Book,Page,LineNumber,Text
13,0155,001,นุ่งห่มผ้ากาสายะ มีภิกขุบริขาร ๘ สวมในร่างกาย นั่งถวายนมัสการพระผู้มี
13,0155,002,พระภาคเจ้าดุจพระเถระมีพรรษา ๒๐.
13,0155,003,ในบทว่า สนฺทสฺเสสิ เป็นต้น ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรง
13,0155,004,แสดงถึงประโยชน์ในโลกนี้และประโยชน์ในโลกหน้า. เมื่อทรงแสดงถึงประ-
13,0155,005,โยชน์ในโลกนี้ทรงแสดงว่า อนิจฺจํ ทุกฺขํ อนตฺตา ดังนี้ ทรงแสดง ขันธ์
13,0155,006,ทั้งหลาย ธาตุทั้งหลาย อายตนะทั้งหลายปฏิจจสมุปบาท เมื่อทรงแสดงความ
13,0155,007,เกิดขึ้นแห่งรูปขันธ์ทรงแสดงถึงลักษณะ ๕ เมื่อทรงแสดงความเสื่อมแห่งเวทนา
13,0155,008,ขันธ์เป็นต้น ก็อย่างนั้น เพราะเหตุนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงทรงแสดงลักษณะ
13,0155,009,๕๐ ด้วยสามารถความเกิดขึ้นและความเสื่อม. เมื่อทรงแสดงถึงประโยชน์ใน
13,0155,010,โลกหน้า ทรงแสดงถึงนรกกำเนิดเดียรัจฉาน เปรตวิสัย อสุรกาย ทรงแสดง
13,0155,011,อันเป็นวิบากแห่งกุศล ๓ อย่าง สมบัติแห่งเทวโลก ๖ ชั้น พรหมโลก ๙ ชั้น.
13,0155,012,บทว่า สมาทเปสิ ความว่า ให้ถือกัลยาณธรรมมีปาริสุทธิศีล ๔ ธุดงค์
13,0155,013,กถาวัตถุ ๑๐ เป็นต้น.
13,0155,014,บทว่า สมุตฺเตเชสิ คือ ให้อาจหาญด้วยดี ให้อุตสาหะยิ่ง ๆ ขึ้น.
13,0155,015,พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงให้หวาดสะดุ้งให้หวาดกลัวประโยชน์ในโลกนี้และประ-
13,0155,016,โยชน์ในโลกหน้าตรัสทำดุจบรรลุแล้ว. ก็เมื่อพระพุทธเจ้าผู้มีพระภาคทรงทำ
13,0155,017,ให้สัตว์หวาดสะดุ้งหวาดกลัวแล้วตรัสถึงประโยชน์โลกนี้ อันมีประเภท เช่น
13,0155,018,กัมมกรณ์ ๓๒ และมหาภัย ๒๕ ย่อมทำให้เกิดความหวาดสะดุ้ง ดุจถูกมัดแขน
13,0155,019,ไพล่หลังจนแน่นแล้วโบย ๑๐๐ ครั้ง ที่ทาง ๔ แพร่ง นำออกไปทางประตู
13,0155,020,ทิศใต้ ดุจวางศีรษะที่ระฆังสำหรับประหาร ดุจเสียบบนหลาวและดุจถูกช้าง
13,0155,021,ซับมันเหยียบ. และเมื่อทรงกล่าวถึงประโยชน์ในโลกหน้าย่อมเป็นดุจเกิดใน
13,0155,022,นรกเป็นต้นและดุจเสวยสมบัติในเทวโลก.