ้วอื่น ๆ ภาพสแกนกล้ามเนื้อเท้าของทารกในครรภ์ ดร. รุย ดิโอโก หัวหน้าทีมวิจัยบอกว่า "บางทีมันอาจเป็นเรื่องจำเป็น ที่จะต้องสร้างกล้ามเนื้อมือแบบตุ๊กแกขึ้นมาทั้งชุดก่อน เพื่อให้ได้กล้ามเนื้อชิ้นพิเศษที่ใช้เสริมสมรรถภาพของนิ้วโป้ง แต่หลังจากนั้น กล้ามเนื้อแบบสัตว์เลื้อยคลานในนิ้วมืออื่น ๆ ก็จะสูญสลายไป เพราะเราไม่จำเป็นจะต้องใช้มันอีกแล้ว" ก่อนหน้านี้มีการใช้เทคนิคเดียวกันศึกษากล้ามเนื้อเท้าของทารกในครรภ์ และพบว่ามีการพัฒนากล้ามเนื้อชุดพิเศษขึ้นมาเช่นเดียวกับกล้ามเนื้อมือในช่วงหนึ่ง ก่อนที่จะสลายตัวไปเมื่ออายุครรภ์มากขึ้น แต่ในสัตว์จำพวกลิงแล้ว กล้ามเนื้อเท้าชุดพิเศษดังกล่าวจะยังคงอยู่จนพวกมันโตเต็มวัย ทำให้สามารถใช้เท้าช่วยปีนป่ายต้นไม้และหยิบจับสิ่งของได้ดีกว่ามนุษย์ "การที่เราทิ้งหรือสูญเสียสิ่งใดไปในขั้นตอนของวิวัฒนาการ ไม่ได้หมายความว่าเรากำลังก้าวไปข้างหน้า หรือกำลังมีพัฒนาการดีขึ้นกว่าเดิม มันแค่บ่งชี้ว่าเราไม่จำเป็นต้องใช้สิ่งนั้นแล้วก็เท่านั้น" ดร. ดิโอโกกล่าว "อันที่จริง การคงลักษณะพิเศษที่เกิดขึ้นระหว่างอยู่ในครรภ์เอาไว้ อาจจะทำให้เกิดยอดมนุษย์ที่เหนือกว่าคนทั่วไปขึ้นก็ได้ แต่ในกรณีของกล้ามเนื้อมือชุดพิเศษนี้ หากไม่สลายตัวไปในครรภ์และยังหลงเหลืออยู่เมื่อเด็กเกิดมา อาจทำให้มือและแขนพิการผิดรูปได้"
|
ทีมนักชีววิทยาชาวอเมริกันใช้เทคนิคใหม่ล่าสุดในการสแกนภาพอวัยวะภายในของมนุษย์ จนค้นพบว่าทารกในครรภ์อายุระหว่าง 7-13 สัปดาห์ มีกล้ามเนื้อมือชุดพิเศษที่คล้ายกับของสัตว์เลื้อยคลานจำพวกจิ้งจกตุ๊กแกอยู่ ซึ่งกล้ามเนื้อลักษณะประหลาดนี้จะสลายตัวไปเป็นส่วนใหญ่ก่อนที่ทารกจะครบกำหนดคลอด
|
international-54891506
|
https://www.bbc.com/thai/international-54891506
|
เป็นไปได้ไหมที่หนังเอเชียจะเอาชนะฮอลลีวูด หลังโควิด-19 ทำให้การผลิตภาพยนตร์จากโลกตะวันตกล่าช้า
|
เทศกาลหนังเกาหลีที่กรุงลอนดอนปีนี้ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 29 ต.ค. เปิดงานด้วยภาพยนตร์เกาหลีดังเรื่อง "Pawn" นักเขียนจากกรุงจาร์กาตารายนี้บอกว่าอาจพูดได้ว่างานของเธอคล้ายเอาหนังสือและภาพยนตร์ "Crazy Rich Asians" และภาพยนตร์อเมริกันเรื่อง "Weekend at Bernies" มาผสมกัน เธอบอกว่านิยายเล่มนี้ - บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับช่างภาพงานแต่งงานที่ฆ่าคู่เดทโดยไม่ได้ตั้งใจและเอาศพไปซ่อนในงานแต่งงาน - ออกมาในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ "ทุกคนต่างก็ต้องการสิ่งที่จะทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นเพราะการล็อกดาวน์ พล็อตที่เว่อวัง ความไม่สมเหตุสมผลเรื่องศพและงานแต่งงานงานใหญ่เป็นหนทางสำหรับการหลีกหนีความจริงได้ดี งานแต่งงานของชาวอินโดนีเซียเชื้อสายจีนน่าทึ่งมาก มีแขกโดยเฉลี่ยถึง 2,000 คน และนางเอกของฉันต้องเอาศพไปซ่อนโดยได้ความช่วยเหลือจากแม่และเหล่าป้า ๆ" ซูตานโต จะร่วมผลิตภาพยนตร์เรื่องนี้ด้วย โดยนาห์นาตช์คา คาน (ผู้กำกับซีรีส์เรื่อง "Fresh off the Boat" ซึ่งบอกเล่าเรื่องราวของผู้อพยพชาวไต้หวันที่ปรับตัวใช้ชีวิตใหม่ในสหรัฐฯ) จะรับหน้าที่เป็นผู้กำกับ เธอบอกว่าคงไม่ได้ข้อตกลงขายลิขสิทธิ์นี้หากภาพยนตร์เรื่อง "Crazy Rich Asians" ไม่ประสบความสำเร็จขนาดนี้ นิยายเล่มแรกของซูตานโตจะตีพิมพ์ปีหน้าและเน็ตฟลิกซ์ได้ซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างภาพยนตร์แล้ว ภาพยนตร์ "Crazy Rich Asians" ซึ่งสร้างจากหนังสือของ เควิน ควาน (ชื่อฉบับแปลไทยว่า "เหลี่ยมโบตั๋น") โด่งดังไปทั่วโลกโดยทำเงินได้เกือบ 200 ล้านปอนด์ทั่วโลก นอกจากนี้ก็ยังมีภาพยนตร์เรื่อง "ชนชั้นปรสิต" (Parasite) จากเกาหลีใต้ที่สร้างประวัติศาสตร์ชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 92 เมื่อต้นปี นี่หมายความว่าอำนาจด้านวัฒนธรรมกำลังเคลื่อนจากโลกตะวันตกมาฝั่งตะวันออกหรือเปล่า ไมค์ กูดริดจ์ ผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของเทศกาลภาพยนตร์และรางวัลนานาชาติของมาเก๊า บอกว่า หลายองค์ประกอบเกิดขึ้นอย่างประจวบเหมาะกันในปี 2020 "จีนเป็นตลาดภาพยนตร์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกแล้วอย่างเป็นทางการ มีคน 1.3 ล้านคนที่นั่น และสามารถเอาชนะตลาดของสหรัฐฯ ได้ราบคาบหากเทียบกัน กำลังมีภาพยนตร์ฮิตที่จะออกมาจากจีน ภาพยนตร์ที่จะทำเงินได้ถึง 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เฉพาะในจีน" คำบรรยาย กูดริดจ์บอกว่า เว็บไซต์ให้บริการดูหนังออนไลน์อย่างเน็ตฟลิกซ์และแอมะซอน ทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป จากที่ก่อนหน้านี้สหรัฐฯ เหมือนเป็นเจ้าจักรวรรดิด้านวัฒนธรรม โดยที่คนทั่วโลกต้องรอคอยภาพยนตร์ฮิตจากฮอลลีวูด "[เดี๋ยวนี้]คุณต้องสร้างภาพยนตร์และซีรีส์ทีวีที่เป็นเรื่องราวจากท้องถิ่น พวกเขาต้องการเรื่องของตัวเอง ...ดังนั้นบริษัทสหรัฐฯ ต่าง ๆ กำลังลงทุนสร้างเนื้อหาทั่วเอเชีย รวมถึงศูนย์กลางที่สิงคโปร์ด้วย" กูดริดจ์เชื่อว่า มีโอกาสสูงที่ภาพยนตร์เหล่านี้จะก้าวไปเป็นที่นิยมในโลกตะวันตก "การเปลี่ยนแปลงนี้ตรงกับช่วงการระบาดใหญ่ เราไม่เห็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดมากนัก เพราะถูกเลื่อนออกไป ดังนั้นคนดูที่อยู่ที่บ้านก็หันไปดูทีวีหรือภาพยนตร์ต่างประเทศที่ไม่เคยสนใจมาก่อนแทน ...เราเปิดรับ[การดูภาพยนตร์แบบเปิด]คำบรรยายใต้วิดีโอมากขึ้น" ภาพยนตร์เรื่อง "ชนชั้นปรสิต" (Parasite) จากเกาหลีใต้ที่สร้างประวัติศาสตร์ชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมในงานประกาศรางวัลออสการ์ครั้งที่ 92 เมื่อต้นปี เกาหลีใต้กำลังได้เปรียบเป็นพิเศษ ไม่ว่าจะเป็นจากกลุ่มนักร้อง BTS ที่ดังไปทั่วโลก หรือว่าภาพยนตร์ "ชนชั้นปรสิต" ที่ไปสร้างประวัติศาสตร์ในเวทีออสการ์ได้ ดาร์ซี พาเคต ผู้แปลคำบรรยายของ "ชนชั้นปรสิต" และผู้ก่อตั้งเว็บไซต์ koreanfilm.org มีส่วนช่วยจัดงานเทศกาลหนังเกาหลีที่กรุงลอนดอนปีนี้ซึ่งเริ่มต้นเมื่อวันที่ 29 ต.ค. เปิดงานด้วยภาพยนตร์เกาหลีดังเรื่อง "Pawn" ความสำเร็จระดับโลกของ "ชนชั้นปรสิต" โดยผู้กำกับ บอง จุนโฮ ทำให้หนังสั้นของเขาซึ่งดังอยู่แล้วในเกาหลีใต้อย่าง "Incoherence" จากปี 1994 และ "Influenza" จากปี 2004 ได้มาฉายที่อังกฤษด้วย "คนเกาหลีไปโรงภาพยนตร์มากที่สุดในโลกหากวัดตามสัดส่วนประชากร เป็นสังคมที่รักภาพยนตร์จริง ๆ และการเล่าเรื่องของพวกเขาก็ซับซ้อนมาก ๆ ด้วย" "คาดได้ว่าภาพยนตร์ดี ๆ เรื่องอื่นจากเกาหลีจะสามารถสร้างแรงกระเพื่อมได้ และตอนนี้ผู้ชมในโลกตะวันตกก็อาจจะพร้อมเปิดใจลองดูมากขึ้น" เขาบอกว่าผู้ชมจะได้เห็นค่านิยมทางวัฒนธรรมที่ชาวตะวันตกอาจจะไม่คุ้นเคย เช่น บทบาทของตัวละครนั้น ๆ ในครอบครัว หรืออารมณ์ตลกร้ายที่น้อยกว่าในภาพยนตร์ฮอลลีวูด "มีการแสดงอารมณ์ในเรื่องอย่างตรงไปตรงมามาก และอาจจะกระแทกใจมาก" แต่การ "ส่งออก" ค่านิยมทางวัฒนธรรมไปสู่คนดูชาวตะวันตกก็ไม่ใช่เรื่องง่าย ไมค์ กูดริดจ์ ยกตัวอย่างว่า ในภาพยนตร์จีน พล็อตเรื่องจะดำเนินตามกฎเกณฑ์ทางสังคม เช่น หากคุณฆ่าคนตาย ไม่ว่าจะในสถานการณ์ใดก็ตาม คุณจะต้องติดคุก "China Rich Girlfriend" ภาพยนตร์ภาคต่อจาก "Crazy Rich Asians" ถูกเลื่อนวันออกฉายออกไปเพราะการระบาดใหญ่ "หากคุณคุ้นชินกับจังหวะของการเล่าเรื่องแบบฮอลลีวูด คุณจะดูไปแล้วก็คิดไปว่า คนเหล่านี้ไม่ควรต้องติดคุกแน่นอน ! ค่านิยมทางศีลธรรมของพวกเขาถูกสะท้อน[ลงไปในภาพยนตร์]มากกว่า" ดูเหมือนฮอลลีวูดจะเชื่อว่าเรื่องราวของชาวเอเชียเชื้อสายอเมริกันมีแนวโน้มสามารถดึงดูดผู้ชมได้อีกมาก ไม่นานมานี้ มีการประกาศว่านักแสดงที่มีเชื้อสายเอเชียอย่าง ซานดรา โอ จากซีรีส์ "Killing Eve" และออควาฟีนา จะร่วมแสดงกันในซีรีส์ตลกของเน็ตฟลิกซ์ อีกคำถามสำคัญคือเอเชียยังต้องการฮอลลีวูดอยู่ไหม แอนเดอร์สัน เล ชาวอเมริกันเชื้อสายเวียดนาม ซึ่งผู้อำนวยการฝ่ายศิลป์ของเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติฮาวาย และเจ้าของสตูดิโอผลิตภาพยนตร์ East บอกว่า "ยกตัวอย่างเช่น เวียดนามมีประชากร 100 ล้านคน และก็รับมือกับโควิด-19 ได้ดีเหมือนกับเกาหลีใต้ ไต้หวัน และนิวซีแลนด์" "ประชากรครึ่งหนึ่งมีอายุไม่ถึง 40 ปี ...โรงภาพยนตร์ก็ยังเปิด ยอดขายตั๋วก็ดี ด้วยความที่ไม่มีภาพยนตร์จากฮอลลีวูดมาแข่ง ผู้ชมสนุกกับภาพยนตร์ดี ๆ จากในประเทศมาก" เขาบอกว่า ตอนนี้ ประเทศอย่างเวียดนาม จีน และเกาหลี ไม่ต้องคิดถึงอเมริกาเลยด้วยซ้ำ กำลังเป็นเหมือนบอลลีวูดในอินเดียซึ่งอยากจะสื่อสารกับผู้ชมของตัวเองก่อน แต่ เล บอกว่า คนทำหนังจากเอเชียก็ยังอยากมีที่ทางในเวทีใหญ่ ๆ อย่างออสการ์อยู่ และต้องลุ้นกันว่าจะมีภาพยนตร์จากเอเชียประสบความสำเร็จไหมหากมีการจัดงานประกาศรางวัลออสการ์ในปีหน้า ภาพยนตร์เรื่อง "Nomadland" ซึ่งชนะรางวัลใหญ่จากเทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเวนิส อาจจะชนะรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมอีกก็ได้ แม้ว่าภาพยนตร์เรื่องนี้จะถ่ายทำในสหรัฐฯ ทั้งหมด แต่ โคลอี จาว ผู้กำกับซึ่งเกิดและโตในจีน อาจจะเป็นผู้หญิงคนที่สองในประวัติศาสตร์ที่ชนะรางวัลผู้กำกับยอดเยี่ยมของออสการ์ก็ได้
|
ตอน เจสซี คิว ซูตานโต เซ็นสัญญาตีพิมพ์นิยายเล่มแรกของเธอที่ชื่อ "Dial A for Aunties" เธอไม่ได้คาดคิดว่าเน็ตฟลิกซ์จะซื้อลิขสิทธิ์ไปสร้างภาพยนตร์โดยทันที
|
international-50200716
|
https://www.bbc.com/thai/international-50200716
|
อาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี ผู้นำกลุ่มรัฐอิสลาม 'เสียชีวิตจากปฏิบัติการของสหรัฐฯ' ในซีเรีย
|
บักห์ดาดี ประกาศก่อตั้ง "รัฐอิสลาม" จากเมืองโมซูล ในปี 2014 นายทรัมป์ กล่าวจากทำเนียบขาวว่า นายอาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี ได้จุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตาย ระหว่างที่กองกำลังพิเศษบุกจู่โจม นายบักห์ดาดี เริ่มเป็นที่รู้จักในปี 2014 หลังจากประกาศก่อตั้ง "รัฐอิสลาม" ในพื้นที่ที่อยู่ในอิรักและซีเรีย ไอเอสได้ปฏิบัติการที่โหดเหี้ยมหลายครั้ง ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตหลายพันคน กลุ่มไอเอสได้ปกครองประชาชนเกือบ 8 ล้านคนในพื้นที่ที่อยู่ภายใต้การควบคุมเหล่านั้นอย่างโหดร้ายทารุณ และยังอยู่เบื้องหลังการโจมตีในหลายเมืองทั่วโลกด้วย โดยก่อนหน้านี้ในปีนี้ สหรัฐฯ ได้ประกาศว่า "รัฐอิสลาม" พ่ายแพ้แล้ว การเสียชีวิตของนายบักห์ดาดี เป็นชัยชนะครั้งสำคัญของนายทรัมป์ ซึ่งถูกวิจารณ์อย่างหนักจากการตัดสินใจถอนกำลังทหารสหรัฐฯ ออกมาจากทางเหนือของซีเรียก่อนหน้านี้ในเดือนนี้ และขณะนี้เขากำลังเผชิญกับการไต่สวนที่ฝ่ายเดโมแครตได้ยื่นถอดถอนเขาออกจากตำแหน่งด้วย ในแถลงการณ์ช่วงเช้าวันอาทิตย์ นายทรัมป์ กล่าวว่า นายบักห์ดาดี เสียชีวิต หลังจากวิ่งเข้าไปในอุโมงค์ที่เป็นทางตัน "ส่งเสียงคร่ำครวญ ร้องไห้ และกรีดร้องไปตลอดทาง" ขณะที่สุนัขของกองกำลังสหรัฐฯ กำลังวิ่งไล่เขา นายทรัมป์ กล่าวว่า ลูก 3 คนที่ยังเล็กอยู่ของนายบักห์ดาดี อยู่กับเขาด้วยขณะเกิดเหตุ เขาได้จุดชนวนระเบิดเสื้อกั๊กติดตั้งระเบิดฆ่าตัวตายทำให้พวกเขาทั้งหมดเสียชีวิต แรงระเบิดทำให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายนายบักห์ดาดี ขาดกระจัดกระจายออกเป็นชิ้น ๆ แต่จากการตรวจสอบได้ยืนยันแล้วว่า เป็นนายบักห์ดาดี "วายร้ายที่พยายามข่มขู่คนอื่นอย่างหนัก ได้ใช้เวลาในช่วงสุดท้ายของชีวิตอย่างน่าหวาดกลัว ตื่นตระหนก อกสั่นขวัญแขวน และกลัวว่า กองกำลังของสหรัฐฯ จะจู่โจมเขา" นายทรัมป์ กล่าว จุดที่มีรายงานว่า เกิดปฏิบัติการจู่โจมนายบักห์ดาดี ข้อมูลเกี่ยวกับปฏิบัติการครั้งนี้ ปฏิบัติการครั้งนี้เกิดขึ้นที่จังหวัดอิดลิบของซีเรีย ซึ่งห่างไกลจากจุดที่เชื่อว่า นายบักห์ดาดี กบดานอยู่ตามแนวชายแดนระหว่างอิรักและซีเรีย หลายพื้นที่ของจังหวัดอิดลิบอยู่ภายใต้การควบคุมของนักรบจีฮัดที่ต่อต้านกลุ่มไอเอส แต่คาดว่า กลุ่มที่เป็นอริหลายกลุ่มน่าจะให้ที่พักพิงแก่สมาชิกกลุ่มติดอาวุธไอเอส ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวว่า นายบักห์ดาดี ถูกสอดแนม "มา 2-3 สัปดาห์" แล้ว และได้มีการยกเลิกการบุกจู่โจมหลายครั้ง เพราะเขาไหวตัวทัน นายทรัมป์ระบุด้วยว่า ไม่มีทหารสหรัฐฯ เสียชีวิตจากปฏิบัติการครั้งนี้ แต่มีสาวกของนายบักห์ดาดีหลายคนเสียชีวิตด้วย นอกจากนี้ ยังได้มีการเก็บ "ข้อมูลและหลักฐานที่มีความอ่อนไหวสูง" ไว้ด้วย ชาวบ้านที่อยู่ในเมืองบาริชา ซึ่งมีรายงานว่า เป็นจุดที่มีการโจมตีเกิดขึ้น บอกกับบีบีซีว่า เฮลิคอปเตอร์หลายลำยิงโจมตีนาน 30 นาทีในช่วงค่ำวันเสาร์ ก่อนที่ทหารจะเคลื่อนกำลังเข้ามาในพื้นที่ เฮลิคอปเตอร์ได้ยิงบ้าน 2 หลัง จนทำให้บ้านหลังหนึ่งพังทลายลงจนราบเป็นหน้ากลอง นายทรัมป์ กล่าวว่า นายบักห์ดาดี เสียชีวิต หลังจากวิ่งเข้าไปในอุโมงค์ที่เป็นทางตัน "ส่งเสียงคร่ำครวญ ร้องไห้ และกรีดร้องไปตลอดทาง กองกำลังที่นำโดยชาวเคิร์ดในซีเรีย เป็นหนึ่งในพันธมิตรหลักของสหรัฐฯ ทางตอนเหนือของซีเรีย จนกระทั่งนายทรัมป์ได้ถอนทหารสหรัฐฯ ออกจากพื้นที่ในเดือนนี้ ระบุว่า พวกเขาได้ร่วมปฏิบัติการ "ครั้งประวัติศาสตร์" ครั้งนี้ด้วย นายทรัมป์ได้ยกย่องกองกำลังชาวเคิร์ด รวมถึงรัสเซีย อิรัก ตุรกี และซีเรีย ที่ "ให้การสนับสนุนบางอย่าง" ต่อปฏิบัติการครั้งนี้ ใครคือ อาบู บาการ์ อัล-บักห์ดาดี บักห์ดาดี ซึ่งมีชื่อจริงว่า อิบราฮิม ออว์วัด อิบราฮิม อัล-บาดรี มีชื่อเสียงในด้านของการเป็นนักกลยุทธ์จัดการสู้รบที่อำมหิตอย่างเป็นระบบ เขาถูกเรียกว่า ชายที่ถูกต้องการตัวมากที่สุดในโลก เขาเกิดใกล้กับเมืองซามาร์รา (Samarra) ทางเหนือของกรุงแบกแดดของอิรัก ในปี 1971 และรายงานหลายแห่งระบุว่า เขาเป็นครูสอนศาสนาที่มัสยิดแห่งหนึ่งในเมืองนั้น ในช่วงที่สหรัฐฯ บุกอิรักในปี 2003 บางคนเชื่อว่า เขาได้เป็นนักรบจีฮัดแล้ว ในช่วงที่นายซัดดัม ฮุสเซน อดีตผู้นำอิรักปกครองประเทศ หลายคนบอกว่า เขามีความสุดโต่งมากในช่วงที่เขาถูกจับที่ค่ายบุกกา (Camp Bucca) ซึ่งเป็นสถานที่ที่สหรัฐฯ จัดตั้งขึ้นทางใต้ของอิรักและใช้ควบคุมตัวผู้บัญชาการของกลุ่มอัลกออิดะห์หลายคน เผยคลิปฐานที่มั่นสุดท้ายของกลุ่มไอเอสในซีเรีย นายบักห์ดาดี ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของกลุ่มไอเอสในปี 2010 ซึ่งรวมถึงกลุ่มอัลกออิดะห์ในอิรักด้วย และได้ยิ่งกลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น หลังจากที่กลุ่มติดอาวุธไอเอสบุกยึดเมืองโมซูล ของอิรัก ได้ในปี 2014 หลังจากนั้น เขาได้ประกาศก่อตั้ง "รัฐอิสลาม" ขึ้น โดยช่วงเวลานั้นเป็นเพียงครั้งเดียวที่มีการพบเห็นเขาปรากฏตัวในที่สาธารณะ เขาได้ปรากฏตัวทางวิดีโอที่ไอเอสเผยแพร่ก่อนหน้านี้ในปีนี้ด้วย เมื่อเดือน ต.ค. 2011 สหรัฐฯ ได้ระบุอย่างเป็นทางการว่า เขาเป็น "ผู้ก่อการร้าย" และเสนอมอบเงินรางวัล 10 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 300 ล้านบาท) ให้แก่ผู้ที่ให้เบาะแสที่นำไปสู่การจับกุมตัวเขาหรือสังหารเขาได้สำเร็จ โดยเงินรางวัลนี้ได้เพิ่มขึ้นเป็น 25 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 750 ) ในปี 2017
