|
Book,Page,LineNumber,Text
|
|
13,0413,001,ถามว่า พระตถาคตสรรเสริญบิณฑบาตใด ที่นางสุชาดาถวายแล้ว
|
|
13,0413,002,ตรัสรู้ บิณฑบาตนั้นพระองค์เสวยในเวลาที่ยังมีราคะ โทสะ และโมหะ แต่
|
|
13,0413,003,บิณฑบาตนี้ที่นายจุนทะถวายแล้ว พระองค์เสวยในเวลาที่ปราศจากราคะ
|
|
13,0413,004,โทสะ โมหะ มิใช่หรือ แต่ไฉนบิณฑบาตทั้งสองนี้จึงมีผลเท่า ๆ กัน แก้ว่า
|
|
13,0413,005,เพราะเสมอกันโดยการปรินิพพาน เสมอกันโดยการเข้าสมาบัติ และเสมอกัน
|
|
13,0413,006,โดยการระลึกถึง. จริงอยู่ พระผู้มีพระภาคเจ้าเสวยบิณฑบาตที่นางสุชาดา
|
|
13,0413,007,ถวายแล้ว. เสด็จปรินิพพานด้วยอุปาทิเสสนิพพานธาตุ และเสวยบิณฑบาตที่
|
|
13,0413,008,นายจุนทะถวายแล้ว เสด็จปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ รวมความว่า
|
|
13,0413,009,มีผลเสมอกันโดยการปรินิพพาน. ก็ในวันที่พระองค์ตรัสรู้ พระองค์ทรงเข้า
|
|
13,0413,010,สมาบัตินับได้สองล้านสี่แสนโกฏิ แม้ในวันเสด็จปรินิพพาน พระองค์ก็ทรง
|
|
13,0413,011,เข้าสมาบัติเหล่านั้นทั้งหมด. รวมความว่า มีผลเสมอกันโดยเสมอกันด้วย
|
|
13,0413,012,สมาบัติ. ในกาลต่อมา นางสุชาดา ได้ทราบว่า เล่ากันมาว่า ผู้ที่เราเห็นนั้น
|
|
13,0413,013,ไม่ใช่รุกขเทวดา เป็นพระโพธิสัตว์ ได้ยินว่าพระโพธิสัตว์นั้นฉันบิณฑบาต
|
|
13,0413,014,นั้นแล้ว ตรัสรู้อนุตตรสัมมาสัมโพธิญาณ พระองค์ดำรงอยู่ได้ด้วยบิณฑบาต
|
|
13,0413,015,นั้น ๗ สัปดาห์. เมื่อนางได้ฟังดังนั้น ก็ระลึกได้ว่า เป็นลาภของเราหนอ
|
|
13,0413,016,จึงเกิดปีติโสมนัสอย่างแรง. ครั้นต่อมา นายจุนทะได้สดับว่า ได้ยินว่า
|
|
13,0413,017,บิณฑบาตครั้งสุดท้ายที่เราถวาย เราได้ยอดธรรมแล้ว ได้ยินว่า พระศาสดา
|
|
13,0413,018,เสวยบิณฑบาตของเราเสด็จปรินิพพานด้วยอนุปาทิเสสนิพพานธาตุ หวนระลึก
|
|
13,0413,019,ได้ว่า เป็นลาภของเราหนอ จึงเกิดโสมนัสอย่างแรง พึงทราบว่ามีผลเสมอกัน
|
|
13,0413,020,แม้โดยการเสมอกันแห่งการระลึกถึงอย่างนี้ด้วยประการฉะนี้.
|
|
13,0413,021,บทว่า <B>ยสสํวตฺตนิกํ</B> ได้แก่ เป็นไปเพื่อบริวาร. บทว่า <B>อธิป-
|
|
13,0413,022,เตยฺยสํวตฺตนิกํ</B> ได้แก่ เป็นไปเพื่อความเป็นใหญ่.
|
|
|