Book,Page,LineNumber,Text
39,0101,001,อถ วา ทุเขน ทุกฺขฺ โทมนสฺสํ ปฏิสํเวเทติ ฉันใด บางแห่งก็ว่า เอกํ
39,0101,002,บางแห่งก็ว่า เอกกํ ก็ฉันนั้น . แต่ในที่นี้มีปาฐะนี้อย่างเดียวว่า เอกํ นาม.
39,0101,003,
พรรณนาปัญหาว่า อะไรเอ่ย ชื่อว่า ๒
39,0101,004,พระศาสดา ผู้มีจิตอันพระเถระทำให้ทรงยินดีด้วยการพยากรณ์นี้อย่าง
39,0101,005,นี้แล้ว จึงตรัสถาม หายิ่งในรูป เหมือนนัยแรกว่า อะไรเอ่ย ชื่อว่า ๒
39,0101,006,พระเถระกล่าวซ้ำว่า เทฺว ๒ ทูลตอบด้วยเทศนาเป็นบุคลาธิษฐานว่า คือนาม
39,0101,007,และรูป. บรรดานามและรูปนั้น เรื่องที่มิใช่รูปทั้งหมด ท่านเรียกว่านาม เพราะ
39,0101,008,น้อมมุ่งหน้าสู่อารมณ์อย่างหนึ่ง เพราะเป็นเหตุน้อมจิตไปอย่างหนึ่ง. แต่ในที่นี้
39,0101,009,ท่านประสงค์เอาธรรมที่มีอาสวะเท่านั้น เพราะเป็นเหตุแห่งนิพพิทาความหน่าย
39,0101,010,ส่วนมหาภูตรูป ๔ และรูปทั้งหมดที่อาศัยมหาภูตรูปนั้นเป็นไป ท่านเรียกว่า
39,0101,011,รูป เพราะอรรถว่า แตกสลาย. รูปนั้นในที่นี้ ท่านประสงค์เอาทั้งหมด.
39,0101,012,แต่พระเถระกล่าวในที่นี้ว่า ชื่อว่า ๒ คือนามและรูป ก็โดยความประสงค์นี้
39,0101,013,แล มิใช่กล่าวเพราะไม่มีธรรม ๒ อย่างอื่น เหมือนอย่างที่ตรัสไว้ว่า
39,0101,014,ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ในธรรม ๒ อย่าง ภิกษุ
39,0101,015,เมื่อหน่ายโดยชอบ ฯลฯ ย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ใน
39,0101,016,ธรรม ๒ อย่าง คือนานและรูป ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย
39,0101,017,ในธรรม ๒ อย่างนี้แล ภิกษุเมื่อหน่ายโดยชอบ ฯลฯ
39,0101,018,ย่อมเป็นผู้ทำที่สุดทุกข์ได้ คำนั้นใดว่า ปัญหา ๒
39,0101,019,อุทเทส ๒ ไวยากรณ์ ๒ ดังนี้ คำนี้ เราอาศัยอันนี้
39,0101,020,กล่าวแล้ว.
39,0101,021,ก็ในปัญหาข้อนี้ พึงทราบว่า ภิกษุละอัตตทิฏฐิความเห็นว่าเป็นตน
39,0101,022,ได้ ด้วยการเห็นเพียงนามรูปแล้ว เมื่อหน่ายโดยมุขคือการพิจารณาเห็นอนัตตา