|
ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ กล่าวว่า หัวหน้ากลุ่มที่เรียกตัวเองว่ารัฐอิสลาม (Islamic State--IS) ที่กำลังหลบหนีเสียชีวิตแล้วจากปฏิบัติการของทหารสหรัฐฯ ทางตะวันตกเฉียงเหนือของซีเรีย
|
thailand-55584064
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-55584064
|
โควิด-19: นพ. ทวีศิลป์ ขอความเห็นใจในการทำหน้าที่ โฆษก ศบค. หลังถูกวิจารณ์หนักกรณีแอปฯ "หมอชนะ"
|
"ก่อนอื่นต้องขออภัย ขอโทษ ในเรื่องที่ผมได้สื่อสารไปในหลายเรื่อง" นพ.ทวีศิลป์กล่าวในช่วงแรกของการแถลงข่าวประจำวันนี้ (8 ม.ค.) พร้อมกับบอกว่าเขาได้พิจารณาตัวเองในฐานะที่เป็นโฆษก ศบค. ทำให้มีผู้ที่รับชมการแถลงข่าวทางโซเชียลมีเดียส่งข้อความมาให้กำลังใจจำนวนมาก นพ.ทวีศิลป์กล่าวถึงการแถลงข่าวเรื่องข้อกำหนด ศบค. เมื่อวานนี้ที่ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าหากไม่ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน "หมอชนะ" จะมีความผิดข้อหาฝ่าฝืน พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน มีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปีหรือปรับไม่เกิน 40,000 บาท ว่ามีเจตนาเพียงเพื่อให้ควบคุมโรคได้อย่างรวดเร็ว โฆษก ศบค. ชี้แจงว่าไม่ใช่ผู้ที่ไม่มีการติดตั้งแอปพลิเคชันจะนับว่าผิด แต่จะต้องเป็นผู้ติดเชื้อหรืออาการป่วยแล้วมีพฤติกรรมหรือเจตนาปกปิดข้อมูลประกอบด้วย จึงจะมีการดำเนินการทางกฎหมาย "ขอความเห็นใจ ขอความเข้าใจ ผมเองอยู่ในส่วนตรงนี้ในภาพการเป็นตัวแทน ศบค. จะพยายามสื่อสาร เข้มเกินไปก็ไม่ดี อ่อนเกินไปก็ไม่ได้นะครับ ใจจริงอยากจะเชิญชวนทุกท่านเข้ามาโดยที่ไม่ต้องบังคับ แต่เมื่อวานนี้พอสื่อสารออกไปก็รู้สึกไม่ค่อยสบายใจ เจ็บปวดหัวใจเหมือนกันที่เห็นในโซเชียลมิเดียที่เห็นทางลบมากมาย" อย่างไรก็ตาม โฆษก ศบค.กล่าวว่าแม้จะถูกวิจารณ์อย่างหนัก แต่เป็นเรื่องน่ายินดีที่หลังการแถลงข่าวเมื่อวาน ปรากฏว่าการดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน "หมอชนะ" เพิ่มขึ้นถึงกว่า 2 ล้านครั้งภายในวันเดียว ทำให้ ณ วันที่ 8 ม.ค. มีผู้ดาวน์โหลดแอปพลิเคชันนี้แล้ว 3.69 ล้านคน "...ดีใจที่ยอดดาวน์โหลดแอปฯ หมอชนะเพิ่มขึ้นมากว่า 2 ล้านครั้ง จากที่เสียใจมาเป็นดีใจทันที" นพ.ทวีศิลป์กล่าว สำหรับสถานการณ์การติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ในไทยในรอบ 24 ชั่วโมง จากการรายงานของศบค. วันนี้ (8 ม.ค.) มีข้อมูลสำคัญดังนี้ โฆษก ศบค. "ขอความเห็นใจ" ในช่วงท้ายของการแถลงข่าว นพ.ทวีศิลป์ได้เปิดใจถึงการทำหน้าที่ โฆษก ศบค. ว่าเขาได้ทบทวนและพยายามแก้ไขข้อผิดพลาดอยู่เสมอ และมุ่งมั่นที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุดเพื่อเอาชนะโรคโควิด-19 นพ.ทวีศิลป์ กล่าวว่าตามตำแหน่งนั้นเขาเป็นผู้ตรวจราชการกระทรวงสาธารณสุข รับผิดชอบพื้นที่อีสานใต้ แต่เข้ามาทำหน้าที่โฆษก ศบค. ตามคำสั่งของผู้บังคับบัญชา โดยไม่มีค่าตอบแทนเพิ่มเติมใด ๆ "เราเองเป็นข้าราชการเมื่อนายสั่ง ผู้บังคับบัญชาสั่งก็ทำหน้าที่ให้ดีที่สุด...ผมก็มาจากสายการแพทย์ สิ่งที่ต้องมาเรียนรู้ และก็หนักที่สุดทั้งทางด้านกฎหมาย ความมั่นคง โรคระบาดวิทยา ซึ่งก็ไม่ใช่วิชาชีพของตัวเองซึ่งเป็นจิตแพทย์ ผมทำดีที่สุดครับ มีข้อบกพร่องแน่นอน และผมก็บอกกับตัวเองว่าต้องเรียนรู้" นพ.ทวีศิลป์กล่าวและยืนยันว่าไม่คิดจะทำงานการเมืองและจะรับราชการต่อไป
|
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) ขอโทษประชาชนเรื่องการสื่อสารข้อกำหนด ศบค. ว่าด้วยการติดตั้งดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน "หมอชนะ" ที่สร้างความไม่สบายใจให้ประชาชน พร้อมกับชี้แจงอีกครั้งว่า "ไม่ติดตั้งไม่ผิด" เว้นแต่จะติดเชื้อแล้วมีเจตนาปกปิดข้อมูล
|
thailand-56689113
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-56689113
|
โควิด-19: ข้อเท็จจริงและปัญหาการตรวจโควิด การรักษาและค่าใช้จ่ายที่โรงพยาบาลเอกชน
|
เจ้าหน้าที่สาธารณสุขตั้งโต๊ะเก็บตัวอย่างตรวจหาโควิดที่หน้าสถานบันเทิงย่านทองหล่อหลังเกิดการระบาดระลอกใหม่ นี่จึงเป็นสาเหตุให้ในหลายวันที่ผ่านมาโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งในพื้นที่กรุงเทพฯ ประกาศงดให้บริการตรวจหาเชื้อไวรัสโควิด-19 บางแห่งระบุว่าน้ำยาตรวจหาเชื้อขาดช่วงในการขนส่ง ส่วนเตียงสำหรับรองรับผู้ติดเชื้อของโรงพยาบาลเต็มแล้ว ซึ่งจากการสำรวจของบีบีซีไทย พบว่ามีโรงพยาบาลเอกชนอย่างน้อย 10 แห่ง ที่ประกาศงดตรวจโควิด-19 ผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ของโรงพยาบาล ส่วนใหญ่งดให้บริการตั้งแต่วันที่ 8 เม.ย. ที่ผ่านมา บีบีซีไทยรวบรวมข้อเท็จจริงและปัญหาการตรวจเชื้อโควิด-19 ที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ น้ำยาตรวจเชื้อไม่เพียงพอจริงหรือไม่ วันที่ 9 เม.ย. นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษกศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 (ศบค.) กล่าวถึงการเผยแพร่ข้อมูลว่าโรงพยาบาลเอกชนงดให้บริการตรวจหาเชื้อไวรัสโคโรนาเพราะน้ำยาตรวจหาเชื้อไม่เพียงพอว่าข้อมูลนี้ไม่เป็นความจริงและย้ำว่า "ยังพอมีน้ำยาอยู่" นพ. ทวีศิลป์อธิบายว่าสาเหตุที่โรงพยาบาลเอกชนงดบริการตรวจหาเชื้อเกิดจากข้อกำหนดเดิมที่ว่า หากตรวจพบเชื้อที่ไหนให้พักรักษาตัวที่นั่น จึงทำให้เตียงที่ให้บริการเกินกว่าศักยภาพที่จะรองรับได้ ด้าน นพ.ศุภกิจ ศิริลักษณ์ อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ระบุว่าขณะนี้ประเทศไทยมีน้ำยาตรวจหาโควิดประมาณ 3-4 แสนชุด ปัจจุบันมีสถานที่ตรวจหาเชื้อโควิด - 19 ที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ให้การรับรองทั้งหมด 270 แห่ง ทั้งภาครัฐและเอกชนที่กระจายอยู่ทั่วประเทศ โดยแต่ละแห่งจะจัดหาน้ำยาตรวจมาเอง ส่วนกรมวิทย์ฯ จะมีสต็อกกลางจำนวนหนึ่งเพื่อสนับสนุนกรณีฉุกเฉิน อีกทั้งขณะนี้ได้สั่งการให้ศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่มีอยู่ 15 แห่ง ทั่วประเทศหาสต็อกไว้เพิ่ม หากมีตรงไหนขาดแคลนหรือตรวจไม่ได้ก็จะส่งไปสนับสนุน ด้าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ตอบคำถามสื่อมวลชนที่ทำเนียบรัฐบาลในประเด็นนี้เช่นกัน โดยยืนยันเพียงสั้น ๆ ว่า "น้ำยา (ตรวจโควิด) มีเพียงพอ" พบมีหลายโรงพยาบาลเอกชนงดให้บริการตรวจหาเชื้อ บีบีซีไทยรวบรวมข้อมูลที่เผยแพร่ทางสื่อสังคมออนไลน์ในวันที่ 9 เม.ย. พบว่ามีโรงพยาบาลเอกชนอย่างน้อย 12 แห่งที่งดให้บริการตรวจหาเชื้อโควิด-19 ประกอบด้วย เฟซบุ๊กของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งย่านเกษตร พบว่ามีประชาชนร้องเรียนเรื่องการจองคิวตรวจโควิด โดยระบุว่าได้จองคิวและชำระเงินผ่านทางออนไลน์เรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อเดินทางไปตรวจกลับได้รับแจ้งว่าคิวตรวจเต็ม ผู้ป่วยถูกปฏิเสธ เพราะเตียงบริการไม่เพียงพอ นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ แถลงชี้แจงสถานการณ์เตียงผู้ป่วยของโรงพยาบาลเอกชนในพื้นที่กรุงเทพฯ หลังจากมีที่มีโรงพยาบาลเอกชนหลายแห่งระบุว่า เตียงที่รองรับผู้ป่วยที่ตรวจยืนยันพบเชื้อโควิด-19 ไม่เพียงพอ นพ.สมศักดิ์ได้นำข้อมูลของเตียงผู้ป่วยในพื้นที่กรุงเทพฯ และปริมณฑลมาแสดงว่าข้อมูล ณ วันที่ 31 ส.ค. 2563 ในช่วงปลายการระบาดระลอกแรก มีเตียงโรงพยาบาลทุกสังกัด ทั้งโรงพยาบาลของกรมการแพทย์ โรงพยาบาลสังกัดกรุงเทพมหาคร และโรงพยาบาลเอกชนรองรับทั้งหมด 2,532 เตียง โดยเป็นสัดส่วนของโรงพยาบาลเอกชน 1,656 เตียง คิดเป็นกว่า 65% ของเตียงทั้งหมด ซึ่งระลอกแรกใช้ไป 40% อย่างไรก็ตาม จากสถานการณ์ล่าสุด กรมการแพทย์ได้ประสานกับโรงพยาบาลเอกชนเพื่อนำเตียงมาบริหารจัดการร่วมกัน ในโรงพยาบาลเอกชน 15 แห่ง (ข้อมูลของวันที่ 8 เม.ย.) มีเตียงทั้งหมด 717 เตียง และยังว่างอยู่ 293 เตียง ซึ่ง อธิบดีกรมการแพทย์ ย้ำว่ายังเพียงพอรองรับ แนวทางในการเพิ่มจำนวนเตียงเป็นอย่างไร อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวด้วยว่าแนวทางการบริหารจัดการเตียง โรงพยาบาลเอกชนที่ตรวจพบ ต้องดำเนินการประสานในเครือข่ายโรงพยาบาลเอกชนด้วยกันเพื่อให้ผู้ป่วยทุกรายได้รับการรักษาในโรงพยาบาล โฆษก ศบค. กล่าวว่า กำลังมีแนวความคิดจัดทำฮอสปิเทล (Hospitel) หรือโรงแรมที่แปลงเป็นโรงพยาบาลสนามได้จำนวนหนึ่ง เพื่อรองรับความต้องการใช้เตียงผู้ป่วยที่กำลังเพิ่มขึ้น "โรงพยาบาลไหนตรวจ โรงพยาบาลนั้นต้องดำเนินการประสานในเครือข่าย เพื่อให้ผู้ป่วยทุกรายได้เข้ารับการรักษา แปลว่าอะไรครับ ไม่ได้หมายความว่า โรงพยาบาลไหนตรวจแล้วโรงพยาบาลนั้นต้องรับ (ผู้ป่วย) ถ้าโรงพยาบาลนั้นเตียงไม่มีแล้ว ควรจะประสานเครือข่ายเอกชนด้วยกัน อันนี้เป็นหลักการที่ไม่ใช่เพิ่งมีการตกลง" อย่างไรก็ตาม จากรายชื่อของโรงพยาบาลเอกชนในเครือข่ายที่รัฐประสานจำนวนเตียง เป็นเพียงส่วนหนึ่งของโรงพยาบาลเอกชนที่ประกาศงดให้บริการตรวจเชื้อโควิด-19 เท่านั้น ทั้งนี้กลุ่มภาคีเครือข่ายโรงพยาบาล ประกอบด้วย กรมการแพทย์ โรงพยาบาลของมหาวิทยาลัย เช่น รพ. ศิริราช รพ. รามา รพ. จุฬาลงกรณ์ฯ รพ.มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ รพ.วชิรพยาบาล และมีโรงพยาบาลในสังกัดกรุงเทพมหานคร เช่น รพ.ตากสิน รพ.เจริญกรุง โรงพยาบาลสังกัดกระทรวงกลาโหม และโรงพยาบาลเอกชน บรรยากาศการลงพื้นที่ตรวจคัดกรองหาเชื้อโควิด-19 จากกลุ่มเสี่ยงที่ทำงานในสถานบันเทิงและประชาชนย่านทองหล่อเมื่อวันที่ 8 เม.ย. นอกจากนี้ โฆษก ศบค. กล่าวเมื่อช่วงบ่ายที่ผ่านมาว่าจะมีการประชุมเพื่อหาแนวทางแก้ปัญหานี้ โดยในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ยังมีศักยภาพที่จะขยายเตียงบริการได้อีกกว่า 5,000 เตียง และสามารถจัดทำ "ฮอสปิเทล" หรือโรงแรมที่แปลงเป็นโรงพยาบาลสนามได้จำนวนหนึ่ง รวมไปถึงโรงพยาบาลสนามเพิ่มเติมอีกด้วย เตรียมเปิดโรงพยาบาลสนามในกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ จากสถานการณ์พบผู้ป่วยยืนยันเพิ่มขึ้นจำนวนมากในหลายพื้นที่ ทำให้หลายหน่วยงานได้จัดเตรียมโรงพยาบาลสนาม ทั้งในพื้นที่กรุงเทพฯ และต่างจังหวัด โดย จ.เชียงใหม่ มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ 7 รอบพระชนมพรรษา ซึ่งจะเริ่มจัดตั้งและรับผู้ป่วยเข้ารับการรักษาได้ตั้งแต่วันที่ 9 เม.ย. เป็นต้นไป ทั้งนี้เชียงใหม่มีผู้ป่วยยืนยันในวันเดียวกันสูงถึง 148 ราย ในกลุ่มเชื่อมโยงกับสถานบันเทิง จ.เชียงใหม่ มีการจัดตั้งโรงพยาบาลสนาม เมื่อวันที่ 8 เม.ย. ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ 7 รอบพระชนมพรรษา พื้นที่จัดตั้งโรงพยาบาลสนามล่าสุด (ข้อมูล 9 เม.ย.) ผู้ป่วยโควิด-กักตัวรักษาโควิดที่บ้านเองได้หรือไม่ อธิบดีกรมการแพทย์กล่าวว่าประเทศไทยยังยืนยันการใช้มาตรการที่ให้ผู้ติดเชื้อโควิด-19 ทุกรายในประเทศไทยเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล โดยให้เหตุผลว่าในรอบปีที่ผ่านมา ในต่างประเทศมีรายงานผู้ติดโรคโควิด-19 จำนวนนับหมื่นรายในต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศตะวันตก ส่วนหนึ่งเป็นเพราะประเทศเหล่านั้นให้คนไข้ที่อาการไม่รุนแรงพักรักษาตัวที่บ้าน ซึ่งวิธีนี้ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไม่ได้ รัฐบาลไทยเชื่อว่าการให้คนไข้พักรักษาตัวที่บ้านถ้าอาการไม่มากเช่นในต่างประเทศ ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อไม่ได้ "ส่วนของเรา ให้นอนโรงพยาบาลทุกราย หลักการเป็นเช่นนี้ที่ตกลงมาเป็นระยะเวลา 1 ปีกว่า ๆ ที่ต้องเผชิญการระบาดของโรคโควิด-19" นพ.สมศักดิ์อธิบาย นอกจากนี้ยังมีการตกลงกันอีกว่า โรงพยาบาลที่ตรวจพบการติดเชื้อโควิด-19 ทั้งกลุ่มเสี่ยงและกลุ่มตรวจเชิงรุก โรงพยาบาลนั้นจะต้องประสานในเครือข่ายเพื่อให้ผู้ป่วยทุกรายได้เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล
|
การแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ที่มีต้นตอมาจากกลุ่มนักเที่ยวสถานบันเทิงในกรุงเทพฯ และปริมณฑล ไม่เพียงทำให้ยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นในหลายจังหวัดทั่วประเทศ แต่ยังทำให้ปริมาณความต้องการตรวจหาเชื้อเพื่มมากขึ้น ในขณะที่สถานที่รองรับกลุ่มผู้ป่วยติดเชื้อก็ยังมีอย่างจำกัด
|
thailand-52688177
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-52688177
|
โควิด-19 : ศบค. แถลงตัวเลขผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนาของไทยเป็นศูนย์ ครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์
|
นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. แถลงสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 ว่า ไทยไม่มีผู้ติดเชื้อยืนยันรายใหม่ รวมมียอดผู้ป่วยสะสม 3,025 ราย ในจำนวนนี้มี 2,855 รายที่รักษาหายกลับบ้านแล้ว และมีผู้เสียชีวิตสะสม 56 ราย นี่ถือถือเป็นครั้งที่ 2 ที่ประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อโควิด-19 ตามรายงานของทางการ นับจาก ศบค. เคยรายงานยอดผู้ป่วยเป็น 0 ครั้งแรกเมื่อ 13 พ.ค. ที่ผ่านมา ศบค. จะเริ่มผ่อนคลายมาตรการในกิจกรรม/กิจการต่าง ๆ เป็นระยะที่ 2 เพื่อให้ประชาชนกลับมาใช้ชีวิตประจำวันได้ปกติขึ้นและลดผลกระทบต่อเศรษฐกิจ ตั้งแต่วันพรุ่งนี้ (17 พ.ค.) ภายใต้การคาดการณ์ของกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ว่าการเริ่มผ่อนปรนการบังคับใช้มาตรการ เมื่อสิ้นสุดเดือน ก.ย. รายงานผู้ติดเชื้อใหม่จะอยู่ที่ 24 คน/วัน เป็นผู้ป่วยวิกฤต 105 คน/วัน ซึ่งยังเป็นปริมาณที่ระบบสาธารณสุขพอรับไหว โฆษก ศบค. ย้ำให้ประชาชนปฏิบัติตัวตามมาตรการด้านสาธารณสุข เพราะมีระยะที่ 3 และ 4 รออยู่ ซึ่งหมายถึงการผ่อนคลาย 100% "ทุกคนต้องร่วมมือกัน ณ ตอนนี้ เราถึงจะไปกันได้ แยกกันเราอยู่ รวมหมู่เพื่อไปต่อ" นพ.ทวีศิลป์กล่าว ปิดสนามบินถึงสิ้น มิ.ย. ล่าสุดวันนี้ (16 พ.ค.) สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) เผยแพร่ประกาศ ห้ามอากาศยานทำการบินเข้าสู่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว ฉบับที่ 5 ขยายเวลาตั้งแต่ วันทื่ 1 มิ.ย. 2563 เวลา 00.01 น. จนถึงวันที่ 30 มิ.ย. 2563 เวลา 23.59 น. ก่อนหน้านี้ ประกาศฉบับที่ 4 ที่ออกเมื่อปลายเดือน เม.ย. ห้ามอากาศยานบินเข้าไทยถึงวันที่ 31 พ.ค. พนักงานร้านค้าภายในห้างสรรพสินค้าสยามพารากอนซักซ้อมความพร้อมก่อนกลับมาเปิดให้บริการ แจงประกาศปลดชื่อจีน-เกาหลีใต้ออกจากเขตโรคระบาด ไม่ใช่ใบอนุญาตให้ นทท. เข้าไทย ค่ำวานนี้ (15 พ.ค.) ราชกิจจานุเบกษาได้เผยแพร่ประกาศ สธ. เรื่อง ยกเลิกท้องที่นอกราชอาณาจักรที่เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 โดยยกเลิกการประกาศให้สาธารณรัฐเกาหลี, สาธารณรัฐประชาชนจีน, เขตบริหารพิเศษมาเก๊า และเขตบริหารพิเศษฮ่องกง เป็นเขตติดโรคติดต่ออันตราย กรณีโรคติดเชื้อโควิด-19 ลงนามโดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.สาธารณสุข เกี่ยวกับเรื่องนี้ นพ.ทวีศิลป์ชี้แจงว่า ประกาศของ สธ. ที่ออกมา "ไม่เกี่ยวกับการเปิดให้นักท่องเที่ยวโดยเฉพาะชาวจีนเดินทางเข้ามาไทย" เพราะเป็นเพียงการปลดรายชื่อ 2 ประเทศและ 2 เขตบริหารพิเศษออกจากการเป็นเขตโรคติดต่อ เนื่องจากพิจารณาแล้วเห็นว่าสามารถคุมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ได้ดี ส่วนการกำกับติดตามและป้องกันไม่ให้คนต่างชาติเดินทางเข้าประเทศไทยถือเป็นอีกเรื่องหนึ่ง "แม้เอาชื่อปลดลงไปแล้ว แต่มาตรการต่าง ๆ ของเราก็ยังอยู่ สนามบินยังไม่เปิด เครื่องบินยังไม่ให้บินเสรี ขอให้มั่นใจได้ว่าระบบเรายังควบคุมได้ดี ยังไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวเข้ามา" โฆษก ศบค. กล่าว
|
ศูนย์บริหารสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 (ศบค.) รายงานตัวเลขติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่เป็น 0 ราย ครั้งที่สองในรอบสัปดาห์
|
international-42136897
|
https://www.bbc.com/thai/international-42136897
|
เจ้าชายแฮร์รี ทรง "ตื่นเต้น" กับการหมั้นหมาย
|
Prince Harry and Meghan Markle posed for the cameras in the garden at Kensington Palace เมื่อช่วงเช้าวันนี้ แคลเรนซ์เฮาส์ สำนักงานของเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ ได้ประกาศว่า เจ้าชายแฮร์รี จะทรงเข้าพิธีเสกสมรสกับ น.ส.มาร์เคิล หลังจากคบหากันมาตั้งแต่ ปี 2016 และหมั้นหมายกันเงียบ ๆ เมื่อต้นเดือน พ.ย.นี้ ในแถลงการณ์ของแคลเรนซ์เฮาส์ ระบุว่า ว่า เจ้าชายแฮร์รี "ทรงมีความปิติที่จะประกาศข่าวการหมั้นหมาย" ครั้งนี้ และทั้งคู่ได้รับคำอวยพรจากบิดามารดาของฝ่ายหญิง เจ้าชายแฮร์รีทรงออกแบบพระธำมรงค์หมั้นด้วยพระองค์เอง เจ้าหน้าที่ออกมาประกาศข่าวการหมั้นของเจ้าชายแฮร์รี กับน.ส.มาร์เคิล บริเวณใกล้กับพระราชวังบัคกิงแฮม ขณะที่โฆษกสำนักพระราชวังบัคกิงแฮม เปิดเผยว่า สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง และเจ้าชายฟิลิป ดยุกแห่งเอดินบะระ "ทรงยินดีกับทั้งคู่ และอวยพรให้ทั้งสองมีความสุข" เช่นเดียวกับดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ ที่ต่าง "ทรงตื่นเต้นไปกับเจ้าชายแฮร์รี และ น.ส.มาร์เคิล" และ "ทรงยินดีที่ได้รู้จักกับ น.ส.มาร์เคิล รวมทั้งได้เห็นว่าเธอกับเจ้าชายแฮร์รีมีความสุขเพียงใดเมื่อได้อยู่ด้วยกัน" WATCH: Harry and Meghan hold hands บีบีซีได้รับข้อมูลว่า พิธีเสกสมรสจะมีขึ้นในฤดูใบไม้ผลิ ช่วงต้นปีหน้า จากนั้นทั้งคู่จะพำนักที่ น็อตติงแฮม คอตเทจ ภายในพระตำนักเคนซิงตัน ผู้สื่อข่าวระบุว่า ตอนที่ทั้งสองหมั้นกันในกรุงลอนดอนเมื่อช่วงต้นเดือนนี้ มีเพียงสมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่สอง และพระบรมวงศานุวงศ์ที่ใกล้ชิดเท่านั้นที่ทราบเรื่อง เจ้าชายแฮร์รีและน.ส.มาร์เคิล ออกงานร่วมกันอย่างเป็นทางการครั้งแรกในการแข่งขันกีฬา "อินวิคตัส เกมส์" ที่นครโทรอนโตของแคนาดา เมื่อเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา โดยในงานดังกล่าว เจ้าชายแฮร์รี ทรงตอกย้ำสัมพันธ์รักกับ น.ส.มาร์เคิล ด้วยการเดินจูงมือกันไปชมการแข่งขันกีฬาให้สาธารณชนเห็นอย่างเปิดเผยเป็นครั้งแรก เจ้าชายแฮร์รี พระชันษา 33 ปี ทรงได้พบและรู้จักกับ น.ส.มาร์เคิล วัย 36 ปี ผ่านพระสหายในกรุงลอนดอนเมื่อเดือน ก.ค. ปีที่แล้ว แต่ความสัมพันธ์ของทั้งคู่เริ่มเป็นที่รับรู้ของสังคมในเดือน พ.ย.ของปีเดียวกัน เมื่อ เจ้าชายแฮร์รีทรงยืนยันว่ากำลังคบหาดูใจอยู่กับ น.ส.มาร์เคิล และทรงตำหนิสื่อมวลชนที่ "ข่มเหงรังแกและคุกคาม"แฟนสาวของพระองค์ เมื่อไม่นานมานี้ น.ส.มาร์เคิล ได้เปิดใจให้สัมภาษณ์กับนิตยสารวานิตี้แฟร์ถึงความสัมพันธ์กับเจ้าชายแฮร์รี ว่า "เราคือคนสองคนที่มีความรักและมีความสุขมาก"
|
เจ้าชายแฮร์รี ทรงจูงมือ น.ส.เมแกน มาร์เคิล นักแสดงสาวชาวอเมริกัน ออกให้สื่อมวลชนฉายพระรูปที่พระตำนักเคนซิงตัน ในกรุงลอนดอน หลังจากมีการประกาศข่าวการหมั้นหมายของทั้งคู่ในวันนี้ (27 พ.ย.) โดยเจ้าชายแฮร์รี เผยว่าพระองค์ทรงรู้สึก "ตื่นเต้น" และการขอแต่งงานเป็นไปอย่าง "โรแมนติก"
|
thailand-49095829
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-49095829
|
บอริส จอห์นสัน : "อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ" เล่าเรื่องเพื่อนสนิทที่เป็นนายกฯ อังกฤษคนใหม่
|
แต่ "นายกฯ รุ่นพี่" อย่างอภิสิทธิ์ปฏิเสธที่จะให้คำแนะนำกับเพื่อน เพราะ "ผมเชื่อว่าเขามีความสามารถ มีแบบฉบับเฉพาะตัวของเขาอยู่แล้ว" อภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์บีบีซีไทยในวันแรกที่เพื่อนของเขารับตำแหน่งผู้นำอังกฤษ โดยเล่าถึงมิตรภาพระหว่างเขากับบอริส และสิ่งที่คิดว่านายกฯ คนใหม่จะต้องเจอหลังจากนี้ แต่ก่อนอื่นอดีตนายกฯ และอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ฝากแสดงความยินดีถึงเพื่อน "Congratulations. Now you've reached the point where you always wanted to be. I wish you every success in what you will do for your country and for the world." --ขอแสดงความยินดีที่ได้มาถึงเป้าหมายที่คุณใฝ่ถึงอยู่เสมอ ผมขอให้คุณประสบความสำเร็จในสิ่งที่คุณทำ ทั้งเพื่อประเทศของคุณ และเพื่อโลกของเรา ความทรงจำดี ๆ ที่อีตันและออกซ์ฟอร์ด อภิสิทธิ์กับบอริสรู้จักกันเมื่อปี 2519 ตอนที่ทั้งคู่เข้าเรียนที่วิทยาลัยอีตัน ซึ่งเป็นโรงเรียนมัธยมชายล้วนชื่อดังของอังกฤษ และเป็นเพื่อนกันตั้งแต่นั้นมา ช่วงปี 2526 หลังเรียนจบชั้นมัธยม บอริสมาพักอยู่ที่บ้านของอภิสิทธิ์ในกรุงเทพฯ นาน 3 สัปดาห์ ก่อนจะเดินทางท่องเที่ยวต่อไปยังออสเตรเลีย หลังจบจากอีตัน ทั้งคู่เข้าเรียนมหาวิทยาลัยเดียวกันอีก คือ ออกซ์ฟอร์ด เมื่อเรียนจบและแยกย้ายกันไปทำงานก็เริ่มห่างกันไป แต่ยังติดต่อกันเป็นระยะ ๆ ช่วงที่บอริสได้เป็นนายกเทศมนตรีของลอนดอน อภิสิทธิ์เคยไปเยี่ยมเขาที่สำนักงานครั้งหนึ่ง และเมื่อปีที่แล้ว ตอนที่บอริสมาเมืองไทยในฐานะรัฐมนตรีต่างประเทศของอังกฤษ ทั้งสองคนก็ได้เจอกันอีกครั้ง "ตอนนั้นเขาเดินทางมาเรื่องของปัญหาโรฮิงญา ก็ได้พูดคุยกันเรื่องนี้ เขาพบว่ามีอุปสรรคพอสมควรในการโน้มน้าวและสื่อสารกับทางเมียนมา ตอนนั้นผมก็แนะนำไปว่า ประเทศทั้งหลายที่มีความห่วงใยเรื่องโรฮิงญาน่าที่จะทำงานร่วมกับอาเซียน เพราะว่าอาเซียนมีวิธีการพูดจากับประเทศสมาชิก แต่หลังจากกลับไปไม่นานเขาก็ลาออกจากตำแหน่ง" ก่อนจากกันวันนั้น อภิสิทธิ์แซวบอริสว่า "ตกลงจะเป็นนายกฯ หรือเปล่า" บอริสบอกเพื่อนอย่างมั่นใจว่า "เป็นแน่" พร้อมกับพูดติดตลกว่า เขาตามหลังอภิสิทธิ์ที่เป็นนายกฯ ล่วงหน้าไปก่อนแล้วตั้ง 10 ปี นายบอริส จอห์นสัน ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของอังกฤษ เดินทางมาเยือนประเทศไทยเมื่อเดือน ก.พ.2561 บอริสในสายตาอภิสิทธิ์ "เขาเป็นคนฉลาด เป็นที่ยอมรับในหมู่เพื่อนฝูงและแน่นอน โดยรูปร่าง หน้าตา ทรงผม วิธีการพูดจาก็อาจจะไม่เหมือนคนอื่น มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเองค่อนข้างมาก มีอารมณ์ขัน แล้วก็เป็นที่รักใคร่ชอบพอของเพื่อนฝูง" อภิสิทธิ์ออกตัวว่าเขากับบอริส "รู้จักคุ้นเคยกันในระดับหนึ่ง" แต่ก็อดประทับใจไม่ได้ที่บอริสจำเขาได้ดีเสมอ จำได้แม้กระทั่งตัวสะกดชื่อ-นามสกุล "ตอนที่บอริสเปิดตัวหนังสือที่เขาเขียน มีคนไทยไปขอให้เขาเซ็นชื่อในหนังสือมาฝากผม พอจะบอกตัวสะกดชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ บอริสรีบบอกว่า ไม่ต้อง ๆ เขาจำได้" ทิศทางของอังกฤษภายใต้การบริหารงานของบอริส "ผมมองว่าการเข้ามาทำงานในจังหวะนี้ต้องเจอกับงานที่ยากที่สุดงานหนึ่ง เพราะว่าการแก้ปัญหาเรื่องเบร็กซิทให้ลุล่วงมันเป็นสิ่งที่ยากมาก ยากทั้งในแง่ของเนื้อหาสาระและยากในแง่การเมืองด้วย เพราะว่าไม่ว่าจะเดินทางไหนก็ต้องมีคนเกือบหรือกว่าครึ่งประเทศไม่พอใจ" อภิสิทธิ์คาดหวังว่า อังกฤษภายใต้การนำของเพื่อนอย่างบอริส จะให้ความสำคัญกับไทยและภูมิภาคอาเซียน "ถ้าสมมติว่าเดินหน้าเบร็กซิทจนจบจริง อังกฤษก็มีความจำเป็นที่จะต้องเร่งสร้างข้อตกลงทางการค้าการลงทุนกับประเทศอื่น ๆ นอกยุโรปมากขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะฉะนั้นเราก็คาดหวังว่าเขาจะให้ความสำคัญกับภูมิภาคนี้และประเทศไทยด้วย" บอริสสไตล์ หลายคนสนใจและล้อเรื่อง "ทรงผม" ของบอริส แต่สำหรับอภิสิทธิ์ ผมทรงนี้เป็นสิ่งที่เพื่อน ๆ ต่างคุ้นชิน "ทรงผมเขาก็เป็นอย่างนี้ล่ะครับ ผมไม่แน่ใจว่ามันมีทรงหรือเปล่า แต่มันก็ทำให้เขาเป็นคนที่มีเอกลักษณ์ เขาเป็นคนเรียนเก่ง เป็นนักเรียนทุน แต่เขามีภาพลักษณ์ที่ต่างจากนักเรียนทุนคนอื่นที่มักจะเรียบร้อย เขาหัวยุ่งอยู่ตลอดเวลา วิธีการพูดจาก็ไม่เหมือนใคร รูปร่างก็เหมาะกับการเป็นนักรักบี้" อภิสิทธิ์บอกว่าไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ในยุคนี้ที่คนบุคลิกอย่างบอริสจะมาเป็นผู้นำ "ในยุคนี้คงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่เท่าไหร่แล้วที่ภาพลักษณ์ของผู้นำจะเป็นแบบนี้ ผู้นำในหลายประเทศก็เลิกภาพลักษณ์แบบเดิม ๆ ไปพอสมควร และด้วยบุคลิกเช่นนี้เองที่ทำให้เขาเป็นนักการเมืองในพรรคอนุรักษ์นิยมที่ได้รับความนิยมหรือคะแนนเสียงจากพรรคอื่นได้ด้วย" อภิสิทธิ์ทิ้งท้าย
|
อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ กับ บอริส จอห์นสัน เป็นเพื่อนกันมากว่า 40 ปี อภิสิทธิ์ได้เป็นนายกรัฐมนตรีของไทยเมื่อปี 2551 หลังจากนั้น 11 ปี ถึงคราวบอริสได้เป็นนายกฯ อังกฤษบ้าง
|
thailand-50795163
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-50795163
|
ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ เตรียมแปรแฟลชม็อบ "ไม่ถอยไม่ทน" รวมพลขับไล่รัฐบาลต้นปี 63
|
นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้า อนค. ยืนขึ้นบนเก้าอี้ตัวเดียว ปราศรัยผ่านโทรโข่ง ก่อนเปลี่ยนมาใช้เครื่องขยายเสียงในช่วงท้าย "ถ้าไม่ลงถนนไม่รู้จะทำอย่างไรแล้ว เพราะว่ามี (คน) เยอะเกินไป... เดือนหน้าได้ลงถนนแน่ ๆ ไม่ต้องรีบร้อน ซ้อมวิ่งได้เลย"นายธนาธรกล่าว เรียกเสียงฮือฮาจากมวลชนที่พากันตะโกนกลับไปว่า "ลงเลย ๆ ๆ" นายธนาธรระบุว่า คนที่มารวมตัวกันวันนี้ไม่ใช่ "พวกชังชาติ" แต่ชาติคือประชาชน เพราะพวกเขารักประชาชน อย่างไรก็ตามวันนี้แค่มาชิมลาง แสดงจุดยืนทางการเมืองเพียงชั่วโมงเดียว เสร็จแล้วแยกย้ายกันกลับบ้าน "บอกคุณประยุทธ์ (จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม) อย่าเพิ่งกลัว แค่ชิมลาง ของจริงเดือนหน้า" หัวหน้า อนค. กล่าว หัวหน้า อนค. กล่าวว่า ประชาชนมารวมตัวกันเพื่อประกาศศักดาไม่ถอยไม่ทน จะต่อสู้กับการสืบทอดอำนาจ วันนี้ไม่ใช่การมาเพื่อปกป้องพรรคอนาคตใหม่ แต่มาเพื่อปกป้องอนาคตของคนไทยทุกคน ต้องต่อสู้กับความกลัวด้วยความหวัง ต่อสู้กับอดีตด้วยอนาคต อย่ายอมแพ้ ก้าวไปด้วยกัน จากนั้นเขาได้เป็นต้นเสียงประกาศชวนประชาชนให้ตะโกนดัง ๆ พร้อมกันว่า "ประชาธิปไตยจงเจริญ" และ "เผด็จการออกไป" กิจกรรมที่ใช้ชื่อว่า "เมื่อเสียงที่พวกเราเลือกเข้าสภาไม่มีค่า ได้เวลาประชาชนออกมาส่งเสียงด้วยตัวเอง" เกิดขึ้นในเวลา 17.00 น. ที่ผ่านมา บริเวณลานสกายวอล์ก เขตปทุมวัน หลังจากนายธนาธรนัดหมายประชาชนให้เข้าร่วม "แฟลชม็อบ" ผ่านสื่อสังคมออนไลน์เมื่อวานนี้ (13 ธ.ค.) ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่คำร้องคดียุบ อนค. ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) จากกรณีหัวหน้าพรรคปล่อยเงินกู้ให้พรรค 191.2 ล้านบาทเพื่อทำกิจกรรมในช่วงเลือกตั้ง ถูกส่งถึงศาลรัฐธรรมนูญ และเป็นที่จับตามองว่าตุลาการทั้ง 9 คน อาจพิจารณาคำร้องในการประชุมวันที่ 18 ธ.ค. นี้ ผู้ร่วมชุมนุมนับพัน ทะลุเป้าหมายแกนนำ อนค. แกนนำ อนค. ส.ส. และประชาชนชนนับพันคนมารวมตัวกันเต็มลานสกายวอล์ก ซึ่งถือเป็นยอดที่สูงกว่าเป้าหมายที่แกนนำ อนค. คาดการณ์ไว้ครั้งแรกที่ 500 คน โดยมีเสียงตะโกนดังขึ้นในหมู่ผู้ชุมนุมเป็นระยะ ๆ ด้วยหางเสียงแตกต่างกัน 2 ขั้ว นอกจากนี้ยังมีการแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น การนำมาสคอตไดโนเสาร์ 2 ตัวมาเดินวนไปมา ซึ่งสมาชิกพรรคชายชาวสมุทรปราการ อธิบายกับบีบีซีไทยว่า "ต้องการสื่อถึงลุงที่โบราณมาก" ขณะที่ผู้สนับสนุน อนค. ที่เป็นผู้หญิง 2 คนได้เดิน "แจกกล้วย" ผู้มาร่วมงาน เธอบอกเช่นกันว่า "งูเห่าชอบกินกล้วย" แต่ที่พบเห็นเป็นการทั่วไปคือการชูกระดาษเอสี่ที่มีข้อความต่าง ๆ อาทิ อย่าข้ามหัวประชาชน, เพื่ออนาคตของเรา ฯลฯ รวมถึงการเขียนกระดาษโพสต์-อิท ขณะเดียวกันผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์พร้อมใจติดแฮชแท็ก "ไม่ถอยไม่ทน" และ "กลัวที่ไหน" ปิยบุตรพูดชัด "ไม่ปรารถนาให้ผู้ปกครองชุดนี้ได้อยู่ต่อไป" นอกจากนายธนาธร ยังมีแกนนำ อนค. อีก 3 คนขึ้นปราศรัย ด้วยคำพูดที่สะท้อนให้เห็นว่า อนค. กำลังมุ่งสู่แนวทางการต่อสู้บนท้องถนน นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการ อนค. ปราศรัยโจมตีรัฐบาลที่มองไม่เห็นหัวประชาชน เวลาไม่เคารพรัฐธรรมนูญจะมีข้อยกเว้นเสมอ ยึดอำนาจมา 4 ปี อยู่แล้วอยากอยู่ต่อ อีกทั้งทำให้ระบบรัฐสภาพังพินาศ เพราะมีการซื้องูเห่า แจกกล้วย โหวตแพ้แต่ไม่รู้จักแพ้ "เราจำเป็นต้องลุกขึ้นมาเพื่อแสดงพลังว่ามีคนไทยจำนวนมากที่เป็นผู้รักชาติ และไม่ปรารถนาให้ผู้ปกครองชุดนี้ได้อยู่ต่อไป" นายปิยบุตรกล่าว เขากล่าวด้วยว่า วันนี้คือจุดเริ่มต้นของการแสดงพลังแสดงออกว่าประชาชนที่นี่เป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดของประเทศนี้ เห็นหัวประชาชนบ้าง นี่คือการต่อสู้เพื่ออนาคตของพวกเราคนไทยทุกคน เช่นเดียวกับ น.ส.พรรณิการ์ วานิช โฆษก อนค. ที่เรียกร้องให้ประชาชนเตรียมตัวให้พร้อมในวันข้างหน้า วันนี้ยังไม่ได้ลงถนน เพราะอยู่บนสกายวอล์ก อย่าให้ใครดูถูกว่าเป็นเพียง "กองทัพไซเบอร์" หรือ "นักรบโซเชียล" ส่วนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ อนค. กล่าวปราศรัย 2 ภาษาทั้งไทยและอังกฤษ ตอบโต้คำกล่าวของนายกรัฐมนตรีที่ระบุทำนองว่าการชุมนุมครั้งนี้เป็นปัญหาส่วนตัวของใครคนใดคนหนึ่ง ซึ่งนายพิธายืนยันว่าการมารวมตัวของประชาชนเพื่อแก้ปัญหาของประเทศ และความยุติธรรมที่ไม่เท่ากัน ตร. เตือนผิด กม. สั่งยุติการชุมนุม ตลอดเวลา 1 ชั่วโมงของการจัดกิจกรรม มีเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งในและนอกเครื่องแบบจากกองบังคับการตำรวจนครบาล 6 (บก.น.6) มาคอยสังเกตการณ์ บันทึกภาพนิ่งและวิดีโอผู้มาร่วมกิจกรรม ขณะที่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของห้างมาบุญครองได้พยายามกันไม่ให้ประชาชนที่มีสื่อแสดงออกในเชิงสัญลักษณ์ว่ามาร่วมชุมนุมเข้าไปบริเวณลานหน้าห้าง กระทั่งเวลา 17.40 น. ตำรวจในเครื่องแบบราว 20 นาย นำโดย พ.ต.อ.พาติกรณ์ ศรชัย ผู้กำกับการสถานีตำรวจนครบาลปทุมวัน ได้เข้ามายังพื้นที่ด้านหน้าห้างสรรพสินค้ามาบุญครอง ก่อนพูดผ่านโทรโข่งว่าขอให้นายธนาธร นายปิยบุตร และ น.ส.พรรณิการ์ ยกเลิกการจัดกิจกรรม เพราะเข้าข่ายมีความผิดตามกฎหมาย ขอให้พี่น้องทุกคนเลิกชุมนุมในเวลานี้ ทำให้มวลชนที่ยืนล้อมกรอบตำรวจต่างโห่ร้อง และตะโกนตำหนิว่า "ตำรวจมีหน้าที่ดูแลประชาชน ไม่ใช่ปกป้องเผด็จการ" พ.ต.ท.ทวีป สุทธิ รอง ผกก.สน.ปทุมวัน ยืนยันกับบีบีซีไทยว่าแกนนำจัดกิจกรรมไม่ได้แจ้งขออนุญาตต่อเจ้าหน้าที่ตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 แต่อย่างใด และปฏิเสธจะให้ตัวเลขผู้ชุมนุมโดยให้เหตุผลว่าติดประชุมอยู่ นอกจากนี้ยังมีผู้เข้าร้องทุกข์และลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐานที่ สน.ปทุมวัน เมื่อช่วงเช้าคือ นายสนธิญา สวัสดี สมาชิกพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เพื่อให้นายธนาธรย้ายสถานที่จัดกิจกรรม เนื่องจากไปลิดรอนสิทธิประชาชนผู้สัญจรไปมาคนอื่น ๆ ใครเคยถูกดำเนินคดีหลังรัฐประหาร เพราะจัดชุมนุมจุดเดียวกับธนาธร สำหรับลานสกายวอล์กถูกใช้ทำกิจกรรมทางการเมืองหลายครั้งหลังรัฐประหารปี 2557 แต่ครั้งที่เป็นที่จดจำของสังคมมีอย่างน้อย 2 เหตุการณ์ ประชาชนจะไปร่วม "วิ่งไล่ลุง" หรือไม่ พลันที่แกนนำ อนค. เริ่มนับหนึ่ง โดยส่งสัญญาณถึงประชาชนให้เตรียมพร้อมลงถนนต้นปีหน้า โดยที่นายธนาธรเองเคยระบุว่าจะร่วมกิจกรรม "วิ่งไล่ลุง" ซึ่งจะจัดขึ้นในเดือน ม.ค. 2563 บรรดาผู้มาร่วมชุมนุมวันนี้ จะไปต่อกับเขาในวันหน้าหรือไม่ บีบีซีไทยตรวจสอบทัศนะของผู้ร่วม "แฟลชม็อบ" บางส่วน เกียรติศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) พนักงานบริษัทวัย 25 ปี ผู้ที่เลือก อนค. บอกว่า ที่ออกมาวันนี้เพราะรู้สึกว่าเสียงที่ลงคะแนนไปไม่มีความหมาย แม้ตอนแรกจะ "กลัวนิด ๆ" ว่าจะมีการจับกุมของเจ้าหน้าที่ แต่เห็นว่าการที่มีผู้ออกมารวมตัวกันจำนวนมาก ๆ เชื่อว่าจะเป็นการป้องกันผู้ที่มาชุมนุมด้วยกันเอง "ผมเองเป็นหนึ่งในผู้ที่ติดแฮชแท็ก ที่มาวันนี้ก็เพื่อจะบอกว่า ไม่ได้เป็นอย่างที่เขาปรามาสว่าเก่งแต่ในออนไลน์" เกียรติศักดิ์บอกว่า พร้อมจะไปร่วมกิจกรรม "วิ่งไล่ลุง" และจะเตรียมตัวด้วยการซ้อมวิ่ง เคลียร์ตารางงาน และเตรียมใจเผื่อว่ากิจกรรมอาจจะถูกยกเลิก อริยาภรณ์ ทิมนาค เจ้าของธุรกิจส่วนตัว วัย 58 ปี ไม่ได้โหวตให้ อนค. แต่เลือกพรรคฝ่ายที่เรียกตัวเองว่า "ฝ่ายประชาธิปไตย" บอกว่า ที่ออกมาวันนี้เพราะเห็นว่ามีความไม่ยุติธรรมที่เกิดขึ้นกับ อนค. "ทุกสิ่งทุกอย่างมาจากเสียงประชาชน ประชาชนเลือกตั้งมา แต่รัฐบาลทำทุกวิถีทางให้เขาลงจากตำแหน่ง ในเมื่อต่อสู้ทางรัฐสภาไม่ได้ จำเป็นต้องมาสู้กับประชาชน" เธอให้ความเห็น แม้การชุมนุมบริเวณนี้เคยมีผู้ชุมนุมถูกดำเนินคดีมาก่อน แต่เธอบอกว่า "ถ้าเราทำผิดเรากลัวนะ" พร้อมยืนยันว่าการออกมาชุมนุมไม่ได้ทำผิด เพราะบ้านเมืองเป็นระบอบประชาธิปไตย ประชาชนต้องมีสิทธิเสรีภาพ และนี่เป็นการมาร่วมชุมนุมทางการเมืองครั้งแรก หากไม่ได้ออกมาวันนี้ก็คงไม่ได้เห็นคนรุ่นใหม่ที่ตื่นตัวทางการเมืองออกมารวมตัวกัน "ใจจริงเราต่อสู้ประชาธิปไตย ที่ผ่านมาต่อสู้อยู่ในบ้าน แต่วันนี้เราออกมาจริง ๆ" แต่สำหรับกิจกรรมวิ่งไล่ลุง อริยาภรณ์บอกว่า คงไม่ได้ไปร่วมวิ่งด้วย เพราะร่างกายไม่พร้อม "ถ้าจะไปคิดว่าคงขับรถตามเขาค่ะ อาจจะมีน้ำ ไปช่วยเขาเท่าที่เราทำได้ เพราะว่าเราก็เลขห้าแล้ว" อภิเษก ปานทิพย์ นักศึกษามหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เดินชูป้าย For our future ซึ่งแปลว่าอนาคตของเรา บอกว่า เหตุผลที่ถือป้ายนี้เพราะต้องการสื่อสารให้ต่างชาติได้รับรู้ว่าวันนี้ออกมาชุมนุมเพราะอะไร วันนี้ออกมาประท้วงไม่มีความหวั่นใจเพราะเป็นการมาแสดงจุดยืน ไม่ได้ถึงขั้นปิดถนนทำให้เกิดความเดือดร้อน อภิเษกในวัย 19 ปี ใช้สิทธิเลือกตั้งครั้งแรกในชีวิตเมื่อเดือน มี.ค. และกาเลือก อนค. ระบุว่า มาวันนี้ไม่ได้มาสู้เพื่อนายธนาธรอย่างเดียว แต่มาสู้เพื่อพรรคการเมืองที่ตนเลือก ส่วนงานวิ่งไล่ลุงต้นปีหน้า สิ่งแรกที่จะเตรียมตัวคือกางเกงวอร์ม
|
แกนนำพรรคอนาคตใหม่ (อนค.) จัดแฟลชม็อบ "ชิมลาง" เช็คยอดมวลชน ก่อนนัดเคลื่อนไหวใหญ่ไล่รัฐบาลปีหน้า
|
international-47089814
|
https://www.bbc.com/thai/international-47089814
|
โครงการเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำในตุรกี ทำให้เมืองโบราณฮาซันเกฟ กำลังจะจมอยู่ใต้น้ำ
|
ฮาซันเกฟ เมืองโบราณของตุรกีกำลังจะสูญหายไปจากโลก เพราะพื้นที่เกือบ 90% ของเมืองฮาซันเกฟ จะกลายเป็นพื้นที่รับน้ำ ในการก่อสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำแห่งใหม่ รัฐบาลระบุว่า ต้องสร้างเขื่อนเพื่อผลิตไฟฟ้าใช้ในภาคตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อการชลประทานและการเกษตร แต่ผู้ไม่เห็นด้วยเกรงว่า มรดกทางวัฒนธรรมอายุหลายพันปีจะสูญหายไปรวมถึง หอคอยอายุ 600 ปี ของมัสยิดอัลริซก์ และถ้ำในยุคหินใหม่หลายแห่งซึ่งเกิดขึ้นเมื่อราว 12,000 ปีก่อน ริดวัน ไอฮาน โครงการพิทักษ์ฮาซันเกฟ กล่าวว่า "มันไม่ใช่แค่ประวัติศาสตร์ แต่พวกเขากำลังทำลายล้างธรรมชาติด้วย น้ำ สัตว์ และพืช ระบบนิเวศจะเปลี่ยนไป เมื่อระดับน้ำสูงขึ้น เราหวังว่า พวกเขาจะลดระดับน้ำของเขื่อนลง เพื่อรักษาฮาซันเกฟไว้" ตุรกี เริ่มโครงการเขื่อนเออลิซู ในแม่น้ำไทกริส ช่วงทศวรรษ 1950 แต่การต่อสู้ทางกฎหมาย ทำให้การก่อสร้างหยุดชะงัก จนถึงปี 2006 มีการสร้างเมืองใหม่ให้ชาวบ้านซึ่งส่วนใหญ่เป็นชาวเคิร์ดไปอยู่ แต่คนจำนวนมากยังสับสนกับชะตากรรมตนเอง อับดุลเกอริม อาร์จิน คนดูแลร้าน กล่าวว่า "สภาพความเป็นอยู่ที่นี่ และที่นั่น (ที่ตั้งถิ่นฐานใหม่) แตกต่างกันอย่างมาก ที่นี่มีการท่องเที่ยว มีประวัติศาสตร์ ที่ดึงดูดผู้คน เราไม่คิดว่า จะทำแบบนี้ได้ในบริเวณที่จะไปอยู่ใหม่" ส่วน อาห์เหม็ต อักเดนิซ ประธานสมาคมวัฒนธรรม ฮาซันเกฟ กล่าวว่า "ฮาซันเกฟที่เราเคยอยู่ ชีวิตเป็นไปอย่างลำบาก แต่ในที่ใหม่ เราจะมีบ้านที่ทันสมัย มีชีวิตดีขึ้น เราอยากย้ายไปให้เร็วที่สุด" สิ่งสำคัญ ณ เวลานี้คือ เมืองฮาซันเกฟแห่งนี้ จะจมหายไปใต้น้ำเมื่อใด
|
เมืองฮาซันเกฟทางตะวันออกของตุรกีกำลังจะจมอยู่ใต้น้ำ ซึ่งเป็นผลจากการสร้างเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำที่รัฐบาลบอกว่า จะช่วยผลิตไฟฟ้าและปรับปรุงการชลประทาน แต่ฝ่ายที่คัดค้านแย้งว่า เขื่อนจะทำลายโบราณสถาน ถ้ำในยุคหินใหม่ และระบบนิเวศไปตลอดกาล
|
thailand-51457856
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-51457856
|
โคโรนา : ผู้ทำงานบริการนักท่องเที่ยวหวั่น ก.สาธารณสุขชี้เป็นกลุ่มเสี่ยงมากที่สุด
|
(ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ) คนขับตุ๊กตุ๊กคือหนึ่งในกลุ่มผู้ทำงานกับนักท่องเที่ยวต่างชาติมากที่สุด ความเคลื่อนไหวล่าสุดนี้ไม่ใช่เรื่องน่าแปลกใจ เพราะนักท่องเที่ยวจากจีน ประเทศต้นตอของการแพร่ระบาด เดินทางเข้ามาท่องเที่ยวในไทยมากที่สุด หากดูตัวเลขในปี 2562 พบว่าเป็นอันดับ 1 คือ 10.99 ล้านคน คิดเป็น 27.63% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมด สร้างรายได้ 5.43 แสนล้านบาท คนขับตุ๊กตุ๊ก "ไอ้กลัวมันก็กลัวแหละ แต่พวกที่ขับมานานๆ ก็ไม่รู้จะทำอะไร ไปไม่ไหวแล้วอายุมันมาก" วิชัย ศรีมะลัย คนขับรถตุ๊กตุ๊กย่านราชประสงค์ วัย 52 ปี ยึดอาชีพนี้มาตั้งแต่อายุ 17 ปี บอกบีบีซีไทย แม้จะเกรงติดเชื้อโรคร้าย แต่วิชัยเห็นว่าการที่นักท่องเที่ยวจากจีนหายไปนับตั้งแต่มีการประกาศปิดเมืองหลายแห่งในจีน มีผลเสียกับเขามากกว่า "ใคร ๆ ก็บ่นเหมือนกันทุกคน ฝรั่งมันก็ไม่มีอยู่แล้ว แต่ก่อนจีนไม่เข้า ฝรั่งยังมา ตอนนี้ไม่มีทั้งจีนทั้งฝรั่ง" วิชัย เล่าด้วยน้ำเสียงเหนื่อยใจ ด้วยกลุ่มผู้โดยสารชาวจีนที่เป็นแห่งรายได้หลักเดินทางมาลดลง ทั้งที่ภาระค่าใช้จ่ายที่ต้องส่งกลับไปดูแลครอบครัวในต่างจังหวัดเท่าเดิม จนถึงกลับออกปากว่า "เดี๋ยวนี้วันละร้อย สองร้อยก็หายาก" บรรยากาศบริเวณแยกราชประสงค์ที่เคยคึกคักไปด้วยบรรดานักท่องเที่ยว ตอนนี้กลับบางตาลงอย่างเห็นได้ชัด แถวที่เคยต่อกันยาวเหยียดเพื่อซื้อพวงมาลัยสักการะท้าวพระพรหมกลับสั้นกุด ต่างกับบรรดารถตุ๊กตุ๊กที่จอดเรียงราย เพราะไม่มีนักท่องเที่ยวมาใช้บริการอย่างที่เคย นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่วิชัยต้องรับมือกับโรคระบาด ย้อนกลับไปครั้งที่มีการระบาดของโรคซาร์ส เมื่อปี 2003 เขาก็ขับรถตุ๊กตุ๊กอยู่ในย่านนี้เช่นกัน ซึ่งครั้งนั้นดูจะหนักยิ่งกว่า "สมัยโรคซาร์สน่ากลัวกว่า ไม่มีคนเดินเลยแถวนี้ ถึงกับต้องหยุดกลับบ้าน" แม้ในสายตาของเขาโคโรนายังไม่น่ากังวลอย่างซาร์สในอดีต แต่วิชัยก็ไม่ได้ละเลยที่จะดูแลตัวเอง ทั้งการสวมหน้ากากอนามัย ระมัดระวังเวลาพูดคุยกับนักท่องเที่ยว และเมื่อกลับถึงบ้านก็จะอาบน้ำทำความสะอาดร่างกายทันที วิชัยบอกว่าเขายังโชคดีกว่าคนขับรถแท็กซี่ที่ต้องใกล้ชิดผู้โดยสารมากกว่า นางฟ้าบนเครื่องด่านแรกธุรกิจบริการ เอ (นามสมมติ) พนักงานต้อนรับสายการบินแห่งหนึ่ง เห็นว่าแอร์โฮสเตสอย่างเธอถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ชัดเจน เธอเล่าว่าในช่วงแรกที่ยังไม่มีการยืนยันถึงการระบาดของโรคดังกล่าว ทั้งสนามบินและสายการบินที่เธอทำงานอยู่ก็ยังไม่ได้มีมาตรการใด ๆ ออกมาทั้งสิ้น ขณะนั้นเป็นช่วงต้นปี 2020 ซึ่งนักท่องเที่ยวจีนยังเดินทางมาไทยจำนวนมาก "ก่อนสิ้นปียังไม่ค่อยรู้ข่าวก็ยังให้บริการกันปกติ คนจีนก็คึกคัก" เมื่อเวลาผ่านไปเริ่มมีการพูดถึงการระบาดของไวรัสโคโรนา บรรดาลูกเรือจึงเริ่มตื่นตระหนกจนต้องมีมาตรการป้องกันตนเองด้วยการสวมหน้ากากอนามัยขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเป็นเพียงมาตรการส่วนบุคคล โดยที่ยังไม่ได้มีคำสั่งจากสายการบินแต่อย่างใด ในขณะนั้นเอ สังเกตเห็นว่านักท่องเที่ยวเริ่มมีการสวมใส่หน้ากากอนามัยแล้ว "คนจีนส่วนใหญ่เกิน 90% ใส่หน้ากากทั้งหมด น้อยมากที่จะไม่ใส่ บางคนใส่หน้ากากด้วย ระแวงกันเองด้วย นั่งอยู่คนด้านหน้าไอก็มาแจ้งว่าจะย้ายที่นั่ง" เวลาผ่านไปสายการบินจึงเริ่มขยับ กำหนดมาตรการขึ้น หลังจากทางการจีนประกาศปิดเมืองอู่ฮั่นในวันที่ 23 ก.