Book,Page,LineNumber,Text
13,0202,001,ว่า เกิดหนเดียว การแยกกัน การไม่แยกกัน การน้อมไป การทำลายของนาม
13,0202,002,รูป มีอรรถว่า เป็นใหญ่เป็นทวาร และเขตของโลก และความเป็นธรรมมี
13,0202,003,อารมณ์ของอายตนะ ๖ มีอรรถว่า สัมผัส เสียดสีไปร่วมและประชุมของผัสสะ
13,0202,004,มีอรรถว่า การเสวยอารมณ์และรส และการเสวยสิ่งไร้ชีวิตคือความเป็นสุข เป็น
13,0202,005,ทุกข์และกลางๆ ของเวทนา มีอรรถว่า ยินดียิ่ง พะวงยิ่ง สายน้ำ แม้น้ำคือตัณหา
13,0202,006,มหาสมุทรคือตัณหา เต็มได้ยากของตัณหา มีอรรถว่า ถือรับยึดถูกต้องล่วงไป
13,0202,007,ได้ยากของอุปาทาน มีอรรถว่า ประมวลปรุงแต่งการซัดไปใน โยนิ คติ ฐิติ
13,0202,008,และนิวาสสถานทั้งหลายของภพ มีอรรถว่า ความปรากฏชาติสัญชาติความก้าว
13,0202,009,ลงการเกิดขึ้นของชาติ มีอรรถว่า สิ้นไป เสื่อมไป แตกไป และแปรปรวน ของ
13,0202,010,ชราและมรณะด้วยประการอย่างนี้ สภาวะแห่งอวิชชาเป็นต้นใด ธรรมทั้งหลาย
13,0202,011,มีอวิชชาเป็นต้น เป็นอันรู้แจ้งแทงตลอดโดยลักษณะอันมีรสด้วยปฏิเวธใด
13,0202,012,สภาวะและปฏิเวธนั้นเป็นของลึกซึ้ง เพราะเหตุนั้น พึงทราบว่านี้คือความที่
13,0202,013,ปฏิจจสมุปบาท มีความลึกซึ้งโดยปฏิเวธ.
13,0202,014,ปฏิจจสมุปบาทแม้ทั้งหมดนั้น ปรากฏแก่พระเถระดุจเป็นของง่าย
13,0202,015,ด้วยเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อจะยังท่านพระอานนท์ให้คลายความคิด
13,0202,016,จึงตรัสว่า มา เหวํ ดังนี้เป็นต้น ก็ในข้อนี้มีอธิบายว่า ดูก่อนอานนท์ เธอเป็น
13,0202,017,ผู้มีปัญญามาก มีปัญญาเฉลียวฉลาด ด้วยเหตุนั้น ปฏิจจสมุปบาท แม้เป็นของ
13,0202,018,ลึกซึ้งย่อมปรากฏแก่เธอดุจเป็นของง่าย เพราะฉะนั้น เธออย่าได้กล่าวอย่างนี้ว่า
13,0202,019,ปฏิจจสมุปบาทนี้ปรากฏเป็นของง่ายแก่เราเท่านั้นหรือ หรือว่าแม้แก่ผู้อื่นด้วย
13,0202,020,ในบทที่ท่านกล่าวว่า อปสาเทนฺโต นั้นมีอธิบายว่า ดูก่อนอานนท์ เธออย่า
13,0202,021,ได้กล่าวอย่างนี้ว่า ก็เมื่อเป็นเช่นนั้น ปฏิจจสมุปบาทนี้ย่อมปรากฏแก่เราดุจเป็น
13,0202,022,ของง่าย ๆ ก็ผิว่าปฏิจจสมุปบาทนี้ ย่อมปรากฏแก่เธอดุจเป็นของง่าย ๆ ไซร้
13,0202,023,เพราะเหตุไร เธอจึงมิได้เป็นโสดาบันตามธรรมดาของตน เธอตั้งอยู่ในนัยที่เรา