Book,Page,LineNumber,Text
13,0549,001,บทว่า คตึ คือ ญาณคติ. บทว่า อภิสมฺปรายํ ความว่า มีญาณ
13,0549,002,เป็นไปเบื้องหน้า. บทว่า อทฺทสา โข ความว่า ได้เห็นชนประมาณ
13,0549,003,"เท่าใด. ประมาณ ๒,๔๐๐,๐๐๐ คน. บทว่า อุปสนฺตปติสฺโส ความ ทรง"
13,0549,004,มีทัศนสงบแล้ว. บทว่า ภาติริว ความว่า เปล่งปลั่งยิ่ง คือ รุ่งโรจน์ยิ่ง.
13,0549,005,บทว่า อินฺทฺริยานํ ความว่า พระอินทรีย์ซึ่งมีพระหฤทัยเป็นที่หก. บทว่า
13,0549,006,อทฺทสํ โข อหํ อานนฺท ความว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า เราได้เห็นชาว
13,0549,007,มคธผู้บำรุง ไม่ใช่จำนวนสิบ จำนวนยี่สิบ จำนวนร้อย จำนวนพัน แต่
13,0549,008,"จำนวนไม่ต่ำกว่า ๒,๔๐๐,๐๐๐ คน. แต่ชนมีประมาณเท่านี้ เห็นเราแล้ว"
13,0549,009,อาศัยเราพ้นจากทุกข์แล้ว โสมนัสมีกำลังเกิดขึ้นแล้ว จิตเลื่อมใส เพราะจิต
13,0549,010,เลื่อมใส โลหิตซึ่งมีจิตเป็นสมุฏฐานก็ผ่องใส เพราะโลหิตผ่องใส อินทรีย์ทั้ง
13,0549,011,หลายซึ่งมีมนะเป็นที่หก ก็ผ่องใส ครั้นตรัสดังนี้แล้ว จึงตรัสว่า อถโข
13,0549,012,อานนฺท เป็นต้น. พระเจ้าพิมพิสารพระองค์นั้น ทรงสดับธรรมกถาของสมเด็จ
13,0549,013,พระผู้มีพระภาคเจ้า ณ ที่นั้น เป็นใหญ่แห่งชนหนึ่งแสนยิ่งด้วยสิบพัน บรรลุ
13,0549,014,เป็นพระโสดาบัน เพราะฉะนั้น พระองค์จึงมีพระนามว่า ชนวสภะ.
13,0549,015,บทว่า อิโต สตฺต ความว่า จุติจากเทวโลกนี้เจ็ดครั้ง. บทว่า ตโต
13,0549,016,สตฺต ความว่า จุติจากมนุษยโลกนั้นเจ็ดครั้ง. บทว่า สํสรามิ จตุทฺทส
13,0549,017,ความว่า ตามลำดับขันธ์ทั้งหมด สิบสี่ครั้ง. บทว่า นิวาสมภิชานามิ ความ
13,0549,018,ว่า เรารู้นิวาสด้วยอำนาจแห่งชาติ. บทว่า ยตฺถ เม วุสิตํ ปุเร ความว่า เรา
13,0549,019,เข้าถึงความเป็นสหายแห่งเวสวัณในเทวโลก และเป็นราชาในมนุษยโลกอยู่แล้ว
13,0549,020,ในกาลก่อน แต่อัตภาพนี้ และเพราะได้อยู่อย่างนี้แล้ว บัดนี้ได้เป็นโสดาบัน
13,0549,021,กระทำบุญมากในวัตถุทั้ง ๓ แม้สามารถบังเกิดเบื้องสูงด้วยอานุภาพแห่งบุญนั้น
13,0549,022,จึงได้เกิดแล้วในที่นี้เทียว เพราะกำลังแห่งความใคร่ในสถานที่อยู่ตลอดกาลนาน.