พ. สายการบินกำหนดให้ลูกเรือที่ต้องทำเที่ยวบินตรงไปยังเมืองอู่ฮั่นสวมหน้ากากอนามัยและปฏิบัติตามข้อกำหนดของสนามบินอย่างเคร่งครัด ซึ่งในเวลานั้นเที่ยวบินต่าง ๆ ที่ทำการบินภายในประเทศ แม้จะมีนักท่องเที่ยวจีนเต็มลำก็ยังไม่ได้ใช้มาตรการนี้ ก่อนที่ภายหลังจะขยายครอบคลุมทั้งหมด สำหรับมาตรการทั่วไปที่ลูกเรือปฏิบัติมาอย่างต่อเนื่อง คือ การใส่ถุงมือในการเก็บถาดอาหารและขยะต่าง ๆ เพื่อป้องกันการสัมผัสน้ำหลายหรือสารคัดหลั่ง ล้างมือหลังปฏิบัติงาน ใช้เจลล้างมือ ซึ่งก็พอจะทำให้บรรดาพนังงานวางใจได้บ้าง เอรู้สึกกังวลและเป็นห่วงบรรดาเพื่อนร่วมอาชีพทุกคน ที่ยังต้องเสี่ยงกับโรคระบาดนี้อยู่ต่อไป โดยที่ยังไม่มีมาตรการของสายการบินหรือหน่วยงานกำกับดูแลเข้ามาสร้างความมั่นใจ ว่าจะมีมาตรการเยียวยาลูกเรือที่ได้รับผลกระทบอย่างไร เพราะหลายคนก็มีภาระทางครอบครัวที่ต้องแบกรับแทบทั้งสิ้น เอ ยังตั้งข้อสังเกตเรื่องที่สายการบินบางสายพ่นยาฆ่าเชื้อเครื่องบินในเที่ยวบินที่เดินทางไปจีนนั้น จะทำเฉพาะที่บินตรงกลับมายังสุวรรณภูมิเท่านั้น แต่หากเครื่องบินลำใดบินไปยังจังหวัดใดจังหวัดหนึ่งในไทยที่มีนักท่องเที่ยวจีนโดยสารมาด้วย ทางสายการบินก็ไม่ได้ทำการฆ่าเชื้อแต่จะใช้วิธีเช็ดทำความสะอาดและต้องรอจนกระทั่งมีการบินกลับไปถึงสุวรรณภูมิเท่านั้นจึงจะฉีดพ่นยาฆ่าเชื้อ เธอเห็นว่าควรดำเนินมาตรการนี้กับเครื่องบินทุกลำ เพื่อความปลอดภัยของทั้งผู้โดยสารและลูกเรือ พนักงานร้านขายของที่ระลึกขอลางานหนีติดเชื้อ "เราเป็นร้านที่รับนักท่องเที่ยวโดยตรง ก็จะยิ่งมีมาตรการดีกว่าที่อื่น เราชัดเลยว่าลูกค้าเข้ามาเด็กทุกคนต้องใส่มาสก์ ร้านอื่นบางครั้งใส่ ไม่ใส่ ไม่ใช่เพราะเรากลัว แต่เราพยายามป้องกันไม่ให้เกิด ให้นักท่องเที่ยวมั่นใจ ไม่ใช่แค่เรากลัวเขา เขาก็กลัวเรา" สำราญ อิ่มรัง ผู้จัดการร้าน Clover กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นผู้ให้บริการจำหน่ายสินค้าที่ระลึกและเวชภัณฑ์ โดยมีลูกค้ากว่า 60% เป็นนักท่องเที่ยวชาวจีน อธิบายถึงมาตรการเฝ้าระวังที่ทางร้านทำ "กลัว กลัวมากน้องกลัวมาก บางคนไลน์ส่วนตัวมาเลย ว่าพี่ช่วงนี้หนูลางาน 15 วันก่อนได้ไหม น้องกลัวทุกคน แต่เราก็พยายามให้ข้อมูลที่ตรงไปตรงมาว่ามันป้องกันได้ เพราะเราเป็นร้านขายยา เราก็คุยจนเขาเข้าใจ" (ภาพประกอบจากแฟ้มภาพ) พนักงานขายของคือหนึ่งในอาชีพที่ต้องพบปะนักท่องเที่ยวต่างชาติจำนวนมาก โดยมาตรการเบื้องต้นที่ทางร้านปฏิบัติ คือ การจำกัดเวลาทำงานของพนักงานให้ลดโอกาสเสี่ยงในการเผชิญหน้ากับนักท่องเที่ยวให้น้อยลง พนักงานรับเงินจะต้องสวมถุงมือ และกำชับไม่ให้ใส่เครื่องแบบซ้ำในการทำงาน ซึ่งปฏิบัติควบคู่ไปกับมาตรการทั่วไปอย่างการสวมหน้ากากอนามัย และการใช้เจลล้างมือ สำหรับ Clover นั้นนอกจากกรุงเทพฯแล้ว ยังมีสาขาที่ จ.เชียงใหม่ ซึ่งตั้งอยู่ในย่านท่องเที่ยวอย่างถนนนิมมานเหมินทร์ ได้รับผลกระทบอย่างหนัก โดยเฉพาะหลังจากมีกระแสข่าวว่าคนเชียงใหม่ไม่ต้องการให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามา "เป็นช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาลูกค้าก็จะเริ่มน้อยลง อาจจะเพราะร้านเรามีลูกค้าชาวจีนเข้าตลอด แล้วลูกค้าอื่น ๆ แทบไม่เข้ามาเลย โดยเฉพาะคนไทย" ข้อสังเกตอย่างหนึ่งที่สำราญประเมินว่าจะส่งผลกระทบนอกจากจำนวนนักท่องเที่ยวจีนที่ลงลง คือ รูปแบบการจับจ่ายที่เปลี่ยนไป โดยจะเลือกซื้อเฉพาะสินค้าที่จำเป็นอย่างอาหาร และยา แตกต่างจากเมื่อก่อนที่จะซื้อสินค้าที่เป็นที่นิยม "ยอดขายเฉลี่ยต่อบิลจะลดลงไป ปกติเขาจะซื้อ 2,000 -3,000 ต่อบิล แต่พอมีปัญหานี้เขาก็ใช้จ่ายในรูปแบบที่ประหยัด จ่ายกับสิ่งที่จำเป็นที่สุด คนจีนเวลาเขามาซื้อของกับเราเขาจะมีรูปมาจากบ้านเขาเลยว่าอะไรฮิตที่ไทย ยาดม มาสก์ แต่ตอนนี้เขาจะมีในใจหยิบใส่ตะกร้าแล้วก็จบ" นี่เป็นความกังวลที่ร้านประเมินว่ายังต้องรับมือไปอีกอย่างน้อย 6 เดือน
|
กระทรวงสาธารณสุขประกาศว่าในสัปดาห์นี้จะเฝ้าระวังกลุ่มผู้ที่ทำงานกับนักท่องเที่ยวต่างชาติ เนื่องจากถือเป็นกลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสโคโรนามากที่สุดในขณะนี้
|
international-54262419
|
https://www.bbc.com/thai/international-54262419
|
วาฬนำร่องเกือบ 400 ตัวตายในรัฐแทสเมเนีย เป็นการเกยตื้นที่เลวร้ายที่สุดของออสเตรเลีย
|
เจ้าหน้าที่กู้ภัยพยายามรักษาความชุ่มชื้นและความเย็นให้กับวาฬที่เกยตื้น นับตั้งแต่วันจันทร์ที่ผ่านมา วาฬนำร่องครีบยาวหลายร้อยตัวถูกพบเกยตื้นอยู่ที่ชายฝั่งทางตะวันตกของรัฐแทสเมเนีย เจ้าหน้าที่กู้ภัยช่วยชีวิตวาฬไว้ได้ 50 ตัวในวันพุธ (23 ก.ย.) และกำลังพยายามช่วยวาฬที่เหลืออีกราว 30 ตัว เจ้าหน้าที่ทางการรัฐแทสเมเนีย กล่าวว่า ความพยายามช่วยชีวิตวาฬจะดำเนินต่อไป "ตราบเท่าที่ยังมีวาฬที่ยังมีชีวิตอยู่" นิก เดคา จากหน่วยงานอุตสาหกรรมพื้นฐานของรัฐแทสเมเนีย กล่าวว่า "ขณะที่พวกมันยังมีชีวิตอยู่ และอยู่ในน้ำ ก็ยังพอมีหวัง แต่เมื่อเวลาผ่านไป พวกมันจะค่อย ๆ หมดแรง" เขากล่าวเพิ่มเติมว่า สิ่งสำคัญในตอนนี้คือ การกำจัดซากวาฬหลายร้อยตัวที่กระจายอยู่ตามแนวชายฝั่ง ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการวางแผนทำความสะอาดอยู่ ในอดีตซากวาฬจำนวนมากถูกฝังอยู่บนชายหาด หรือไม่ก็ถูกลากออกไปในทะเลเปิด เจ้าหน้าที่ทำงานแข่งกับเวลาช่วยชีวิตวาฬนำร่องเกยตื้นในออสเตรเลีย ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่า ทำไมวาฬเหล่านี้จึงมาเกยตื้น แต่เป็นที่ทราบกันว่า วาฬสายพันธุ์นี้มักเกยตื้นอยู่บ่อย ๆ การเกยตื้นครั้งนี้ เป็นหนึ่งในการเกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดเท่าที่เคยบันทึกไว้ทั่วโลก และทำลายสถิติการเกยตื้น 320 ตัวในรัฐเวสเทิร์นออสเตรเลียในปี 1996 วาฬเหล่านี้เกยตื้นที่ไหน วาฬเหล่านี้ถูกพัดมาติดอยู่ที่หลุมทรายในน่านน้ำบริเวณที่เรียกว่า แม็กควารี เฮดส์ (Macquarie Heads) ตอนแรกเมื่อวันจันทร์ เจ้าหน้าที่กู้ภัยนับจำนวนวาฬได้ 270 ตัว แต่เมื่อวันอังคาร เจ้าหน้าที่บนเฮลิคอปเตอร์ พบวาฬตายอีก 200 ตัวในพื้นที่ใกล้เคียง เจ้าหน้าที่ทางการ ระบุว่า วาฬกลุ่มที่สองอาจจะถูกพัดขึ้นมาด้วยกระแสน้ำ แต่คาดว่า จะเป็นวาฬฝูงเดียวกัน เจ้าหน้าที่ทำอย่างไรเพื่อช่วยชีวิตวาฬ เจ้าหน้าที่ราว 60 คน ได้ใช้สลิงและอุปกรณ์อื่นในการช่วยดึงวาฬออกจากหาดทราย เพื่อที่จะให้มันจมลงในน้ำทั้งตัว เมื่อวาฬ "กลับไปลอยอยู่ในน้ำได้" พวกมันก็จะถูกนำทางให้ว่ายน้ำออกไปในเขตน้ำลึก เจ้าหน้าที่กู้ภัย กล่าวว่า พวกเขาได้ช่วยนำทางวาฬว่ายกลับสู่ทะเลแล้ว 50 ตัว ซึ่งถือว่าเป็น "ความสำเร็จ" The pilot whales have become stranded on Tasmania's west coast เจ้าหน้าที่ระบุว่า ความพยายามในการช่วยชีวิตวาฬเผชิญกับอุปสรรคจากกระแสน้ำที่รุนแรง ซึ่งทำให้วาฬที่ได้รับการช่วยเหลือแล้ว กลับเข้ามายังชายฝั่งอีกครั้ง ผู้เชี่ยวชาญด้านวาฬ ระบุว่า วาฬที่รอดตายจะอ่อนแรงและอ่อนแอ วาฬนำร่องมีความยาวได้ถึง 7 เมตร และหนักถึง 3 ตัน ศ.ปีเตอร์ แฮร์ริซัน จากกลุ่มวิจัยวาฬ มหาวิทยาลัยเซาเทิร์นครอสส์ (Southern Cross University) กล่าวว่า การที่ไม่มีน้ำช่วยพยุงตัวไว้ วาฬจะค่อย ๆ ถูกน้ำหนักตัวของมันเองกดทับ ทำไมวาฬจึงว่ายมาเกยตื้น นักวิทยาศาสตร์ระบุว่า การว่ายน้ำมาเกยตื้นของวาฬมักจะไม่ทราบเหตุผลที่แน่ชัด แต่นักวิทยาศาสตร์มีทฤษฎีอธิบายเรื่องนี้หลายทฤษฎี รวมถึง การที่วาฬว่ายตามฝูงปลามาที่ชายฝั่งจนสับสน โดยเฉพาะวาฬนำร่อง เป็นที่ทราบกันดีว่ามักจะเกยตื้นเป็นฝูง เพราะพวกมันเดินทางเป็นฝูงใหญ่ และเกาะกลุ่มกันอย่างเหนียวแน่น ด้วยการสื่อสารกันอย่างต่อเนื่อง นักวิจัยระบุว่า เป็นไปได้ว่า วาฬที่เป็นผู้นำทางอาจจะพาวาฬที่เหลือในฝูงมาผิดทาง นอกจากนี้ยังคาดว่า ฝูงวาฬน่าจะมีความเสี่ยงเมื่อเข้าใกล้ชายหาด ซึ่งมีลักษณะค่อย ๆ ลาดลงเป็นบริเวณกว้าง เพราะว่าคลื่นเสียงสะท้อนใต้น้ำของพวกมันอาจจะไม่สามารถตรวจจับแนวชายฝั่งในน้ำตื้นได้ กว่า 80% ของวาฬที่เกยตื้นในออสเตรเลีย เกิดขึ้นที่รัฐแทสเมเนีย และผู้เชี่ยวชาญหลายคนระบุว่า แม็กควารี เฮดส์ เป็นจุดที่มีพบการเกยตื้นบ่อย การเกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดก่อนหน้านี้ในรัฐแทสเมเนียเกิดขึ้นในปี 1935 โดยมีวาฬนำร่องเกยตื้น 294 ตัว ส่วนการเกยตื้นขนาดใหญ่ครั้งล่าสุดเกิดขึ้นในปี 2009 ซึ่งมีวาฬนำร่องเกยตื้นราว 200 ตัว
|
เจ้าหน้าที่ทางการระบุว่า มีวาฬตายแล้วราว 380 ตัวในเหตุการณ์ที่คาดว่าเป็นการเกยตื้นครั้งใหญ่ที่สุดของออสเตรเลีย
|
features-53462838
|
https://www.bbc.com/thai/features-53462838
|
ซูเปอร์โนวาเหวี่ยงดาวแคระขาวกระเด็นข้ามกาแล็กซีทางช้างเผือก
|
ผลวิเคราะห์เบื้องต้นชี้ว่า ดาวแคระขาวนี้อาจเป็นซากของดาวฤกษ์ที่ถูกเหวี่ยงออกมาจากระบบดาวคู่ ซึ่งเกิดการระเบิดซูเปอร์โนวาแบบไม่สมบูรณ์ ทั้งเป็นการระเบิดชนิดที่ยังไม่เคยพบเห็นมาก่อน มีการตีพิมพ์รายงานการค้นพบดังกล่าว ในวารสารรายเดือนของราชสมาคมดาราศาสตร์อังกฤษ (MNRAS) โดยระบุว่าดาวแคระขาว SDSS J1240+6710 พุ่งผ่านห้วงอวกาศด้วยความเร็วถึง 9 แสนกิโลเมตรต่อชั่วโมง และมีองค์ประกอบเป็นธาตุต่าง ๆ ที่ผิดแปลกไปจากที่ควรจะเป็น ข้อมูลจากกล้องโทรทรรศน์อวกาศฮับเบิลชี้ว่า ดาวแคระขาวดวงนี้ ไม่มีธาตุไฮโดรเจนหรือฮีเลียมหลงเหลืออยู่ รวมทั้งไม่มีแร่ธาตุจำพวกเหล็ก, นิกเกิล หรือโครเมียม ที่มักจะได้จากการรวมตัวกันของธาตุเบากว่าระหว่างเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์แบบฟิวชัน (nuclear fusion) ซึ่งจะต้องเกิดขึ้นเมื่อดาวฤกษ์สิ้นอายุขัยและมีการระเบิดซูเปอร์โนวา แต่อย่างไรก็ตาม ดาวแคระขาวดังกล่าวกลับมีส่วนผสมของธาตุอย่างออกซิเจน, นีออน, แมงกานีส และซิลิคอนอยู่ทั่วไป ทั้งยังพบคาร์บอน, โซเดียม และอะลูมิเนียมในชั้นบรรยากาศอีกด้วย ซึ่งเป็นร่องรอยของการเกิดปฏิกิริยานิวเคลียร์ความร้อน (thermonuclear) ในขั้นแรกของการระเบิดซูเปอร์โนวา ศาสตราจารย์ บอริส แกนซิกเคอ ผู้นำทีมวิจัยจากมหาวิทยาลัยวอริก (University of Warwick) ของสหราชอาณาจักร อธิบายถึงข้อมูลข้างต้นที่ขัดแย้งกันว่า "ดาวดวงนี้น่าจะผ่านขั้นตอนการเกิดซูเปอร์โนวามาเพียงบางส่วนเท่านั้น ทำให้มีมวลต่ำเพียง 40% ของดวงอาทิตย์ แต่มีความเร็วสูงและมีองค์ประกอบทางเคมีที่แปลกประหลาด" ทีมผู้วิจัยสันนิษฐานว่า การระเบิดซูเปอร์โนวาครั้งนี้แม้จะไม่สมบูรณ์ แต่มีความรุนแรงมากพอที่จะเหวี่ยงดาวคู่ทั้งสองดวงออกไปในทิศทางตรงข้ามกัน ซึ่งเราสามารถตรวจจับความเคลื่อนไหวได้เพียงดาวแคระขาวดวงนี้เท่านั้น การระเบิดที่เกิดขึ้นเพียงบางส่วนยังทำให้ขาดนิกเกิลกัมมันตรังสี ซึ่งปกติแล้วจะช่วยให้กลุ่มฝุ่นและก๊าซที่หลงเหลืออยู่หลังเกิดซูเปอร์โนวาเรืองแสงสว่างได้ทนนาน จึงยังคงเป็นเรื่องยากที่จะค้นหาตำแหน่งของซูเปอร์โนวาแบบประหลาด ซึ่งเหวี่ยงดาวแคระขาวดวงนี้กระเด็นออกมา
|
ทีมนักดาราศาสตร์นานาชาติพบดาวแคระขาวประหลาดอยู่ห่างจากโลก 1,430 ปีแสง กำลังพุ่งทะยานด้วยความเร็วสูงผิดปกติไปในทิศทางตรงข้ามกับการหมุนของกาแล็กซีทางช้างเผือก
|
international-50417011
|
https://www.bbc.com/thai/international-50417011
|
โครงการไนติงเกล : กูเกิลเข้าถึงข้อมูลคนไข้มหาศาลในสหรัฐฯ
|
กูเกิลเข้าถึงข้อมูลคนไข้ของโรงพยาบาลหลายพันแห่งในสหรัฐฯ โครงการที่มีชื่อว่าโครงการไนติงเกล (Project Nightingale) เป็นข้อตกลงที่จัดทำขึ้นระหว่างกูเกิลและแอสเซนชั่น (Ascension) ผู้ให้บริการด้านสุขภาพรายใหญ่ วอลล์ สตรีต เจอร์นัล ซึ่งเป็นสื่อรายแรกที่รายงานข่าวเรื่องนี้ระบุว่าข้อมูลที่กูเกิลสามารถเข้าถึงได้มีตั้งแต่ประวัติการรักษาของคนไข้ ชื่อ และที่อยู่ ขณะที่กูเกิลระบุว่าสิ่งนี้เป็น "การปฏิบัติตามมาตรฐานปกติ" มีรายงานว่าข้อมูลของคนไข้ที่กูเกิลสามารถเข้าถึงได้ภายใต้ข้อตกลงนี้ยังรวมถึงผลการตรวจในห้องปฏิบัติการ การตรวจวินิจฉัยโรค ประวัติการรับการรักษาที่โรงพยาบาล และวันเดือนปีเกิด ซึ่งกูเกิลสามารถดูข้อมูลเหล่านี้ได้ โดยไม่จำเป็นต้องแจ้งทั้งแพทย์หรือคนไข้ก่อน วอลล์ สตรีต เจอร์นัล รายงานว่า กูเกิลได้เริ่มเข้าดูข้อมูลดังกล่าวมาตั้งแต่ปีที่แล้ว กูเกิล ระบุว่าความร่วมมือที่ทำกับแอสเซนชั่นเป็นไปตามกฎเกณฑ์ปฏิบัติ ทั้ง พ.ร.บ.ว่าด้วยการควบคุมและการส่งผ่าน ข้อมูลทางด้านการประกันสุขภาพของสหรัฐฯ ปี 1996 (Health Insurance Portability and Accountability Act--HIPAA) "เพื่อความชัดเจน...ข้อมูลของคนไข้จะไม่ถูกนำมารวมและไม่อาจนำมารวมกับข้อมูลใด ๆ ของผู้ใช้งานกูเกิลได้" กูเกิลระบุเพิ่มเติม แอสเซนชั่น ซึ่งบริหารโรงพยาบาล 2,600 แห่ง ระบุว่าข้อตกลงนี้จะช่วย "เพิ่มประสิทธิภาพ" ในการดูแลคนไข้ รวมทั้ง จะมีการพัฒนาเครื่องมือปัญญาประดิษฐ์เพื่อสนับสนุนแพทย์ด้วย ทางบริษัทยังระบุด้วยว่า จะเริ่มใช้พื้นที่จัดเก็บข้อมูลคลาวด์ (cloud data storage service) และแอปพลิเคชั่น ที่มีการใช้งานในทางธุรกิจที่รู้จักกันในชื่อ G Suite ของกูเกิลด้วย ข้อกังวลความเป็นส่วนตัว โครงการไนติงเกลก่อให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในวงกว้างจากผู้ไม่เห็นด้วย เพราะเกรงว่าคนไข้ไม่อาจควบคุมข้อมูลของตัวเองได้ ศ.เจน เคย์ แห่งมหาวิทยาลัยอ็อกซ์ฟอร์ด กล่าวว่า "นี่คือปัญหาใหญ่ของการทำความร่วมมือระหว่างรัฐและเอกชน ที่ทุกอย่างดำเนินไปภายใต้สัญญาของเอกชน จึงยากที่จะทำให้เกิดความโปร่งใส" "กูเกิลบอกว่าไม่ได้นำข้อมูลส่วนนี้ไปเชื่อมโยงกับข้อมูลอื่น ๆ ที่มีอยู่ แต่สิ่งที่กูเกิลทำตลอดเวลาคือการปรับอัลกอริทึม ให้ละเอียดมากขึ้น ทำให้สิ่งที่กูเกิลกำลังทำสมบูรณ์มากขึ้น เพื่อสร้างข้อได้เปรียบด้านการตลาด" อีกด้านหนึ่งองค์กรด้านสุขภาพหลายแห่ง กำลังเผชิญแรงกดดันให้ปรับปรุงประสิทธิภาพและคุณภาพในการรักษา พยาบาล หลายองค์กรจึงหันนำปัญญาประดิษฐ์มาใช้ แต่การทำเช่นนั้นบางครั้งก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์เกี่ยวกับการจัดการ กับข้อมูลรายละเอียดของคนไข้ ในสหราชอาณาจักร ดีปมายด์ (DeepMind) บริษัทลูกของกูเกิลที่ดูแลงานด้านปัญญาประดิษฐ์ ถูกตรวจสอบพบว่า ละเมิดกฎหมาย หลังจากที่บริษัทไม่สามารถให้คำอธิบายแก่คนไข้ได้อย่างชัดแจ้งว่า ข้อมูลที่จัดเก็บจะนำไปใช้ในการพัฒนาแอปพลิเคชั่นเกี่ยวกับโรคไตอย่างไร เครื่องมือที่บริษัทพัฒนาขึ้นมีชื่อเรียกว่า สตรีมส์ (Streams) ได้รับการออกแบบมาให้เตือนคนไข้ที่มีความเสี่ยงเกิด อาการเจ็บที่ไตอย่างเฉียบพลัน
|
กูเกิลทำความตกลงกับผู้ให้บริการด้านสุขภาพรายใหญ่ทำให้สามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของคนไข้จำนวนมหาศาลในสหรัฐฯ ได้โดยไม่ต้องแจ้งให้คนไข้ได้รับรู้
|
international-42302599
|
https://www.bbc.com/thai/international-42302599
|
ถ่ายรูปอาหารลงอินสตาแกรมอย่างไรให้ดูน่ากิน?
