Book,Page,LineNumber,Text
39,0338,001,ศีลอาศัยญาณก็ผ่องแผ้วได้ฉันนั้น แล้วชำระด้วยน้ำคือญาณ ก็ทำศีลให้บริสุทธิ์
39,0338,002,ได้ เปรียบเหมือนนกต้อยตีวิดรักษาไข่ เนื้อทรายจามรีรักษาขนหาง นารี
39,0338,003,มีบุตรคนเดียวรักษาบุตรคนเดียวที่น่ารัก บุรุษมีดวงตาข้างเดียวรักษาดวงตา
39,0338,004,ข้างเดียวนั้นไว้ ฉันใด ผู้ไม่ประมาทอย่างเหลือเกิน ก็รักษาศีลขันธ์ของตน
39,0338,005,ฉันนั้น เขาพิจารณาทั้งเย็นเช้า ก็ไม่พบโทษแม้ประมาณน้อย แม้ผู้นี้ ก็ชื่อว่า
39,0338,006,ผู้ฉลาดในประโยชน์.
39,0338,007,อนึ่งเล่า ผู้ใดตั้งอยู่ในศีล ที่ไม่ทำความเดือดร้อน ย่อมประคองปฏิปทา
39,0338,008,เครื่องข่มกิเลส. ครั้นประคองปฏิปทานั้นแล้ว ย่อมทำบริกรรมในกสิณ ครั้น
39,0338,009,ทำบริกรรมในกสิณแล้ว ย่อมยังสมาบัติทั้งหลายให้เกิด แม้ผู้นี้ ก็ชื่อว่า
39,0338,010,ผู้ฉลาดในประโยชน์.
39,0338,011,อนึ่งเล่า ผู้ใดออกจากสมาบัติ พิจารณาสังขารทั้งหลายย่อมบรรลุ
39,0338,012,พระอรหัต ผู้นี้เป็นยอดของผู้ฉลาดในประโยชน์. ชนเหล่านั้นใดเป็นผู้ฉลาดใน
39,0338,013,ประโยชน์อันท่านสรรเสริญแล้ว โดยเพียงตั้งอยู่ในศีล ที่ไม่ทำความเดือดร้อน
39,0338,014,หรือโดยเพียงประคองปฏิปทาเครื่องข่มกิเลส ชนเหล่านั้น ท่านประสงค์ว่า ผู้
39,0338,015,ฉลาดในประโยชน์ในอรรถนี้. และภิกษุเหล่านั้น ก็เป็นอย่างนั้น. ด้วยเหตุ
39,0338,016,นั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงหมายถึงภิกษุเหล่านั้น จึงตรัสด้วยเทศนาเป็น
39,0338,017,บุคลาธิษฐานอย่างหนึ่งว่า กรณียมตฺถกุสเลน อันผู้ฉลาดในประโยชน์
39,0338,018,พึงทำดังนี้.
39,0338,019,ต่อแต่นั้น เมื่อภิกษุเหล่านั้น เกิดความสงสัยว่ากิจอะไรที่ต้องทำ พระ
39,0338,020,ผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า ยนฺตํ สนฺตํ ปทํ อภิสเมจฺจ. ในคำนี้มีอธิบาย
39,0338,021,ดังนี้. พระพุทธะและอนุพุทธะทั้งหลายต่างสรรเสริญกิจที่ผู้ประสงค์จะบรรลุ
39,0338,022,สันตบทโดยการแทงตลอดแล้วอยู่พึงทำ ก็ในคำนี้พึงทราบว่า คำว่า ยํ ข้าพ-