|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
13,0415,001,สาละนั้น ต้นสาละรุ่นต้นหนึ่งอยู่ใกล้ทางส่วนพระเศียรต้นหนึ่งอยู่ใกล้พระบาท.
|
|
13,0415,002,อีกอย่างหนึ่ง ท่านกล่าวว่า ต้นสาละที่ยืนต้นประชิดกันและกันด้วยรากลำต้น
|
|
13,0415,003,ค่าคบและใบ ชื่อว่า ยมกสาละ. ด้วยบทว่า <B>มญฺจกํ ปญฺเปหิ</B> ท่านกล่าวว่า
|
|
13,0415,004,ได้ยินว่า พระแท่นบรรทมในพระราชอุทยานนั้นมีอยู่ ทรงหมายถึงพระแท่นนั้น
|
|
13,0415,005,ทรงรับสั่งให้ปู. แม้พระเถระก็จัดพระแท่นนั้นถวาย. บทว่า <B>กิลนฺโตสฺมิ
|
|
13,0415,006,อานนฺท นิปชฺชิสฺสามิ</B> ความว่า ความจริง ในคำนี้ว่า
|
|
13,0415,007,<B>ตระกูลช้างชื่อ โคจรี กลาปะ คังเคยยะ ปิงคละ ปัพพเตยยกะ
|
|
13,0415,008,เหมวตะ ตัมพะ มันทากินี อุโบสถ ฉัททันตะ เป็นที่ครบ ๑๐ เหล่านี้
|
|
13,0415,009,เป็นยอดของช้างทั้งหลาย</B> กำลังอันใดของพระตถาคต เป็นกำลังเท่ากับ
|
|
13,0415,010,กำลังของช้างปกติพันโกฏิ โดยนัยเพิ่มด้วยคูณ ๑๐ อย่างนี้ คือกำลังของช้าง
|
|
13,0415,011,ปกติที่เรียกว่า โคจรี ๑๐ เชือก เท่ากับกำลังของช้างตระกูลกลาปะ ๑ เชือก
|
|
13,0415,012,เป็นต้น กำลังนั้นทั้งหมด ก็หมดสิ้นไปเหมือนน้ำที่ใส่ลงในหม้อกรองน้ำ ตั้งแต่
|
|
13,0415,013,เวลาที่เสวยบิณฑบาตของนายจุนทะ ตั้งแต่นครปาวาถึงนครกุสินารา ระยะทาง
|
|
13,0415,014,๓ คาวุต. ในระหว่างนี้ พระผู้มีพระภาคเจ้าต้องประทับนั่งพักถึง ๒๕ แห่ง
|
|
13,0415,015,เสด็จมาด้วยอุตสาหะใหญ่ เสด็จเข้าสาลวันในเวลาเย็นพระอาทิตย์ตก. พระโรค
|
|
13,0415,016,ก็มาลบล้างความไม่มีโรคเสียสิ้นด้วยประการฉะนี้. เหมือนอย่างทรงแสดงความ
|
|
13,0415,017,ข้อนี้ เมื่อตรัสพระวาจาให้เกิดความสังเวชแก่สัตว์โลกทั้งปวง จีงตรัสว่า
|
|
13,0415,018,<B>กิลนฺโตสฺมิ อานนฺท นิปชฺชิสฺสามิ</B> อานนท์ ตถาคตลำบากนัก จักนอน
|
|
13,0415,019,ละดังนี้.
|
|
13,0415,020,ถามว่า ก็เพราะเหตุไร พระผู้มีพระภาคเจ้า จึงเสด็จมาในที่นี้ด้วย
|
|
13,0415,021,อุตสาหะใหญ่ ไม่อาจไปปรินิพพานในที่อื่นหรือ. ตอบว่า ไม่อาจไปปริพพาน
|
|
13,0415,022,ในที่อื่นที่หามิได้ แต่เสด็จมาในที่นี้ด้วยเหตุ ๓ ประการ. จริงอยู่ พระผู้มี
|
|
13,0415,023,พระภาคเจ้าทรงทราบความข้อนี้ว่า เมื่อเราตถาคตปรินิพพานเสียในที่อื่น
|
|
|