|
คิมเบอร์ลี เอสปีเนล ฟูดสไตลิสต์ ซึ่งมีผู้ติดตามอินสตาแกรมของเธอมากกว่า 50,000 คน กล่าวว่า "เรากินอาหารด้วยตาของเราก่อน คุณต้องมั่นใจว่าอาหารดูน่ากินพอ ๆ กับรสชาติที่อร่อยของมัน" เธอบอกว่า คนที่มาเรียนส่วนใหญ่ไม่ได้ทำงานด้านอาหาร พวกเขาแค่อยากถ่ายรูปอาหารเพื่อนำไปโพสต์อวดลงในอินสตาแกรม และต้องการได้ภาพที่อาหารดูน่าอร่อย โดยมีคนสนใจมาเรียนกับเธอจำนวนมาก "เราต้องการการยอมรับจากสังคม ต้องการให้มียอดไลก์มาก ๆ" คิมเบอร์ลี กล่าว นี่คือเคล็ดลับของเธอในการถ่ายรูปอาหารเพื่อนำไปโพสต์ 1.แสง คิมเบอร์ลี บอกว่า "แสงต้องมีความพอดี แสงจากด้านหลัง หรือด้านข้างช่วยได้จริง ๆ" 2.สีชมพู เธอบอกว่า สีชมพูเป็นสีที่ได้รับความนิยมอย่างมากในอินสตาแกรม ถ้าทำให้สีชมพูมาอยู่ในภาพได้ อาจจะเป็นจากผ้าหรืออาหารก็แล้วแต่ ภาพนั้นก็จะมีคนชอบมากขึ้น 3.มือ เธอแนะนำว่า ให้ใช้มือประกอบภาพเพื่อทำให้ภาพดูมีความรู้สึกของคนอยู่ด้วย "มันน่ารักมากและได้ผลดีด้วย คุณอาจจะขอให้ใครสักคนถือถ้วยไว้ หรือยกแก้วขึ้น ก็จะมีคนกดไลก์ คอมเมนต์ และติดตามคุณมากขึ้นด้วย" คิมเบอร์ลี กล่าว
|
กูรูด้านการถ่ายภาพอาหารลงอินสตาแกรม สอนผู้สนใจถ่ายรูปอาหารสำหรับลงอินสตาแกรมให้ดูน่ากิน เพื่อเพิ่มยอดไลก์ คอมเมนต์และจำนวนผู้ติดตาม คิดค่าเรียนครั้งละประมาณ 9,500 บาท
|
thailand-40933040
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-40933040
|
ศาลตัดสินจำคุกไผ่ ดาวดิน 5 ปี แต่ลดโทษกึ่งหนึ่ง
|
นายกฤษฎางค์ นุตจรัส ทนายความจากศูนย์ทนายเพื่อสิทธิมนุษยชน ในฐานะทนายความของ นายจตุภัทร์ เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า นายจตุภัทรมีสิทธิ์ยื่นอุทธรณ์ภายใน 30 วัน ซึ่งผลการตัดสิน ไม่ต่างจากที่คาดการณ์ไว้ว่าจะถูกจำคุก 5 ปี และการรับสารภาพเป็นประโยชน์ต่อคดี ศาลจึงลดโทษลงกึ่งหนึ่ง ทนายความระบุด้วยว่าในระหว่างนี้นายจตุภัทร์มีสิทธิ์ที่จะขอประกันตัวได้ตามกฎหมาย แต่ทนายความยังไม่ได้หารือเรื่องนี้กับครอบครัว เมื่อสายวันนี้ (15 ส.ค.) ไผ่ ดาวดิน ได้ให้การรับสารภาพ ในคดีที่ถูกอัยการจังหวัดขอนแก่น ยื่นฟ้องในความผิดตาม ประมวลกฎหมาย อาญา มาตรา 112 ซึ่งมีโทษจำคุกระหว่าง 3-15 ปี และผิดตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์จากการแชร์บทความเรื่อง "พระราชประวัติกษัตริย์ พระองค์ใหม่ของไทย" ของเว็บไซต์บีบีซีไทย ไว้บนเฟซบุ๊กส่วนตัว โดยหลังจากนายจตุภัทร์รับสารภาพ ศาลจังหวัดขอนแก่นได้มีคำสั่งให้งดการสืบพยานโจทก์ในวันนี้ ซึ่งกำหนดไว้ 3-4 ปาก นายจตุภัทร์ นักศึกษาคณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ถูกจับกุมเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2559 ด้วยข้อหาหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ และละเมิด พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ จากการแชร์บทความ พระราชประวัติสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 10 ของบีบีซีไทย ไว้บนเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 2 ธ.ค. 2559 ในช่วงเวลาดังกล่าวมีผู้แชร์บทความเดียวกันราว 2,600 ราย ด้านสำนักงานใหญ่ ของบีบีซี ในลอนดอน กล่าวยืนยันในความถูกต้องของข่าว "บีบีซีไทยก่อตั้งขึ้นเพื่อนำเสนอข่าวสารที่เป็นอิสระ ไม่เลือกข้าง และถูกถ้วน ในประเทศที่ สื่อมวลชนต้องเผชิญกับข้อจำกัด เรามั่นใจว่าเนื้อหาของบทความชิ้นนี้ดำเนินไปตาม หลักปฏิบัติของกองบรรณาธิการบีบีซีครบถ้วน" นายกฤษฎางค์ กล่าวกับบีบีซีไทยอีกว่า ได้รับแจ้งจากนายจุตภัทร์ ว่าตัดสินใจรับสารภาพในคดีนี้ ในช่วงเช้าวันนี้ ซึ่งเป็นวันที่มีการนัดสืบพยานโจทก์ หลังนายจตุภัทร์และครอบครัวได้ปรึกษากัน ในช่วงเช้า "นายจตุภัทร์คิดในแง่ว่า ยอมรับว่าข้อความบางส่วนจากบทความบีบีซีไทย มีเนื้อหาตามที่ถูก ตั้งข้อกล่าวหา แต่การแชร์บทความนั้นออกไป เพียงแสดงให้เห็นว่าต่างชาติคิดอย่างไร ไม่ได้ชี้ถูก หรือผิด หรือเห็นด้วยกับบทความนั้น ซึ่งหากเนื้อหาไม่เป็นความจริง รัฐบาลก็ชี้แจงไป" นายกฤษฎางค์ กล่าวกับบีบีซีไทย ทนายความเปิดเผยว่า นายจตุภัทร์ตัดสินใจรับสารภาพ "โดยสมัครใจ และไม่มีแรงบีบคั้น" โดยให้เหตุผลว่า "หากสืบพยานต่อไป อาจมีผลสะเทือนในหลายเรื่อง" ซึ่งทนายมองว่าอาจสืบเนื่อง จากเนื้อหาในการพิจารณาคดีที่เกี่ยวข้องกับสถาบันฯ ซึ่งศาลได้มีคำสั่งให้พิจารณาคดีโดยลับ ส่วนเรื่องการตัดสินถูกผิด เป็นเรื่องที่อยู่ในการพิจารณาของศาล เมื่อถามว่า การตัดสินใจรับสารภาพมีการหารือกันมาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายกฤษฎางค์ กล่าวว่า ทีมทนายไม่ได้เข้าไปร่วมตัดสินใจ แต่ขึ้นอยู่กับลูกความเท่านั้น เพียงแต่ก่อนหน้านี้มีหลายคนเสนอ ความเห็นมาหลายด้านเกี่ยวกับแนวทางของคดี "โดยจรรยาบรรณของทนาย ไม่ได้มีการสอบถามว่าจะรับสารภาพหรือไม่" ภายหลังมีคำพิพากษา นายวิบูลย์ บุญภัทรรักษา บิดาของนายจตุภัทร์ เปิดเผยกับบีบีซีไทยว่า นายจตุภัทร์รู้สึกเสียใจกับการตัดสินใจในวันนี้ เนื่องจากลูกของตนเป็นนักต่อสู้ และยังทำใจยอมรับไม่ได้ "ไผ่ร้องไห้ที่จำเป็นต้องรับ เขาร้องไห้เป็นชั่วโมง เกิดมาไม่เคยร้องไห้ขนาดนี้ พักเที่ยงไม่กินข้าว คิดว่าใช้เวลานึกคิดอะไรบางอย่าง" นายวิบูลย์ กล่าวกับบีบีซีไทย นายจตุภัทร์ ถูกฝากขังในเรือนจำจังหวัดขอนแก่น มาแล้ว 237 วัน หรือราว 8 เดือน นับตั้งแต่ถูกเพิกถอนประกันตัวชั่วคราวเมื่อวันที่ 22 ธ.ค.2559 หลังศาลมีคำพิพากษาในวันนี้ ทำให้เหลือเวลาที่ต้องรับโทษอีก 1 ปี 10 เดือน ที่ผ่านมาองค์กรสิทธิมนุษยชนหลายแห่งและเครือข่ายนักวิชาการได้เรียกร้องให้ปล่อยตัวและยกเลิกข้อกล่าวหาต่อนายจตุภัทร์
|
ทวิตเตอร์ของศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชนเผยแพร่ข้อความระบุว่า เมื่อเวลา 16.00 น. ศาลจังหวัดขอนแก่นได้อ่านคำพิพากษาลับตัดสินจำคุกนายจตุภัทร์ บุญภัทรรักษา หรือไผ่ ดาวดิน นักกิจกรรมเพื่อประชาธิปไตย เป็นเวลา 5 ปี แต่ลดโทษกึ่งหนึ่งเหลือ 2 ปี 6 เดือน เนื่องจากให้การรับสารภาพ
|
thailand-54671840
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-54671840
|
ในหลวง ร. 10 ตรัสทักทาย “กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ” ต่อชายที่ชูพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.9 ไว้เหนือหัว
|
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินเยี่ยมพสกนิกรที่มาเฝ้าทูลละอองธุลีพระบาทรับเสด็จฯ ภายหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลทักษิณานุปทาน เนื่องในวันคล้ายวันสวรรคตพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ณ พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย หรือวันปิยมหาราช ณ พระที่นั่งอัมรินทรวินิจฉัย ในพระบรมมหาราชวัง เมื่อหัวค่ำวันที่ 23 ต.ค. โดยทรงพระดำเนินจากพระบรมมหาราชวัง ไปตาม ถ.จักรีจรัณย์ เลี้ยวขวาประตูวิเศษไชยศรี เข้า ถ.หน้าพระลาน มุ่งหน้า ถ.ราชดำเนินใน บริเวณหน้าศาลหลักเมือง แล้วประทับรถยนต์พระที่นั่งกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ผ่านเส้นทาง ถ.ราชดำเนินใน และ ถ.ราชดำเนินกลาง ครั้นเสด็จฯ ถึงหน้ากองทัพภาคที่ 1 ถ.ราชดำเนินนอก ทรงพระดำเนินเยี่ยมพสกนิกรที่มารอเฝ้าฯ รับเสด็จอีกครั้ง ก่อนประทับรถยนต์พระที่นั่งกลับพระที่นั่งอัมพรสถาน ในการนี้ สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และสมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าสิริวัณณวรี นารีรัตนราชกัญญา โดยเสด็จด้วย ตลอดเส้นทางเสด็จฯ ประชาชนที่สวมใส่เสื้อสีเหลืองได้พร้อมใจกันเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ดังกึกก้อง โดยที่ทั้ง 2 พระองค์ทรงโบกพระหัตถ์ และแย้มพระสรวลให้แก่พสกนิกรที่มาเฝ้าฯ รับเสด็จอย่างใกล้ชิด นอกจากนี้ในหลวง ร. 10 และพระราชินี ยังตรัสทักทายประชาชนเสื้อเหลืองในหลายช่วง โดยมีผู้บันทึกคลิปวิดีโอไว้ได้และนำมาเผยแพร่ในสื่อสังคมออนไลน์ "กล้ามาก เก่งมาก ขอบใจ" หนึ่งในคลิปที่ถูกพูดถึงมากที่สุด เป็นคลิปวิดีโอความยาว 08.03 นาที เผยแพร่ผ่านบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า Thitiwat Tanagaroon ตั้งค่าเป็นสาธารณะ พร้อมคำบรรยายว่า "ผมจะเป็นลมครับ พระองค์ท่านจำผมได้" ในคลิปดังกล่าวปรากฏเนื้อหาบางช่วง ดังนี้ พระราชินี : "คนนี้ไปยืนถือป้าย คนนี้ไปยืนชูป้ายท่ามกลางผู้ประท้วง ขอบคุณมาก ๆ เราจำได้ ขอบคุณมาก ๆ เป็นกำลังใจให้ ขอบคุณมาก ๆ" พระเจ้าอยู่หัว : (ทรงชี้พระดัชนีไปยังชายคนหนึ่ง) "ใช่ไหม คนนี้" พระราชินี : "ใช่ คนเดียวถือป้าย" พระเจ้าอยู่หัว : "กล้ามาก ๆ เก่งมาก ขอบใจ" ชายคนหนึ่ง : "ทรงพระเจริญครับ รักในหลวงมาก ๆ ทรงพระเจริญ" พระเจ้าอยู่หัว : "ขอบใจมาก ขอบใจ" ชายคนหนึ่ง : "อูย เป็นบุญของผมมาก ๆ ครับ ทรงพระเจริญ หาที่สุดไม่ได้" พระราชินี : "ขอบคุณนะคะ เราก็ภูมิใจที่คุณทำมาก ขอบคุณมาก" พระเจ้าอยู่หัว : "กล้ามาก ขอบใจมาก" ภายหลังทั้ง 2 พระองค์ทรงพระดำเนินไปจากจุดนั้น ได้ปรากฏเสียงชายเจ้าของคลิปร่ำไห้อย่างดังด้วยความปลาบปลื้มใจ และพูดว่า "ท่านจำผมได้ ๆ" โดยที่ประชาชนคนอื่น ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างเข้ามาแสดงความยินดีชื่นชม และบอกให้ทำความดีกันต่อไป นอกจากนี้ผู้ใช้งานสื่อสังคมออนไลน์ยังนำคลิปดังกล่าวไปเผยแพร่ซ้ำในช่องทางต่าง ๆ ในจำนวนนี้คือทวิตเตอร์ และอินสตราแกรม ThaiRoyalFamily สำหรับชายเจ้าของเฟซบุ๊กรายนี้คือ นายฐิติวัฒน์ ธนการุณย์ ซึ่งเป็นผู้อัญเชิญภาพพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ไปยืนอยู่ใกล้พื้นที่การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วม "ราษฎร" ด้านศูนย์การค้าเซ็นทรัลพลาซา ปิ่นเกล้า เมื่อวันที่ 21 ต.ค. "ขอบคุณมาก…" ส่วนอีกคลิปวิดีโอหนึ่ง เป็นคลิปวิดีโอความยาว 1.09 นาที เผยแพร่ผ่านบัญชีผู้ใช้งานเฟซบุ๊กที่ใช้ชื่อว่า หลวงปู่พุทธะอิสระ ตั้งค่าเป็นสาธารณะ พร้อมคำบรรยายว่า "ขอบคุณมาก..." โดยช่วงหนึ่งปรากฏภาพพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแตะไหล่ชายที่สวมเสื้อสีขาวด้วยพระหัตถ์ขวา 2 ครั้ง และทรงทักทายชายที่สวมเสื้อสีขาว สำหรับชายเสื้อขาวในคลิปคือนายสุวิทย์ ทองประเสริฐ หรืออดีตพระพุทธะอิสระ ซึ่งเป็นอดีตแกนนำกลุ่ม กปปส. ผู้ออกมานัดหมายมวลชนเสื้อเหลืองให้ร่วมแสดงพลังปกป้องสถาบันฯ เมื่อ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา "ในหลวงสู้ ๆ" ขณะที่ผู้ใช้งานบัญชีทวิตเตอร์ที่ใช้ชื่อว่า Saveจ่าเฉย ได้เผยแพร่คลิปวิดีโอความยาว 0.45 นาที ซึ่งปรากฏว่าประชาชนเสื้อเหลืองที่รอรับเสด็จฯ อยู่บริเวณหน้าลานพระราชวังดุสิต จากเคยพร้อมใจกันเปล่งเสียง "ทรงพระเจริญ" ได้เปลี่ยนเป็นตะโกนว่า "ในหลวงสู้ ๆ" แทน พร้อมชูพระบรมฉายาลักษณ์ โบกธงชาติ และธงพระปรมาภิไธยย่อ ว.ป.ร. ธงพระนามาภิไธยย่อ ส.ท. ภาพและคลิปวิดีโอต่าง ๆ ที่ถูกเผยแพร่ ทำให้แฮชแท็ก #กล้ามากเก่งมากขอบใจ และ #ในหลวงสู้สู้ ขึ้นป็นเทรนด์ทวิตเตอร์ยอดนิยม 2 อันดับแรกในช่วงข้ามคืน ควบคู่ไปกับ #23ตุลาวันตาสว่าง
|
พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงขอบใจอดีตพระพุทธะอิสระ และชายที่ชูพระบรมฉายาลักษณ์ในหลวง ร.9 ไว้เหนือหัว ระหว่างการชุมนุมของกลุ่ม "ราษฎร" เมื่อช่วงกลางสัปดาห์ที่ผ่านมา ขณะที่พสกนิกรที่สวมใส่เสื้อสีเหลืองเฝ้ารับเสด็จฯ เมื่อวันที่ 23 ต.ค. ได้พร้อมใจกันเปล่งเสียง "ในหลวงสู้ ๆ" แทน "ทรงพระเจริญ" เป็นบางช่วง
|
thailand-53880598
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-53880598
|
ประชาชนปลดแอก: ย้อนความเคลื่อนไหว 25 ปี สมัชชาคนจน ก่อนร่วมหนุนประชาชนปลดแอก
|
กลุ่มสมัชชาคนจนเรียกร้อง "ประชาธิปไตยที่กินได้" มาตั้งแต่ปี 2562 ไม่ว่ารัฐบาลชุดไหนหลังจากนั้น ความเคลื่อนไหวของสมัชชาคนจน ที่มาพร้อมกับความเดือดร้อนของชาวบ้านในหลากหลายกลุ่ม มักปรากฏในชื่อการเคลื่อนไหวทางสังคมชื่อนี้ ล่าสุด สมัชชาคนจน ออกแถลงการณ์สองฉบับ ประกาศหนุนข้อเรียกร้อง 3 ข้อของคณะประชาชนปลดแอก ให้รัฐหยุดคุกคามประชาชน เขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และยุบสภา พร้อมประกาศร่วมเคลื่อนไหวชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตย เป็นความเคลื่อนไหวหนึ่งที่ทำให้การชุมนุมในปี 2563 มีความหลากหลายของแนวร่วมนอกเหนือจากกลุ่มนิสิต นักศึกษา เยาวชน "การเมืองที่กินได้ ประชาธิปไตยที่เห็นหัวคนจน" คือนิยามประชาธิปไตยของพวกเขา แถลงการณ์ฉบับแรกของสมัชชาคนจน เกิดขึ้นเมื่อนายบารมี ชัยรัตน์ เลขาธิการสมัชชาคนจน ถูกเจ้าหน้าที่จับกุมเมื่อคืนวันที่ 19 ส.ค. ที่ผ่านมา ก่อนถูกตั้งข้อหายุยงปลุกปั่นและข้อหาอื่นรวม 7 ข้อหา จากการขึ้นเวทีของคณะเยาวชนปลดแอก เมื่อวันที่ 18 ก.ค. สมัชชาคนจนออกมาเรียกร้องให้ปล่อยตัวนายบารมีและแกนนำที่ถูกจับกุมในทันทีโดยไม่มีเงื่อนไข สมัชชาคนจนประกาศด้วยว่า พร้อมเคลื่อนไหวและปักหลักชุมนุมยืดเยื้อที่กรุงเทพมหานคร หากไม่มีการดำเนินการใด ๆ ในทันทีต่อข้อเรียกร้อง ต่อมาหลังจากที่ศาลอนุญาตให้ประกันตัวนายบารมี สมัชชาคนจนประกาศว่าสมาชิกจะเข้าร่วมการชุมนุมในพื้นที่จังหวัดต่าง ๆ โดยเริ่มจากการชุมนุมที่ภาคอีสานในวันที่ 24 ส.ค.นี้ ที่ จ.ขอนแก่น "หากมีกำหนดการชุมนุมครั้งใหญ่ในกรุงเทพมหานครเมื่อใด สมัชชาคนจนจะเข้าร่วมชุมนุมต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับนักเรียน นิสิต นักศึกษา แรงงาน และประชาชนผู้เรียกร้องระบอบประชาธิปไตยโดยทันที" แถลงการณ์ระบุ สมัชชาคนจนคือใคร สมัชชาคนจนก่อตั้งขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 10 ธ.ค. 2538 เป็นการรวมตัวของเครือข่ายชุมชนที่ได้รับผลกระทบจากการพัฒนาของรัฐหลายปัญหา "การประกาศเขตป่าทับที่ดินทำดิน ปัญหาการสร้างเขื่อน ปัญหาไล่รื้อชาวบ้านในสลัม ประมงพื้นบ้าน นโยบายด้านการเกษตรขนาดใหญ่ สิทธิคนงานที่ไม่ได้รับความคุ้มครอง เมื่อมีปัญหาพวกนี้เราก็ออกมาชุมนุมเรียกร้องให้รัฐบาลแก้ไขปัญหา" บารมี เลขาธิการสมัชชาคนจน กล่าวกับบีบีซีไทย กรณีปัญหาเขื่อนปากมูล จ.อุบลราชธานี เป็นการต่อสู้ของชาวบ้านแม่มูนมั่นยืนที่ตั้งอยู่บริเวณริมสันเขื่อน อ.โขงเจียม จ.อุบลราชธานี พวกเขาคัดค้านการสร้างเขื่อน จนกระทั่งเขื่อนสร้างแล้วข้อเรียกร้องก็ขยับเป็นการขอให้เปิดประตูระบายน้ำ การชุมนุมครั้งแรกของสมัชชาคนจนที่ทำเนียบรัฐบาล เกิดขึ้นเมื่อต้นปี 2539 ในสมัยรัฐบาลนายบรรหาร ศิลปอาชา เพื่อกดดันให้รัฐบาลเปิดเจรจาเรื่องปัญหาเหล่านี้ ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในภาคอีสาน ทว่าการเคลื่อนไหวครั้งสำคัญที่สั่นสะเทือนรัฐบาลในทัศนะของบารมี คือ การชุมนุม 99 วันบนท้องถนน เมื่อเดือน ม.