tripitaka-mbu / 13 /130330.csv
uisp's picture
add data
3c90236
Book,Page,LineNumber,Text
13,0330,001,เบียนพวกเราอยู่ว่า สิ่งนี้ควรแก่เธอ สิ่งนี้ไม่ควรแก่เธอ ก็บัดนี้พวกเรา
13,0330,002,ปรารภในสิ่งใด ก็จักกระทำสิ่งนั้น ไม่ปรารถนาสิ่งใด ก็จักไม่กระทำสิ่งนั้น.
13,0330,003,ลำดับนั้น พระมหากัสสปะเตือนภิกษุทั้งหลายว่า อย่าเลยผู้มีอายุ พวก
13,0330,004,ท่านอย่าเศร้าโศก อย่าร่ำไรไปเลย พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ตรัสสอนไว้อย่างนี้
13,0330,005,ก่อนแล้วไม่ใช่หรือว่า ความเป็นต่าง ๆ ความพลัดพราก ความเป็นอย่างอื่น
13,0330,006,จากสิ่งและบุคคลเป็นที่รักที่ชอบทั้งหมดต้องมี ข้อนั้นจะหาได้ในสิ่งและบุคคล
13,0330,007,ที่รักที่ชอบใจนี้แต่ที่ไหน สิ่งใดเกิดแล้ว มีแล้ว ปัจจัยปรุงแต่งแล้ว มีความ
13,0330,008,ทำลายเป็นธรรมดา ความปรารถนาว่าขอสิ่งนี้ อย่าทำลายไปเลยดังนี้ ไม่เป็น
13,0330,009,ฐานะที่จะมีได้.
13,0330,010,<H1>มัลลปาโมกข์ ๔</H1>
13,0330,011,[๑๕๖] สมัยนั้น มัลลปาโมกข์ ๔ องค์ สระสรงเกล้าแล้วทรงนุ่งผ้า
13,0330,012,ใหม่ด้วยดำริว่า เราจักยังไฟให้ติดจิตกาธารของพระผู้มีพระภาคเจ้า ก็ย่อมไม่
13,0330,013,อาจให้ติดได้. ลำดับนั้น พวกเจ้ามัลละเมืองกุสินาราได้ถามท่านพระอนุรุทธะ
13,0330,014,ว่า ท่านอนุรุทธะอะไรหนอเป็นเหตุ อะไรหนอเป็นปัจจัย ที่มัลลปาโมกข์
13,0330,015,๔ องค์เหล่านี้ ผู้สระสรงเกล้าแล้วทรงนุ่งผ้าใหม่ด้วยดำริว่า เราจักยังไฟให้
13,0330,016,ติดจิตกาธาร ย่อมไม่อาจให้ติดได้. ท่านพระอนุรุทธะกล่าวว่า ดูก่อนวาสิฏฐะ
13,0330,017,ทั้งหลาย พวกเทวดามีความประสงค์อย่างหนึ่ง. มัลลปาโมกข์ถามว่า ข้าแต่ท่าน
13,0330,018,ผู้เจริญ พวกเทวดามีความประสงค์อย่างไร. ท่านพระอนุรุทธะตอบว่า
13,0330,019,พวกเทวดามีความประสงค์ว่า ท่านพระมหากัสสปะนี้ พร้อมด้วยภิกษุ
13,0330,020,สงฆ์หมู่ใหญ่ประมาณ ๕๐๐ รูป เดินทางไกลจากเมืองปาวามาสู่เมืองกุสินารา
13,0330,021,จิตกาธารของพระผู้มีพระภาคเจ้าจักยังไม่ลุกโพลงขึ้น จนกว่าท่านพระมหา
13,0330,022,กัสสปะจะถวายบังคมพระบาททั้งสองของพระผู้มีพระภาคเจ้าด้วยมือของตน.