Book,Page,LineNumber,Text
39,0341,001,อนึ่ง เป็นผู้ว่าง่ายอย่างใด ก็พึงเป็นผู้อ่อนโยนอย่างนั้น . บทว่า มุทุ
39,0341,002,ความว่า ภิกษุถูกพวกคฤหัสถ์ใช้ในการเป็นทูตไปรับส่งข่าวเป็นคน ก็ไม่ทำ
39,0341,003,ตามอ่อนแอในกิจนั้น เป็นผู้แข็งกร้าวเสีย พึงเป็นผู้อ่อนโยน ในวัตรปฏิบัติ
39,0341,004,และพรหมจรรย์ทั้งสิ้น ทนต่อการไม่ต้องรับใช้ในกิจนั้น เหมือนทองที่ช่างตก
39,0341,005,แต่งด้วยดี. อีกอย่างหนึ่ง บทว่า มุทุ ได้แก่เป็นผู้ไม่มีหน้าสยิ้ว คือเป็นผู้มี
39,0341,006,หน้าเบิกบาน เจรจาแต่คำที่ให้เกิดสุข ต้อนรับแขก พึงเป็นเหมือนผู้ลงสู่ท่าน้ำ
39,0341,007,ที่ดีโดยสะดวก มิใช่แต่เป็นผู้อ่อนโยนอย่างเดียวดอก พึงเป็นผู้ไม่มีอติมานะ
39,0341,008,ดูหมิ่นเขาด้วย. ไม่พึงดูหมิ่นผู้อื่นด้วยวัตถุแห่งการดูหมิ่น มีชาติและโคตร
39,0341,009,เป็นต้น พึงมีใจเสมอด้วยเด็กจัณฑาลอยู่ เหมือนท่านพระสารีบุตรเถระฉะนั้น.
39,0341,010,
พรรณนาคาถาที่ ๒
39,0341,011,พระผู้มีพระภาคเจ้าครั้นตรัสกรณียกิจโดยเฉพาะอย่างยิ่งของภิกษุผู้อยู่
39,0341,012,ป่า ซึ่งประสงค์จะบรรลุสันบทอยู่ หรือปฏิบัติเพื่อบรรลุสันตบทนั้นอย่างนี้
39,0341,013,แล้ว มีพระพุทธประสงค์จะตรัสยิ่งในรูปกว่านั้นอีก จึงตรัสคาถาที่ ๒ ว่า
39,0341,014,สนฺตุสฺสโก จ เป็นต้น.
39,0341,015,ในคาถาที่ ๒ นั้น ภิกษุชื่อว่า สันโดษ เพราะสันโดษด้วยสันโดษ
39,0341,016,๑๒ อย่าง มีประเภทที่กล่าวไว้แล้วในมงคลข้อนี้ว่า สนฺตุฏฺี จ กตญฺญุตา
39,0341,017,นี้. อีกนัยหนึ่ง ภิกษุใดย่อมยินดี เหตุนั้น ภิกษุนั้น ชื่อว่า ตุสสกะ ผู้ยินดี
39,0341,018,ภิกษุผู้ยินดีด้วยของตนเอง ผู้ยินดีด้วยของที่มีอยู่ ผู้ยินดีด้วยอาการสม่ำเสมอ
39,0341,019,เหตุนั้น จึงชื่อว่าสันตุสสกะผู้สันโดษ. ในลักษณะ ๓ อย่างนั้น ปัจจัย ๔ ที่
39,0341,020,ท่านยกขึ้นแสดงในโรงอุปสมบทอย่างนี้ว่า ปิณฺฑิยาโลปโภชนํ นิสฺสาย
39,0341,021,อาศัยโภชนะ คือคำข้าวที่หามาด้วยปลีแข้งเป็นต้น และตนก็รับไว้แล้ว ชื่อว่า
39,0341,022,ของ ๆ ตน.