ค. 2540 ในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ "การชุมนุมอยู่ 99 วัน มีการเปิดการเจรจาต่อรองกับรัฐบาลเกือบทุกวัน วันที่มีชาวบ้านร่วมชุมนุมสูงสูดเป็นวันที่มีคนเต็มพื้นที่สนามหลวง น่าจะประมาณ 50,000 คน" การชุมนุมครั้งนั้น ได้ข้อตกลงจากการเจรจาของชาวบ้านกับรัฐบาลออกมาในรูปของมติคณะรัฐมนตรี คณะกรรมการที่ตั้งขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาสามารถแก้ปัญหาทุกข์ยากของชาวบ้านจนบรรลุผล 18 กรณี รัฐธรรมนูญคนจน บารมีบอกว่านี่ไม่ใช่การที่สมัชชาคนจนเพิ่งออกมา ทว่าสามข้อเรียกร้องของคณะประชาชนปลดแอก เป็นความเคลื่อนไหวที่สมัชชาคนจนเกาะติดและขับเคลื่อนมาอยู่แล้วโดยเฉพาะประเด็นการร่างรัฐธรรมนูญใหม่ ระหว่างที่กำลังมีกระแสการแก้ไขและร่างรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ สมัชชาคนจนก็กำลังร่าง "รัฐธรรมนูญคนจน" ขึ้นมาเช่นกัน รัฐธรรมนูญเกี่ยวกับชาวบ้านอย่างไร บารมีบอกว่า เพราะรัฐธรรมนูญปี 2540 ซึ่งร่างขึ้นมาใหม่ยุคนั้น เปิดให้ทุกภาคส่วนของสังคมมีส่วนร่วม สมัชชาคนจนเองก็เป็นส่วนหนึ่ง บารมีบอกว่าการเคลื่อนไหวของชาวบ้านมีฐานจากรัฐธรรมนูญปี 2540 ที่ถูกขนานนามว่าเป็นรัฐธรรมนูญฉบับประชาชน เขาอธิบายต่อว่าเมื่อรัฐธรรมนูญ 2540 ถูกฉีกไป สมัชชาคนจนจึงต้องคุยเรื่องการเมืองมากขึ้น "พอรัฐประหารปี 2557 พวกเราประกาศว่า ต้องเลิกสังฆกรรมกับเผด็จการ เพราะนโยบายทวงคืนผืนป่า มันเป็นการทำร้ายชาวบ้านที่ชัดเจนมาก" บารมีกล่าว ศาลอนุญาตให้ประกันตัวผู้ต้องหา 9 คน ที่ถูกดำเนินคดีจากการร่วมการชุมนุมของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่าเยาวชนปลดแอกเมื่อวันที่ 18 ก.ค. โดยไม่ต้องมีหลักประกัน แต่มีเงื่อนไขห้ามกระทำการในลักษณะเดิมที่ถูกกล่าวหาในคดีซ้ำอีก จากการเรียกร้องให้แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเป็นหลัก เช่น การจ่ายค่าชดเชยผู้ได้รับผลกระทบจากโครงการรัฐ โครงสร้างกติกาทางการเมืองจากรัฐธรรมนูญปี 2560 ที่เขียนขึ้นภายใต้เงาของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ทำให้พวกเขาเห็นปัญหาชัดเจนจากรัฐธรรมนูญที่กระทบต่อคนจน บารมีชี้ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้รวบอำนาจไว้ที่ระบบราชการ ให้ความสำคัญกับรัฐธรรมนูญของรัฐมากกว่าคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชน ตามมาด้วยกฎหมายที่ออกมาภายใต้รัฐธรรมนูญฉบับนี้ รวมทั้งกฎหมายที่ได้รับความเห็นชอบจากสภานิติบัญญัติ (สนช.) ในยุค คสช. ที่บัดนี้ครึ่งหนึ่งแปลงร่างมาเป็นสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) "กฎหมายหลาย ๆ ฉบับที่เกี่ยวกับทรัพยากรในท้องถิ่น รวมศูนย์อำนาจไว้ที่อำนาจรัฐ เช่น พ.ร.บ.น้ำ การจัดสรรที่ดินของคณะกรรมการนโยบายที่ดินแห่งชาติ (คทช.) รัฐใช้วิธีเข้าไปดำเนินการกับชาวบ้านโดยตรง" นอกจากนี้ การคุกคามประชาชนซึ่งชาวบ้านสมัชชาคนจนประสบมาเช่นกันนั้นเกิดขึ้นเรื่อยมานับตั้งแต่รัฐบาล คสช.จนถึงปัจจุบัน เช่น การข่มขู่ชาวบ้านจากการทวงคืนผืนป่า ไล่ตัดต้นไม้ที่ถูกกล่าวหาว่ารุกที่ดินของรัฐ บารมีบอกอีกว่า การจับกุมเขาจากการขึ้นปราศรัยเมื่อวันที่ 18 ก.ค. เป็นเรื่องที่รัฐลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชนชัดเจน เขาและคนอื่น ๆ ไม่ควรถูกจับในเมื่อรัฐธรรมนูญรับรองว่าประชาชนมีเสรีภาพชุมนุม และ "เสรีภาพในการชุมนุม เป็นเรื่องใหญ่กว่ากฎหมายความสะอาดที่มันเป็นเรื่องเล็กกว่า" "การเมืองที่กินได้ ประชาธิปไตยที่เห็นหัวคนจน" เลขาธิการสมัชชาคนจนเห็นว่าผู้มีอำนาจควร "เห็นหัวคนจน ๆ" โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการร่างกติการัฐธรรมนูญ ไม่ใช่พูดแต่เรื่องแบ่งเขต ส.ส.เขตใหญ่เขตเล็ก ที่มา ส.ส. จะเป็นอย่างไร แต่ว่าไม่ได้ให้ความสำคัญกับเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน "ประชาธิปไตยที่กินได้ หมายถึงเรื่องอำนาจในการจัดการทรัพยากร ป่าชุมชน อุทยานฯ จัดการน้ำ เราก็สามารถฟื้นฟูป่า ฟื้นฟูน้ำ มันเป็นเรื่องที่ชาวบ้านจับต้องได้" แกนนำขบวนการต่อสู้ของชาวบ้านบอกว่า อาวุธของพวกเขาคือความจริง และพลังที่ใช้ต่อสู้คือความเดือดร้อน "ปัญหาความทุกข์ยากมันกดดันให้เราลุกขึ้นมาต่อสู้ ถ้าเรามีความสุขสบายเราไม่ลุกขึ้นมาต่อสู้ เราต้องเอาความจริงมาเปิดเผยว่าความทุกข์ของเราเกิดเพราะได้รับผลกระทบจากการพัฒนาอย่างไร เราไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการพัฒนาอย่างไร" การชุมนุมของสมัชชาคนจนในสมัยรัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ์ เมื่อปี 2540 ความเคลื่อนไหวสมัชชาคนจนครั้งสำคัญ ๆ ในรัฐบาลแต่ละชุด ที่มา : "สมัชชาคนจน" โดยอุเชนทร์ เชียงเสน ในเว็บไซต์สถาบันพระปกเกล้า
|
ขบวนของ "สมัชชาคนจน" เป็นที่คุ้นหูมาหลายยุคหลายรัฐบาล ภาพการปักหลักชุมนุมยืดเยื้อของชาวบ้านเกษตรกรผู้เดือดร้อนจากทั่วประเทศที่มาค้างคืนใกล้ทำเนียบรัฐบาล เป็นสัญลักษณ์การต่อสู้ของคนจนที่ส่งเสียงให้รัฐได้ยินถึงศูนย์กลางอำนาจในกรุงเทพฯ มาตั้งแต่ปี 2538
|
international-56497016
|
https://www.bbc.com/thai/international-56497016
|
รัฐประหารเมียนมา : ออง ซาน ซู จี ถูกตั้งข้อหาอะไรแล้วบ้าง
|
ผู้สนับสนุนของเธอ ระบุว่า ข้อกล่าวหาต่าง ๆ นี้เลื่อนลอย เราได้พูดคุยกับนายขิ่น หม่อง ซอว์ ทนายความของเธอ ออง ซาน ซู จี ถูกจับกุมตั้งแต่ 1 ก.พ. ตอนนี้ไม่ทราบว่า เธออยู่ที่ไหน ทหารตั้งข้อหาเธอมากมาย ข้อหาแรกคือ นำเข้าวิทยุสื่อสาร เรื่องนี้เป็นความผิดอาญาได้อย่างไร กองทัพบอกว่า เป็นการทำผิดกฎหมายนำเข้าและส่งออก ถ้าถูกตัดสินว่าผิด เธออาจถูกจำคุกนาน 3 ปี และถูกปรับ ขิ่น หม่อง ซอว์ ทนายความของออง ซาน ซู จี กล่าวว่า "นิยามของมาตรานี้ คือ การฝ่าฝืนกฎหมายโดยการนำเข้าสินค้าต่างชาติ นั่นไม่ได้หมายความว่า ครอบครองสินค้าต่างชาติ ในข้อหาที่พวกเขาตั้ง มีข้อเท็จจริงเพียงว่า พบวิทยุสื่อสารในบ้านพักของนางออง ซาน ซู จี ดังนั้น นั่นไม่ใช่ประเด็นสำคัญ" การปรากฏตัวต่อศาลของเธอทุกครั้งทำผ่านวิดีโอลิงก์ การขึ้นศาลครั้งแรกเมื่อ 16 ก.พ. มีการตั้งข้อหาที่ 2 เพิ่ม นั่นคือ ไม่ปฏิบัติตามมาตรการจำกัดการระบาดของโควิด ถ้าถูกตัดสินว่าผิด เธออาจถูกจำคุกนาน 3 ปี "ตอนที่ขบวนแห่ฉลองชัยผลเลือกตั้งเคลื่อนผ่านบ้านพักของเธอ เธอได้ออกมาจากบ้านและเขตบ้านพักของเธอ โบกมือให้กับพวกเขา ทางการกล่าวหาเธอว่า ฝ่าฝืนมาตรการจำกัดการระบาดของโควิด" ขิ่น หม่อง ซอว์ กล่าว สองสัปดาห์ต่อมามีเพิ่มอีก 2 ข้อหา คือ 1. สร้างความวุ่นวายในที่สาธารณะอาจทำให้เธอถูกจำคุก 2 ปี 2. ทำลายเกียรติภูมิของกองทัพ "แถลงการณ์ของพรรคเอ็นแอลดีของเธอระบุว่า การยึดอำนาจของกองทัพเป็นเรื่องผิดกฎหมาย ทางการบอกว่า แถลงการณ์นี้ทำลายเกียรติภูมิของรัฐบาลทหาร" ทนายความของออง ซาน ซู จี กล่าว บีบีซี สัมภาษณ์ ขิ่น หม่อง ซอว์ ทนายความของนางออง ซาน ซู จี นอกจากนี้ยังมีข้อหาการละเมิดกฎหมายโทรคมนาคม อาจทำให้เธอถูกจำคุก 3 ปี ทนายความของออง ซาน ซู จี กล่าวว่า "ข้อกล่าวหานี้ เป็นกรณีเดียวกับวิทยุสื่อสาร ในการดำเนินการอย่างเดียวกันบุคคลไม่สามารถถูกตั้งข้อหาหรือถูกลงโทษซ้ำได้" 11 มี.ค. กองทัพกล่าวหา ออง ซาน ซู จี ว่าทุจริต โดยกล่าวหาว่าเธอรับเงิน 18.5 ล้านบาทและทองคำ 11 กก. อย่างผิดกฎหมาย เธออาจได้รับโทษจำคุกนาน 15 ปu หากศาลตัดสินว่าผิดในข้อหานี้ ข้อกล่าวหารับสินบนอีกเรื่องเกิดขึ้นเมื่อ 17 มี.ค. หลังจากมีการกล่าวหาว่า เธอเลี่ยงภาษี แต่เธอยังไม่ได้พบกับทนายความเลย "สิทธิ์ของนางออง ซาน ซู จี ผู้ถูกกล่าวหาถูกละเมิดและได้รับความเสียหายหลายครั้งแล้ว เธอยังไม่ได้พบกับทนายเลยสักคน ดังนั้นสิทธิ์ในการได้รับการไต่สวนอย่างเป็นธรรมจึงถูกละเมิดและได้รับความเสียหาย" ขิ่น หม่อง ซอว์ กล่าว ข้อกล่าวหาเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ และอาจจะมีมากกว่านี้
|
นางออง ซาน ซู จี ผู้นำที่ถูกขับออกจากตำแหน่ง มีกำหนดปรากฏตัวต่อศาลในกรุงเนปิดอว์อีกครั้งในวันที่ 24 มี.ค. นี้ นับตั้งแต่มีการทำรัฐประหารเมื่อเดือนที่แล้ว เธอถูกตั้งข้อหาแล้วหลายข้อหา ตั้งแต่นำเข้าวิทยุสื่อสารอย่างผิดกฎหมายไปจนถึงกระทำการให้เกิดความวุ่นวายในที่สาธารณะ ด้านกองทัพยังได้กล่าวหาเธอว่าทุจริตด้วย
|
features-42354964
|
https://www.bbc.com/thai/features-42354964
|
จากเด็กวัดสู่ศิลปินดาวรุ่งในอังกฤษ มุ่งหน้าปริญญาเอก และร่มกาสาวพัสตร์
|
เรื่องและวิดีโอ โดยสุชีรา มาไกวร์ ผู้สื่อข่าววิดีโอ เส้นทางชีวิตของธัชราไม่ได้ราบรื่นนัก ตอนอยู่เมืองไทยธัชราใช้ชีวิตช่วงวัยเด็กช่วยพ่อแม่ขายของที่ตลาดนัดย่านสะพานควาย หลังพ่อแม่แยกทางกัน เขาย้ายตามแม่มาอยู่อังกฤษตอนอายุ 11 ปี ในช่วงแรกมีปัญหาเรื่องภาษาอย่างมาก แต่เขาเลือกใช้พรสวรรค์ในการวาดรูป เป็นแรงผลักดันในการปรับตัวใช้ชีวิตต่างแดน จนก้าวมาอยู่แถวหน้าของงานศิลปะ ระหว่างเรียนธัชราต้องทำงานพิเศษหลายอย่างเพื่อเลี้ยงชีพ หนึ่งในงานนั้นคือรับจ้างวาดภาพประดับร้านอาหารไทยในอังกฤษ การตามแม่เข้าวัดไทยในอังกฤษ ทำให้ธัชรามีโอกาสช่วยงานวัดอยู่บ่อยครั้ง จนได้บวชเณร การบวชครั้งแรก เขาไม่มีความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับพระพุทธศาสนาเลย แต่เมื่อได้บวชเณรอีกครั้งเมื่ออายุ 15 ปี ที่วัดสันติวงศาราม ซึ่งเป็นสายวัดป่าในเมืองเบอร์มิงแฮม เขาซึมซับในรสพระธรรม ได้ใกล้ชิดพระอาจารย์ และเข้าใจในความสงบนิ่งของจิตใจ หลังสึกออกมา เขาเริ่มเข้าวัดเพื่อปฏิบัติธรรมมากขึ้น หลังจบมัธยม ธัชราตัดสินใจเลือกเรียนปริญญาตรีด้านวิจิตรศิลป์ที่มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมซิตี เพื่อได้ใกล้ชิดและรับใช้พระอาจารย์ที่วัด ทั้งที่ผลคะแนนศิลปะก่อนเข้ามหาวิทยาลัยดีพอที่จะเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยในลอนดอนหรือแมนเชสเตอร์ได้ พร้อมกับทำหน้าที่เป็น "เด็กวัด" เต็มตัวที่วัดสันติวงศารามจนกระทั่งเรียนจบปริญญาโทสาขาเดียวกัน หน้าที่ของธัชราที่วัด คือ ดูแลกิจของพระสงฆ์และ รับผิดชอบงานด้านสื่อให้กับวัด ทั้งอัพเดตข่าวสารทางเฟซบุ๊ก ออกแบบโปสเตอร์และจดหมายข่าว "หน้าที่เด็กวัดมีหลากหลาย เด็กวัดที่ดีควรตื่นมาทำวัตรเช้าตี 5 ครึ่ง แล้วก็ช่วยพระอาจารย์จัดบาตร มีคนเอาของมาถวายพระ เราก็รับบาตรท่าน พอท่านฉันเสร็จเราก็ต้องล้างบาตร เก็บของเก็บห้องครัว ถูพื้นกวาดพื้น นี่คือหน้าที่พื้นฐานของเด็กวัด ถ้าวัดมีงานขุดดิน พระขุดดินไม่ได้ เราก็ต้องขุดดินแทนท่าน ปลูกต้นไม้ ถ้าเราขับรถได้ พระขับรถไม่ได้ เราก็ต้องขับรถเอาขยะไปทิ้ง เวลามีผู้หญิงมาถวายของเราก็ช่วยยกของ เวลาท่านไม่สบายเราก็พาไปหาหมอ จากเด็กวัดก็เป็นผู้ใหญ่วัด มีหน้าที่มากขึ้น ทำงานธุรการติดต่อ จดหมาย ข่าวสาร ทนายต่าง ๆ" ธัชรากล่าวกับ บีบีซีไทย ในโครงการคัดเลือกสุดยอดวิทยานิพนธ์ ผลงานศิลปะ "School of Art" ของธัชราได้รับรางวัลจากโรงเรียนศิลปะเบอร์มิงแฮม ซึ่งเป็นโรงเรียนสอนศิลปะแห่งแรกของอังกฤษ เขาได้รับเลือกเป็นศิลปินในพำนัก หรือ Artist in Residence ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเบอร์มิงแฮมระหว่างปี 2016-2017 ด้วยตำแหน่งนี้ เขาได้รับเชิญไปอาศัยอยู่ที่พิพิธภัณฑ์ช่วงระยะเวลาหนึ่งเพื่อผลิตงานศิลปะให้กับพิพิธภัณฑ์นี้ โดยเป็นศิลปินไทยคนแรกที่ได้รับรางวัลนี้ และได้แสดงผลงานในห้องที่ทางพิพิธภัณฑ์ใช้แสดงงานศิลปะของลีโอนาร์โด ดา วินชี เมื่อปี 2012 นอกจากนี้เขายังได้รับคัดเลือกจากโครงการ New Art West Midlands เป็น 1 ในศิลปิน 32 คน ได้นำผลงานชิ้นเดียวกันนี้ไปตั้งแสดงที่หอศิลป์วูลเวอร์แฮมป์ตันเป็นเวลา 1 เดือน งานศิลปะของธัชราที่หอสิลป์วูลเวอร์แฮมป์ตัน ธัชรากล่าวว่าผลงานของเขาเป็นแนวศิลปะวัฒนธรรมประสาน (Cultural Study Hybrid) เป็นการผสมผสานระหว่างความเป็นตะวันตก กับความเป็นตะวันออก ผ่านทางตัวละครของชนชาติที่เป็นเผ่าพันธุ์ โดยเขาเลือกใช้ตัวการ์ตูนเป็นสื่อเนื่องจากเป็นสิ่งที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมได้เป็นอย่างดี และยังเป็นสิ่งที่สร้างความเบิกบานใจให้ผู้ที่ได้เห็น "งานผมจะเป็นสำหรับคนรุ่นใหม่ อีก 20-30 ปี เด็กที่เกิดใหม่ในวัฒนธรรมผสม เค้าเห็นงานผมแล้วสามารถศึกษาแล้วไปแยกแยะได้ว่า มันถูกผสมผสานมาแบบนี้ เมื่อศิลปะถูกผสมผสานเข้ากันมันก็จะเกิดภาพใหม่ ๆ ที่น่าสนใจและมีวัฒนธรรมของตัวเองที่รวมตัวกันได้ เหมือนอย่างทุกคนบนโลกนี้ที่ทุกอย่างผสมผสานไปด้วยกัน ซึ่งเราทำงานศิลปะเชิงใหม่มารองรับกับโลกใหม่ ๆ" ผลงานชิ้นนี้จะถูกนำไปติดตั้งที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงลอนดอนช่วงต้นปีหน้า ธัชราเริ่มต้นวาดภาพพระเมรุมาศเมื่อเดือนกันยายนแต่ยังไม่เสร็จดี ธัชราบอกว่าการเป็นเด็กวัด ได้อยู่วัดทำให้ตระหนักเรื่องผลบุญและผลกรรม ได้เจอคนมากมายหลายประเภททำให้ได้ฝึกฝนควบคุมอารมณ์และความรู้สึกไปด้วย เขาไม่ให้ความสำคัญกับความสนุกตามประสาวัยรุ่นมากนัก อีกทั้งไม่ดื่มเหล้า จึงไม่รู้สึกกว่าการอยู่วัดทำให้ชีวิตปกติขาดหายไป ในอนาคต เขาตั้งใจศึกษาต่อจนจบชั้นปริญญาเอกและบวชเป็นพระเพื่อศึกษาพระธรรมสักระยะหนึ่ง แล้วจึงทำงานศิลปะเพื่อพัฒนาสังคม
|
ธัชรา เขียวภักดี ในวัย 23 ปี เรียกตัวเองเป็น "เด็กวัด" แห่งวัดสันติวงศาราม ในเมืองเบอร์มิงแฮม ประเทศอังกฤษ เขาเป็นศิลปินไทยคนแรกที่ได้รับเลือกให้เป็น "ศิลปินในพำนัก" (Artist in Residence) ที่พิพิธภัณฑ์ศิลปะเบอร์มิงแฮมเป็นเวลา 1 ปี และขณะนี้กำลังศึกษาต่อปริญญาเอกด้านวิจิตรศิลป์ สาขาศิลปะวัฒนธรรมประสานที่มหาวิทยาลัยเบอร์มิงแฮมซิตี
|
international-45692171
|
https://www.bbc.com/thai/international-45692171
|
เจาะระบบเฟซบุ๊ก: 50 ล้านบัญชีถูกโจมตี รวมทั้งของ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ด้วย
|
