Book,Page,LineNumber,Text 13,0524,001,บทว่า กุสาวติราชธานี ความว่า กุสาวดีราชธานี เป็นประมุข คือ 13,0524,002,เป็นใหญ่ทั้งหมดแห่งพระนครเหล่านั้น. บทว่า ภตฺตาภิหาโร ความว่า ภัต 13,0524,003,อันจะพึงนำไปเฉพาะ. บทว่า วสฺสสตสฺส วสฺสสตสฺส ความว่า ท่านคิด 13,0524,004,อย่างนี้ เพราะเหตุไร. เพราะรำคาญด้วยเสียงบุคคลเหล่านั้น. ก็ท่านกล่าวว่า 13,0524,005,เสียงย่อมรบกวนผู้เข้าสมาบัติ เพราะฉะนั้น มหาบุรุษจึงรำคาญด้วยเสียง. ถ้า 13,0524,006,เช่นนั้น ทำไมจึงไม่บอกว่า พวกท่านจงอย่ามา. เดี๋ยวนี้พระราชาไม่เห็น 13,0524,007,เพราะฉนั้น จึงไม่กล่าวว่า จักไม่ได้วัตรเป็นนิตย์ วัตรนั้นของชนเหล่านั้น 13,0524,008,จงอย่าขาดไป. 13,0524,009,บทว่า เอตทโหสิ ความว่า ความคิดนั้นได้มีแล้วเมื่อไร. ในวันกาล 13,0524,010,กิริยาของพระราชา. ได้ยินว่า ในกาลนั้น เทพดาทั้งหลายคิดว่า พระราชาจง 13,0524,011,อย่าทรงกระทำกาลกิริยาอย่างอนาถา จงมีธิดา บุตรทั้งหลายที่ร้องไห้แวดล้อม 13,0524,012,กระทำกาลกิริยาเถิด. ลำดับนั้น นึกถึงเทวียังจิตแห่งเทวีเกิดขึ้นอย่างนี้. บทว่า 13,0524,013,ปิตานิ วตฺถานิ ความว่า ได้ยินว่า ผ้าเหลืองเหล่านั้น เป็นที่พึงพอพระ- 13,0524,014,ราชหฤทัยของพระราชาโดยปกติ เพราะฉะนั้น พระนางสุภัททาเทวี จึงตรัส 13,0524,015,ว่า ท่านทั้งหลายจงห่มผ้าเหลือง. บทว่า เอตฺเถว เทวิ เทวิ ติฏฺ€ ความว่า 13,0524,016,ชื่อว่า ฌานาคารนี้ ไม่ใช่สถานอยู่ร่วมกับท่านทั้งหลาย ชื่อว่า สถานที่ได้ 13,0524,017,ความยินดีในฌานท่านอย่าเข้ามาในที่นี้. 13,0524,018,บทว่า เอตทโหสิ ความว่า ธรรมดาสัตว์ทั้งหลายในโลกย่อมรุ่งโรจน์ 13,0524,019,ยิ่งในกาลสมัยใกล้ตาย ด้วยเหตุนั้น พระนางเทวีนั้น ทรงเห็นความที่พระราชา 13,0524,020,ทรงมีพระอินทรีย์ผ่องใส จึงมีพระดำรัสอย่างนั้น. 13,0524,021,แต่นั้น พระนางเทวีไม่ทรงปรารถนากาลกิริยาของพระราชาชั้นว่า 13,0524,022,ขอกาลกิริยาอย่าได้มีแด่พระราชา ตรัสถึงคุณสมบัติของพระราชานั้น ทรงคิด 13,0524,023,ว่า เราจักทำอาการให้ทรงมีพระชนม์อยู่จึงทูลว่า อิมานิ เต เทว เป็นต้น.