Book,Page,LineNumber,Text
39,0345,001,หรือเมื่อกรณียกิจทั้งหลายเกิดขึ้น ก็ไม่เข้าประกอบด้วยตนเอง. ก็คำใดว่า อสฺส
39,0345,002,ที่ตรัสไว้ในคำนี้ว่า สุวโจ อสฺส แห่งคาถานี้ คำนั้น พึงประกอบเข้ากับ
39,0345,003,บททุกบทอย่างนี้ว่า สนฺตุสฺสโก จ อสฺส สุภโร จ อสฺส.
39,0345,004,
พรรณนาคาถาที่ ๓
39,0345,005,พระผู้มีพระภาคเจ้า ครั้นตรัสบอกกรณียะ แม้ยิ่งไปกว่านั้น โดย
39,0345,006,เฉพาะอย่างยิ่ง แก่ภิกษุผู้อยู่ป่า ซึ่งประสงค์จะบรรลุสันตบทแล้วอยู่ หรือ
39,0345,007,ประสงค์จะปฏิบัติเพื่อบรรลุสันตบทนั้น อย่างนี้แล้วบัดนี้ มีพระพุทธปุระสงค์
39,0345,008,จะตรัสบอกอกรณียะ จึงตรัสกึ่งคาถาว่า น จ ขุทฺทํ สมาจเร กิญฺจิ เยน
39,0345,009,วิญฺญู ปเร อุปวเทยฺยุํ.
39,0345,010,กึ่งคาถานั้น มีความดังนี้ ภิกษุเมื่อทำกรณียะนี้อย่างนี้ ก็ไม่พึง
39,0345,011,ประพฤติกายทุจริต วจีทุจริตและมโนทุจริต ที่เรียกว่า ขุททะ คือลามก เมื่อ
39,0345,012,ไม่ประพฤติ มิใช่ไม่ประพฤติแต่กรรมหยาบอย่างเดียว แม้กรรมเล็กน้อยไร ๆ
39,0345,013,ก็ไม่ประพฤติ ท่านอธิบายว่า ไม่ประพฤติลามกกรรมทั้งจำนวนน้อย ทั้งขนาด
39,0345,014,เล็ก.
39,0345,015,แต่นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงแสดงโทษที่เห็นได้เอง ในการ
39,0345,016,ประพฤติลามกกรรมนั้นว่า เยน วิญฺญู ปเร อุปวเทยฺยุํ. ก็ในคำนี้ เพราะ
39,0345,017,เหตุที่ผู้มิใช่วิญญูชนเหล่าอื่น ไม่ถือเป็นประมาณ. เพราะอวิญญูชนเหล่านั้น
39,0345,018,ยังทำกรรมไม่มีโทษหรือมีโทษ มีโทษน้อยหรือมีโทษมาก. ส่วนวิญญูชนทั้ง
39,0345,019,หลายเท่านั้น ถือเป็นประมาณได้ เพราะว่าวิญญูชนเหล่านั้น ใคร่ครวญทบ
39,0345,020,ทวนแล้ว ย่อมติเตียนผู้ที่ควรติเตียน สรรเสริญผู้ควรสรรเสริญ. ฉะนั้น จึง
39,0345,021,ตรัสว่า วิญฺญู ปเร.