เฟซบุ๊ก ระบุว่า การเจาะระบบนี้ถูกตรวจจับได้ในวันอังคาร และได้แจ้งความกับตำรวจแล้ว ผู้ใช้งานที่อาจได้รับผลกระทบได้รับแจ้งให้ล็อกอินเข้าบัญชีเฟซบุ๊กใหม่ในวันศุกร์ กาย โรเซิน รองประธานฝ่ายจัดการผลิตภัณฑ์ของเฟซบุ๊ก ระบุว่า ข้อบกพร่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว โดยบัญชีผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบทุกบัญชีได้ถูกตั้งค่าใหม่ รวมถึงบัญชีผู้ใช้งานอีก 40 ล้านบัญชี เพื่อ "เป็นการป้องกัน" เฟซบุ๊กมีผู้ใช้งานเป็นประจำทุกเดือนอยู่ที่กว่า 2 พันล้านบัญชี ราคาหุ้นของเฟซบุ๊กลดลง 3% เมื่อวันศุกร์ ทางบริษัทยืนยันกับผู้สื่อข่าวว่า การเจาะระบบนี้ ทำให้แฮ็กเกอร์สามารถล็อกอินเข้าบัญชีอื่น ๆ ที่ใช้ระบบของเฟซบุ๊กได้ด้วย นั่นหมายความว่า เว็บไซต์ขนาดใหญ่อย่างเช่น แอร์บีเอ็นบี (AirBnB) และทินเดอร์ (Tinder) อาจได้รับผลกระทบด้วยเช่นกัน ใครได้รับผลกระทบ? ทางบริษัทไม่ได้ระบุว่า บัญชีผู้ใช้งาน 50 ล้านบัญชีนี้อยู่ที่ไหน แต่ได้แจ้งไปยังหน่วยงานควบคุมกฎเกณฑ์ด้านข้อมูลในไอร์แลนด์ ซึ่งเป็นที่ตั้งบริษัทลูกในยุโรปของเฟซบุ๊กแล้ว ทางเฟซบุ๊ก ระบุว่า ผู้ใช้งานที่ได้รับแจ้งให้ล็อกอินเข้าบัญชีใหม่ ไม่จำเป็นต้องเปลี่ยนรหัสผ่าน "เพราะเราเพิ่งเริ่มการตรวจสอบเท่านั้น เราจึงยังไม่อาจระบุได้ว่า บัญชีเหล่านี้ถูกนำไปใช้ในทางที่ผิดหรือไม่ หรือมีข้อมูลใดที่ถูกเข้าถึงบ้าง เรายังไม่รู้ว่า ใครอยู่เบื้องหลังการโจมตีนี้ หรือผู้โจมตีอยู่ที่ไหน" โรเซิน กล่าวเพิ่มเติมว่า "ความเป็นส่วนตัวและความปลอดภัยของผู้ใช้งาน มีความสำคัญอย่างยิ่ง และเราขอโทษต่อสิ่งที่เกิดขึ้น" มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ก็อยู่ในกลุ่ม 50 ล้านบัญชีผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน เฟซบุ๊ก ได้ยืนยันด้วยว่า มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก และเชอรีล แซนเบิร์ก ประธานเจ้าหน้าที่ปฏิบัติการของเฟซบุ๊ก ก็อยู่ในกลุ่ม 50 ล้านบัญชีผู้ใช้งานที่ได้รับผลกระทบเช่นกัน 'วิว แอส' (View As) คืออะไร? หน้าที่ฟีเจอร์ "วิว แอส" (View As) ของเฟซบุ๊ก คือ การให้ผู้ใช้งานดูว่าโปรไฟล์ของตัวเองเป็นอย่างไรเมื่อผู้ใช้งานคนอื่นเข้ามาดู ทำให้รู้ว่าข้อมูลใดของผู้ใช้งานที่เห็นได้โดยเพื่อน, เพื่อนของเพื่อน หรือ คนทั่วไป โรเซิน อธิบายว่า ผู้โจมตีพบจุดบกพร่อง (Bugs) หลายจุดในฟีเจอร์นี้ที่ "ทำให้พวกเขาขโมยรหัสตัวเลขเข้าเฟซบุ๊ก ซึ่งทำให้พวกเขาเข้ามายึดบัญชีผู้ใช้งานได้" "รหัสตัวเลขเข้าเฟซบุ๊กก็เหมือนกับกุญแจดิจิทัล ที่ทำให้คนล็อกอินเข้าเฟซบุ๊กได้ โดยที่ไม่จำเป็นต้องกรอกรหัสผ่านทุกครั้งที่ใช้งานแอปพลิชั่น" เรื่องนี้ส่งผลต่อเฟซบุ๊กอย่างไรบ้าง? การเจาะระบบนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ทางบริษัทกำลังพยายามโน้มน้าวให้สมาชิกรัฐสภาในสหรัฐฯ และคนอื่น ๆ เชื่อว่า เฟซบุ๊กมีความสามารถในการปกป้องข้อมูลผู้ใช้งานได้ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ใช้งานเฟซบุ๊ก กล่าวผ่าน การประชุมทางไกลเมื่อวันศุกร์ว่า ทางบริษัทให้ความสำคัญกับเรื่องความปลอดภัยมาก ในการเผชิญกับสิ่งที่เขาบอกว่าเป็น การโจมตีอย่างต่อเนื่องโดยคนไม่ดี การเจาะระบบนี้เกิดขึ้นในช่วงที่เฟซบุ๊กกำลังพยายามโน้มน้าวให้สมาชิกรัฐสภาในสหรัฐฯ และคนอื่น ๆ เชื่อว่า เฟซบุ๊กมีความสามารถในการปกป้องข้อมูลผู้ใช้งานได้ แต่เจฟฟ์ พอลลาร์ด รองประธานและนักวิเคราะห์ที่บริษัทฟอร์เรสเตอร์ (Forrester) กล่าวว่า การที่เฟซบุ๊กมีข้อมูลจำนวนมากอยู่ เฟซบุ๊กควรเตรียมรับมือกับการโจมตีเช่นนี้ "ผู้โจมตีจะมุ่งไปยังที่ที่มีข้อมูลอยู่ และนั่นทำให้เฟซบุ๊กเป็นเป้าหมายอย่างชัดเจน" เขากล่าว "ความกังวลหลักก็คือ ฟีเจอร์เดียวของเฟซบุ๊ก ทำให้ผู้โจมตีเข้าไปเอาข้อมูลของผู้ใช้งานได้หลายสิบล้านคน นั่นบ่งชี้ว่า เฟซบุ๊กจำเป็นต้องให้ความสำคัญเป็นลำดับแรกในเรื่อง การจำกัดการเข้าถึงข้อมูลสำหรับผู้ใช้งาน, เอพีไอ (การเรียกใช้โปรแกรม มาจากคำว่า Application Programming Interface -- API) และฟีเจอร์ต่าง ๆ" บีบีซี ได้สอบถามไปยังเฟซบุ๊ก แต่เฟซบุ๊กยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะมีการตรวจสอบหาสาเหตุที่เฟซบุ๊กไม่พบจุดบกพร่องดังกล่าวหรือไม่ หรือ จะมีใครที่เฟซบุ๊กต้องรับผิดชอบต่อการถูกเจาะระบบในครั้งนี้หรือไม่"
|
เฟซบุ๊ก เผยบัญชีผู้ใช้งานเกือบ 50 ล้านบัญชีถูกเจาะระบบเข้ามาผ่านฟีเจอร์ "วิว แอส" (View As) ทำให้ผู้โจมตีเข้ามาควบคุมบัญชีผู้ใช้งานได้ รวมถึงเว็บไซต์อื่น ๆ ที่ใช้เฟซบุ๊กในการล็อกอิน
|
thailand-54820795
|
https://www.bbc.com/thai/thailand-54820795
|
ราษฎร 2563: ประกาศเดินขบวนใหญ่ 8 พ.ย. เขียนจดหมาย "ยื่นถึงกษัตริย์"
|
กลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "ราษฎร" เคยใช้บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เป็นจุดชุมนุมใหญ่ก่อนเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบเมื่อวันที่ 14 ต.ค. ที่ผ่านมา "ออกมาร่วมกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยก่อนเตรียมเดินขบวน เขียนจดหมายของทุกคน เพื่อเตรียมยื่นถึงกษัตริย์ของเรา" กลุ่ม "ราษฎร" ระบุว่าถึงการเชิญชวนให้ประชาชนร่วมเขียนจดหมายของตัวเองเพื่อเตรียมยื่นถึงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ว่าเพื่อเป็นการยืนยันใน 3 ข้อเรียกร้อง ได้แก่ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา และองคาพยพ ต้องลาออก ร่างรัฐธรรมนูญใหม่จากประชาชน และปฏิรูปสถาบันกษัตริย์ให้กลับมาอยู่ใต้รัฐธรรมนูญเพื่อให้สามารถดำรงอยู่ในประเทศไทยได้อย่างสง่างาม แกนนำจัดกิจกรรมได้ขยายความข้อเรียกร้องเรื่องการปฏิรูปสถาบันฯ ว่าเท่ากับการ "ทำให้ดีขึ้น ไม่ใช่การล้มล้างดังที่ใครกล่าวอ้าง" หลังเครือข่ายประชาชนปกป้องสถาบันฯ ออกมาให้ความเห็นในด้านตรงข้ามว่าความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นบนท้องถนน ไม่ใช่เพื่อปฏิรูป การนัดหมายดังกล่าว ถูกประกาศผ่านเพจเฟซบุ๊ก "เยาวชนปลดแอก" และ "แนวร่วมธรรมศาสตร์และการชุมนุม" ซึ่งเป็นแนวร่วมของกลุ่มที่เรียกตัวเองว่า "ราษฎร" ในช่วงเที่ยงวันนี้ (5 พ.ย.) หนึ่งวันหลังกลุ่ม "ราษฎร" เปิดแถลงที่สนามหลวง แสดงจุดยืนไม่ร่วมสังฆกรรมกับคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ ที่รัฐบาลกำลังจัดตั้ง และย้ำจุดยืนข้อเรียกร้อง 3 ข้อ ในการแถลงจุดยืนของกลุ่ม "ราษฎร" ระบุเงื่อนไขอย่างแรกที่จะเกิดการพูดคุยได้ต่อเมื่อ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ต้องลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ลุ่มนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่เรียกตัวเองว่า "ราษฎร" แถลงจุดยืนไม่ร่วมสังฆกรรมใด ๆ กับคณะกรรมการปรองดองสมานฉันท์ที่รัฐบาลจัดตั้ง วานนี้ (4 พ.ย.) เช่นเดียวกับฝ่ายค้านที่ยังสงวนท่าทีการเข้าร่วมคณะกรรมการปรองดองและสมานฉันท์ จนก่อให้เกิดเสียงวิจารณ์ว่าคณะกรรมการปรองดองฯ อาจไม่ได้คลอดนั้น เกี่ยวกับเรื่องนี้ นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ไม่ทราบ เอาใจช่วย แต่หากไม่สามารถตั้งได้ ก็ไม่ทราบว่าจะทำอย่างไร เรื่องนี้เป็นอำนาจของนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ขออย่าสงสัย เพราะเป็นไปตามข้อบังคับการประชุมรัฐสภา ข้อ 5 และ 6 และไม่ใช่ว่าจู่ ๆ ประธานรัฐสภาลุกขึ้นฟิตจัด อยากทำเอง ก็ในสภาโยนไปให้ทั้งนั้น ทั้งรัฐบาล ฝ่ายค้าน และสมาชิกวุฒิสภา ประธานรัฐสภาจึงอยู่เฉยไม่ได้ รองนายกฯ ยังไม่ขอแสดงความคิดเห็นว่ากระบวนการปรองดองจะเดินหน้าไปต่อได้หรือไม่ ซึ่งอาจผลขั้นต้นได้คือมีตัวบุคคลเข้ามานั่งคุย และขั้นที่ 2 ข้อเสนอแนะจากคณะกรรมการชุดนี้ "ปล่อยให้เขาทำงาน ถ้า 'ติเรือทั้งโกลน' ลุกขึ้น 'ตีปี๊บ' สุดท้าย 'เรือล่มเมื่อจอด ตาบอดเมื่อแก่' หากกระหึ่มกันว่าโอ้ย... ไม่สำเร็จหรอก ผมเป็นท่านประธานชวน ก็ไม่อยากทำ" นายวิษณุกล่าว นายวิษณุบอกด้วยว่า ขณะนี้สถาบันพระปกเกล้ากำลังออกแบบโครงสร้างคณะกรรมการปรองดองอยู่ฯ ซึ่งในโลกนี้ คนที่เป็นคู่กรณีขัดแย้งกัน เสนอความคิดแบบนี้มาหลายสูตรแล้ว แต่ปัญหาของไทย ไม่เหมือนปัญหาของประเทศอื่น ๆ ถ้าคนสองกลุ่มขัดแย้งกัน วิธีการแก้ปัญหาของ 2 คนนี้เป็นอีกแบบหนึ่ง แต่นี้กลายเป็นว่าต้องเริ่มต้นว่าใคร ใครไปขัดแย้งกับใคร เหมือนที่นายกรัฐมนตรีบอกว่าอยากเชิญมาคุย แต่ไม่รู้ว่าจะเชิญใคร ไม่รู้จะพูดกับคนที่อยู่เบื้องหน้าหรือเบื้องหลัง อย่างที่ซุปเปอร์โพลออกมาความเห็นว่า แต่ละฝ่ายมีผู้อยู่เบื้องหลัง อย่างนี้ยิ่งต้องทำให้คิดว่า หากไม่นำคนที่อยู่เบื้องหลังมานั้งคุยด้วย เอาแต่เบื้องหน้าจะได้อะไร เราต้องคุยถึงสาเหตุ
|
กลุ่มนักเรียน นักศึกษา ประชาชน ที่เรียกตัวเองว่า "ราษฎร" ประกาศนัดหมายการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 8 พ.ย. นี้ ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย เวลา 16.00 น. ก่อนเดินขบวน "เพื่อนำจดหมายที่ประชาชนร่วมกันเขียนยื่นถึงกษัตริย์"
|
international-54789724
|
https://www.bbc.com/thai/international-54789724
|
ออสเตรีย : กราดยิง 6 จุดกลางกรุงเวียนนา เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย
|
เหตุกราดยิงเกิดขึ้นราว 20.00 น. ของวันที่ 2 พ.ย. ตามเวลาท้องถิ่น นายเซบาสเตียน คัวร์ซ นายกรัฐมนตรีออสเตรีย ประณามเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าเป็น "การก่อการร้ายที่น่ารังเกียจ" และบอกด้วยว่ามือปืนรายหนึ่งถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญเสียชีวิตแล้ว กระทรวงมหาดไทยของออสเตรียเปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่กำลังระดมค้นหาผู้ก่อเหตุซึ่งอยู่ระหว่างการหลบหนี เบื้องต้นคาดว่ามีอย่างน้อย 1 ราย ขณะที่นายกเทศมนตรีกรุงเวียนนาระบุว่า มีประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บอย่างน้อย 14 ราย ในจำนวนนี้มี 6 รายที่อาการสาหัส หนึ่งในผู้เคราะห์ร้ายเสียชีวิต ณ จุดเกิดเหตุ ขณะที่อีกรายซึ่งเป็นผู้หญิงไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล เหตุกราดยิงครั้งนี้เกิดขึ้นใกล้กับโบสถ์ยิว แต่ยังไม่แน่ชัดว่าเป็นสถานที่เป้าหมายหรือไม่ นอกจากนี้การโจมตียังเกิดขึ้นในเวลาไม่กี่ชั่วโมง ก่อนที่มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ระลอกใหม่ของรัฐบาลออสเตรียจะมีผลบังคับใช้ จึงมีประชาชนหลายคนรื่นเริงอยู่ตามผับบาร์และร้านอาหาร ขณะที่บรรดาผู้นำสหภาพยุโรป อาทิ สหราชอาณาจักร เยอรมนี ฝรั่งเศส อิตาลี ได้พร้อมใจกันประณามคนร้ายกราดยิงในออสเตรีย ตำรวจปิดถนนใกล้สถานที่เกิดเหตุ เรารู้อะไรบ้างเกี่ยวกับเหตุโจมตี ตำรวจระบุว่า เหตุการณ์นี้เกิดขึ้นใกล้กับโบสถ์ของชาวยิว ซึ่งเป็นโบสถ์หลักใจกลางกรุงเวียนนา หนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของออสเตรียรายงานว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของโบสถ์เป็นหนึ่งในผู้ได้รับบาดเจ็บจากเหตุการณ์ด้วย อย่างไรก็ตามยังไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนว่ามือปืนมีจำนวนกี่ราย ทว่าสื่อออสเตรียรายงานโดยอ้างกระทรวงมหาดไทยว่าสามารจับกุมคนร้ายได้แล้ว 1 คน ขณะเดียวกันมีการโพสต์คลิปวิดีโอเห็นผู้คนวิ่งหนีในขณะที่เสียงปืนดังขึ้น คริส เชา ผู้เห็นเหตุการณ์ซึ่งอยู่ใกล้กับร้านอาหารในจังหวะที่เกิดเหตุกราดยิง กล่าวกับบีบีซีว่า "พวกเราได้ยินเสียงคล้ายประทัดประมาณ 20-30 นัด จึงคิดว่ามันน่าจะเป็นเสียงปืนจริงแล้วล่ะ เราเห็นรถพยาบาลขับเข้ามายังพื้นที่เป็นขบวน มีผู้บาดเจ็บ น่าเศร้าที่เราเห็นร่างผู้เสียชีวิตอยู่บนถนนถัดจากที่ที่เราอยู่" ในขณะที่ตำรวจเปิดปฏิบัติการต่อต้านการก่อการร้าย มีคำสั่งให้ประชาชนหลีกเลี่ยงพื้นที่เกิดเหตุ งดใช้ขนส่งสาธารณะ เพื่อหลีกเลี่ยงการตกเป็นเป้าของคนร้าย และมีคำสั่งปิดถนนรอบ ๆ เมืองแล้ว ชายคนนี้ยกมือขึ้นเหนือศีรษะ ในระหว่างตำรวจปิดพื้นที่เพื่อตามล่าตัวมือปืนที่เหลือ สถานทูตไทยเตือนคนไทยระวังตัว ขณะที่สถานเอกอัครราชทูตไทยในกรุงเวียนนาได้ประกาศผ่านแฟนเพจของสถานทูต แจ้งเตือนให้คนไทยที่อาศัยอยู่ในกรุงเวียนนาระมัดระวังตัว หลีกเลี่ยงพื้นที่สาธารณะ รวมถึงการใช้ระบบขนส่งสาธารณะ และขอให้ติดตามข่าวในเรื่องนี้อย่างใกล้ชิดต่อไปด้วย
|
มือปืนหลายรายก่อเหตุกราดยิงสถานที่ 6 แห่งกลางกรุงเวียนนา เมืองหลวงของออสเตรีย ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 2 ราย
|
features-53363118
|
https://www.bbc.com/thai/features-53363118
|
ผลทดลองล่าสุดชี้ แนวคิดหย่อนวัตถุลงหลุมดำเพื่อดึงพลังงานมาใช้เป็นไปได้จริง
|
แนวคิดของเพนโรสเชื่อว่า เมื่อหย่อนวัตถุลงใน ergosphere ของหลุมดำ อันเป็นบริเวณเชื่อมต่อระหว่างขอบฟ้าเหตุการณ์ด้านนอกและจานพอกพูนมวลที่หมุนอย่างรวดเร็ว วัตถุนั้นจะเคลื่อนที่เร็วกว่าแสงและจะได้พลังงานลบ (negative energy) มาเก็บไว้ในตัว หากเราทำให้วัตถุนั้นตกลงไปในหลุมดำครึ่งหนึ่ง และดึงกลับขึ้นมาอีกครึ่งหนึ่ง การเคลื่อนที่ถอยกลับจะทำให้วัตถุครึ่งที่ถูกดึงกลับมามีพลังงานจากการหมุนของหลุมดำ ซึ่งมนุษย์สามารถนำมาใช้ประโยชน์ได้ ที่ผ่านมาเราไม่อาจพิสูจน์ความถูกต้องของแนวคิดนี้กับหลุมดำของจริง แต่ล่าสุดทีมนักฟิสิกส์จากมหาวิทยาลัยกลาสโกว์ของสหราชอาณาจักร ลงมือทำการทดลองที่ให้ผลยืนยันว่า แนวคิดดึงพลังงานจากหลุมดำมาใช้นั้นเป็นไปได้ โดยมีการจำลองสภาพบางอย่างของหลุมดำในห้องปฏิบัติการ รายงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nature Physics ระบุว่า ระเบียบวิธีที่ใช้ในการทดลองครั้งนี้ ถูกดัดแปลงมาจากข้อเสนอของยาคอฟ เซลโดวิช นักฟิสิกส์ชาวรัสเซียที่เสนอวิธีทดสอบแนวคิดของเพนโรสไว้ตั้งแต่ปี 1971 โดยในตอนนั้นเซลโดวิชเสนอให้ยิงคลื่นแสงที่ถูกบิด (twisted light waves) ให้ไปตกกระทบและสะท้อนออกจากวัตถุทรงกระบอกที่หมุนเร็วถึง 1 พันล้านรอบต่อวินาที ก่อนจะดูถึงความเปลี่ยนแปลงของพลังงานคลื่นแสงที่สะท้อนกลับมา อุปกรณ์ทดลองที่ส่งคลื่นเสียงให้ตกกระทบจานหมุนความเร็วสูง คล้ายกับการหย่อนวัตถุลงหลุมดำตรงด้านนอกของขอบฟ้าเหตุการณ์ การทดลองเช่นนี้ทำให้เกิดสภาพการณ์ที่คล้ายกับได้หย่อนวัตถุลงในหลุมดำ ตรงตามแนวคิดที่เพนโรสได้เสนอไว้ แต่อย่างไรก็ตาม ในการทดลองครั้งล่าสุดของทีมนักฟิสิกส์มหาวิทยาลัยกลาสโกว์ มีการใช้คลื่นเสียงแทนคลื่นแสง โดยใช้อุปกรณ์ส่งคลื่นเสียงไปยังจานโฟมดูดซับเสียงที่หมุนความเร็วสูง และวัดความเปลี่ยนแปลงของพลังงานคลื่นเสียงที่ผ่านจานหมุนออกมาในรูปของปรากฏการณ์ดอปเปลอร์ (Doppler effect) ผลปรากฏว่าคลื่นเสียงที่ผ่านออกมามีแอมพลิจูด (amplitude) หรือความสูงของคลื่นระหว่างยอดคลื่นถึงท้องคลื่นเพิ่มขึ้น ส่งผลให้คลื่นเสียงมีความเข้มและดังยิ่งขึ้น แสดงถึงการได้รับพลังงานกลับมามากขึ้นนั่นเอง ทำให้แวดวงฟิสิกส์เริ่มมีความหวังว่า แนวคิดที่มีอายุเก่าแก่ถึง 51 ปีนี้จะสามารถนำมาใช้ได้จริงในวันใดวันหนึ่งข้างหน้า
|
นับเป็นเวลากว่าครึ่งศตวรรษมาแล้วที่โรเจอร์ เพนโรส นักฟิสิกส์ชาวอังกฤษ ได้เสนอแนวคิดการนำพลังงานมหาศาลจากหลุมดำมาใช้ โดยให้หย่อนวัตถุลงตรงด้านนอกของขอบฟ้าเหตุการณ์ก่อนจะดึงกลับมาบางส่วน ซึ่งเขาเชื่อว่าสิ่งมีชีวิตทรงภูมิปัญญาต่างดาวสามารถใช้วิธีนี้เก็บเกี่ยวพลังงานจากหลุมดำได้แล้ว
|
Subsets and Splits
No community queries yet
The top public SQL queries from the community will appear here once available.