tripitaka-mbu / 13 /130136.csv
uisp's picture
add data
3c90236
Book,Page,LineNumber,Text
13,0136,001,และสังขารเหล่านั้น. จริงอยู่ พระมหาบุรุษทรงตั้งมั่นอยู่แล้วด้วยสามารถแห่ง
13,0136,002,ปัจจุบัน. อันผู้ไม่เห็นอวิชชาและสังขารไม่อาจเป็นพระพุทธเจ้าได้มิใช่หรือ.
13,0136,003,จริงไม่อาจเป็นได้. แต่ธรรมเหล่านั้น อันพระมหาบุรุษนี้เห็นแล้วด้วย สามารถ
13,0136,004,แห่งภพ อุปาทานและตัณหา. ก็ในที่นี้ควรกล่าวถึงปฏิจจสมุปบาทโดยพิสดาร.
13,0136,005,ปฏิจจสมุปบาทนั้นท่านกล่าวไว้แล้วในวิสุทธิมรรค.
13,0136,006,บทว่า <B>ปจฺจุทาวตฺตติ</B> คือกลับเวียนมา. ก็ในบทนี้วิญญาณกลับเวียน
13,0136,007,มาเป็นไฉน. วิญญาณนั้นได้แก่ ปฏิสนธิวิญญาณบ้าง วิปัสสนา. วิญญาณบ้าง
13,0136,008,ในวิญญาณทั้งสองนั้น ปฏิสนธิวิญญาณกลับเวียนมาแต่ปัจจัย. วิปัสสนาวิญญาณ
13,0136,009,กลับเวียนมาแต่อารมณ์. แม้ทั้งสองก็ไม่พ้นนามรูป อื่นจากนามรูปย่อมไปไม่ได้.
13,0136,010,ในบททั้งหลายมีอาทิว่า <B>เอตฺตาวตา ชาเยถ วา</B> ความว่า ท่านแสดงบททั้ง
13,0136,011,๕ พร้อมด้วยจุติและปฏิสนธิอื่นๆ อย่างที่ว่า เมื่อวิญญาณเป็นปัจจัย แก่นามรูป
13,0136,012,และเมื่อนามรูปเป็นปัจจัย แก่วิญญาณ แม้เมื่อทั้งสองก็เป็นปัจจัยของกันและกัน
13,0136,013,ด้วยเหตุเพียงเท่านี้ สัตว์โลกพึงเกิดบ้าง พึงแก่บ้าง พึงตายบ้าง พึงจุติบ้าง พังอุบัติ
13,0136,014,บ้าง ก็นอกจากนี้อย่างอื่นยังมีอีกหรือ สัตว์พึงเกิดบ้าง ฯลฯ พึงอุบัติบ้าง นี้
13,0136,015,เท่านั้นมิใช่หรือสัตว์ย่อมเกิด ฯลฯ และย่อมอุบัติ เมื่อจะขยายความที่ท่านกล่าว
13,0136,016,คำนั้นอีกว่า <B>เอตฺตาวตา</B> จึงกล่าวว่า เพราะนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ
13,0136,017,เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีรูปนาม ต่อจากนั้นเพื่อจะแสดงชาติชราและมรณะ
13,0136,018,แม้ต่อไป อันมีนามรูปเป็นรากเหง้า เพราะวิญญาณเป็นปัจจัย ด้วยสามารถ
13,0136,019,ปัจจยาการโดยอนุโลม จึงกล่าวคำเป็นอาทิว่า เพราะนามรูปเช่นปัจจัย จึงมี
13,0136,020,สฬายตนะ. ในบททั้งหลายเหล่านั้น บทว่า <B>เกวลสฺส ทุกฺขกฺขนฺธสฺส สมุท-
13,0136,021,โย โหติ</B> ความว่า ความเกิดขึ้นแห่งกองทุกข์ทั้งมวลมีประเภทเป็นต้นว่า ชาติ
13,0136,022,ชรามรณะโสกะปริเทวะทุกข์ โทมนัสและอุปายาส ย่อมมีได้. พระมหาบุรุษได้
13,0136,023,เห็นความเกิดแห่งวัฏฏทุกข์ ทั้งมวลด้วยประการฉะนี้.